กาลครั้งหนึ่ง...ถึงความรัก (ตอนที่ 5...ความเศร้าที่มองไม่เห็น)

    เดลาคล็อกซ์ท้าวคางอ่านหนังสือในห้องทำงานของตนในยามที่ฟ้ามืดมิด ไร้แสงอาทิตย์อย่างสงบ หลังจากที่จีเซสได้เสร็จงานวันแรกของตนกลับคฤหาสน์ไปแล้ว เขาชำเลืองมองแผนผังเมืองที่เขายืมมาจากห้องสมุด...แผนผังที่จีเซสเองก็ต้องการเหมือนกัน

    เขาไม่เข้าใจความคิดของปู่ของตนเอาซะเลย ทำไมถึงได้จ้างให้เลดี้ผู้ซึ่งยังไม่เคยเปิดตัวในงานสังคมมาทำงานกับเขา ทำไมถึงจ้างผู้หญิงทั้งๆที่เขาแทบไม่เคยเห็นผู้หญิงทำงานมาก่อน

    ไม่ใช่แค่ปู่เท่านั้น...เขาเองก็ไม่เข้าใจพ่อแม่ของตนเองเช่นกัน ตอนที่เขาเป็นเด็กทารก พ่อแม่ของเขาฝากเขาไว้ให้ปู่กับย่าดูแล เพราะพวกเขาต้องไปติดต่องานต่างเมือง ระหว่างทางทั้ง 2 เจอโจรป่า...ปู่เล่าให้ฟังว่า ทั้ง 2 เลือกที่จะกอดกัน แทนที่จะจับดาบขึ้นสู้

    เขาไม่เข้าใจคุณย่า ผู้ซึ่งตัดขาดจากโลกภายนอก ไม่ยอมให้ปู่เข้าเยี่ยมแม้แต่นิดเดียว ไม่แม้แต่ให้คนใช้เข้ามาเสิร์ฟอาหาร หล่อนขังตัวเองเมื่อรู้ว่าเป็นวัณโรค...ขังตัวเองในความมืด ความเหงา และความหิว

    สุดท้ายที่ทำให้เขาเริ่มทนตัวเองไม่ได้...เขาสงสัยตัวเอง สงสัยว่าทำไมถึงไม่สามารถเข้าใจสิ่งต่างๆได้ สิ่งที่เรียกว่าจิตใจ เขาไม่มีจิตใจเหรอ?...ไม่ใช่...เขามีหัวใจที่จะรู้สึกเจ็บ รู้สึกโกรธ รู้สึกโมโห...แต่ว่าทำไม...เขาไม่เข้าใจการกระทำของพ่อ แม่ และย่า...ถ้าจับดาบขึ้นสู้ ก็อาจจะชนะไม่ใช่เหรอ ถึงโจรป่าจะมีเยอะจนสู้ไม่ไหว แต่ถ้าสู้จนตัวตายก็ดีกว่ามากอดกันตายนี่ ส่วนคุณย่า...ทำไมต้องทรมานตัวเองถึงขนาดนั้น

    “ฮัดเช่ย” เดลาคล็อกซ์จาม เขามองหน้าต่างที่เปิดอยู่...คืนนี้มืดมิด ไร้แสงดาว อากาศที่พัดผ่านหน้าต่างนั้นเย็น วังเวง จนรู้สึกเหงา

    “ปู่ไม่ได้นอนห่มผ้าแหงเลย” เขาพึมพำก่อนที่จะเดินไปยังห้องนอนของปู่ของตน อากาศหนาวเช่นนี้ถ้าไม่ห่มผ้า ร่างกายทรุดไปอีกแล้วจะแย่
    ---------------------------

    “ปู่...ผมเข้าไปนะ” เดลาคล็อกซ์ถือวิสาสะโดยไม่เคาะประตู แล้วแอบเปิดประตูแง้มๆเข้าไป

    ร่างของลอร์ดเมเยอร์ ผู้ชรานอนหลับอยู่บนเตียงสีขาว ไร้ซึ่งผ้าห่มช่วยให้ร่างกายอบอุ่น เดลาคล็อกซ์ถอนหายใจก่อนที่จะไปห่มให้ เขาจับหน้าผากของปู่เพื่อที่จะวัดอุณหภูมิ แล้วยิ้มนิดๆด้วยความแปลกใจ เพราะว่าปู่ของเขา หลับทั้งๆที่ใบหน้ายิ้มอย่างมีความสุข

    “ตัวเย็นจัง” เดลาคล็อกซ์พึมพำเบาๆ แล้วเขาก็เงียบไปซักพัก “ตัวเย็น?” ทันใดนั้นเขารู้สึกวืดขึ้นไปทั้งตัว น้ำตาค่อยๆไหลลงมาจากดวงตาทั้ง 2 ข้างอย่างรวดเร็วโดยที่เขาไม่รู้ตัว เขาสะกิดฝ่ามือของปู่เบาๆ ราวกับว่าต้องการให้ปู่ของตนรู้สึกตัวซักนิด

    “ปู่ครับ” เขาเรียกชายชราผู้ซึ่งไม่มีวันลืมตาตื่นอีกต่อไป...

    ----------------------------------

    เช้าวันต่อมา จีเซสมายังคฤหาสน์เมเยอร์ เพื่อทำงานในวันที่ 2 ของหล่อน
    หล่อนตรงเข้าไปยังห้องทำงานของเดลาคล็อกซ์ เพื่อไปรายงานตัว หล่อนเคาะประตูห้อง 3 ที หล่อนได้ยินเสียงเขาบอกให้หล่อนเข้ามาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
    หล่อนจึงเดินเข้าไป

    “มารายงานตัวแล้วนะค๊า”
    “ไม่จำเป็น เธอก็ไปทำงานในห้องของเธอซะสิ” เขาขมวดคิ้ว “เรื่องแค่นี้ฉันรู้หรอกน่า”

    “หืมม...งานเยอะเหรอ ดูไร้อารมณ์จัง” จีเซสในชุดสีขาว ผมเป็นลอนปล่อยยาวสยาย เดินมาที่โต๊ะทำงานของเดลาคล็อกซ์

    “ฉันไม่มีอารมณ์ไร้สาระเหมือนเธอหรอกนะ” เขาปิดแฟ้มงาน แล้วยื่นให้จีเซสเอาไปทำต่อ

    “ฉันจะไม่ตามตื้อถามแล้วนะว่าเป็นอะไร” จีเซสชักรำคาญ บวกไม่อยากรบกวนมากนัก หล่อนหันหลังให้เขา แล้วทำท่าว่าจะเดินจากไป

    “จีเซส” เดลาคล็อกซ์เรียกฉุดหล่อนเอาไว้ ...จีเซสเหรอ? อยู่ๆหล่อนก็รู้สึกเขินขึ้นมานิดหน่อย เขามักจะเรียกหล่อนว่า เลดี้จีเซส และเรียกต่อหน้าคนอื่น ปกติ เขาไม่เคยเรียกชื่อหล่อนเลย...จีเซส จากเสียงของเขา ช่างเป็นชื่อที่เพราะจริงๆ

    “มีอะไรเหรอ?” จีเซสหันไปถาม เดลาคล็อกซ์มองหล่อนแล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่บางเบา

    “คืนนี้...มาค้างด้วยกันหน่อยสิ” ได้ยินแค่นั้น จีเซสก็ฟาดแฟ้มที่หล่อนถืออยู่ใส่หัวของเดลาคล็อกซ์จนเขาตกเก้าอี้

    “โอ๊ย!” เดลาคล็อกซ์ร้อง เขามองหล่อนตาโตราวกับเพิ่งตื่น “ทำอะไรของเธอน่ะ?”

    “ฉันต่างหากที่ต้องถาม นายคิดอะไรของนายน่ะ เรื่องอย่างนี้เชิญนายไปพูดกับเลดี้โรสแมรี่เถอะนะ ดูเหมือนว่าเจ้าหล่อนจะให้นายได้มากกว่า”

    “โรสแมรี่? เกี่ยวอะไรด้วย” เขาค่อยๆลุกขึ้นมาจากพื้นพลางกุมหัวข้างที่โดนแฟ้มฟาดใส่ “อ๋อ” เขาพึมพำแล้วก็หัวเราะ

    “อะไรยะ นายทำตัวแปลกๆตั้งแต่เมื่อกี้นี้แล้ว นายเป็นอะไรของนายน่ะ?” จีเซสค่อยๆเดินถอยหลังไปที่ประตู กะว่ามีอะไรฉันจะเผ่นล่ะ

    “ไม่ใช่ฉัน...เธอต่างหาก...เลดี้จีเซสคร๊าบ” เดลาคล็อกซ์นั่งลงที่เก้าอี้ทำงานเช่นเดิม เขาเองมือเท้าคาง แล้วมองจีเซสพลางยิ้มที่ไม่สามารถสื่อความหมายได้

    “เป็นเลขาฯ ห้ามหึงเจ้านายนะ” พอเขาพูดจบ จีเซสก็จ้องเขาตาโต

    “ไอ้คนหลงตัวเองเอ๊ย เคยมีคนด่าว่าหน้าด้านบ้างป่ะ” จีเซสรีบออกจากห้องของเขา แล้วปิดประตูเสียงดังลั่นระบายความโมโหของตน ตั้งแต่หล่อนมาทำงานที่นี่ หล่อนต้องมีน้ำโหตลอดเลย...ให้ตายสิ


    ส่วนฝั่งเดลาคล็อกซ์ผู้ซึ่งถูกประตูปิดใส่ก็เอนหลังพิงเก้าอี้ เขาหลับตาพลางพึมพำเบาๆ

    “แล้วคืนนี้จะนอนกับใครล่ะเนี่ย?”

    ---------------------------------------------------------

    จีเซสขังตัวในห้องทำงานของหล่อนทั้งวัน หล่อนจะไม่เหยียบเข้าไปห้องทำงานของเดลาคล็อกซ์อีกเลยชั่วชีวิตนี้ หล่อนนั่งทำงานจนกระทั่งพระอาทิตย์สีส้มซึ่งกำลังตกดินสาดแสงส่องเข้ามาในห้องทำงานของหล่อน หล่อนจึงวางมือจากงาน

    “จะกลับแล้วเหรอคะ” สาวใช้เข้ามาหมายจะเสริ์ฟน้ำชาให้จีเซส
    “จ๊ะ”  จีเซสยิ้มให้แบบคุณหนู “จริงสิ...เธอระวังตัวหน่อยนะ”

    “ทำไมเหรอคะ?” สาวใช้ถามด้วยสีหน้าสงสัย

    “ก็เจ้านายของเธอท่าทางอยากจะหาคนนอนด้วยน่ะสิ” จีเซสพูดเผาแบบไม่รักษาหน้าเดลาคล็อกซ์เลย แต่คำตอบที่ได้รับมาจากสาวใช้กลับทำให้หล่อนแปลกใจ

    “ก็ไม่เห็นแปลกเลยนี่คะ” สาวใช้ตอบ
    “หา?”

    “อ๋อ ก็ คุณชายเห็นอย่างนั้น แต่ขี้เหงามากเลยค่ะ” สาวใช้เล่าให้ฟังต่อ

    “เวลาที่คุณชายมีเรื่องที่สะเทือนใจอะไรก็มักจะไปนอนกับนายท่านอยู่เสมอ”

    “หือ? นี่แปลว่าเดลาคล็อกซ์เค้าไม่สบายใจอยู่เหรอ” จีเซสถาม ในใจแทบจะหัวเราะลั่น อะไรจะขี้เหงาขนาดน๊าน มีเรื่องทีก็ไปซุกอ้อมอกปู่

    “ค่ะ”

    “อ้าว?  แล้วทำไมเค้าไม่ไปนอนกับปู่เค้าล่ะ” จีเซสถาม

    -----------------------------------

    เดลาคล็อกซ์ เงยหน้าขึ้นมาจากกองงาน เขาทำงานไม่รู้เรื่องเลย ว่าแล้วเขาก็ออกไปเดินสูดอากาศเล่นที่สวนหลังคฤหาสน์ เขามองดวงอาทิตย์สีส้มที่กำลังจะตกพื้น ใต้ต้นไม้ใหญ่ สายตาของเขาเหม่อมองดวงอาทิตย์ ไร้ความคิด ความรู้สึกใดๆ

    “อ๊า...มายืนเก๊กอยู่นี่เอง” เสียงสดใสร่าเริงของจีเซสไล่อาการเหม่อของเขากระเจิงหมด

    “พูดอย่างนี้ แปลว่าเมื่อกี้เท่ห์น่ะสิ”
    “ยังไม่ทันได้พูดเลย” จีเซสเดินไปหาเขาที่ใต้ต้นไม้ใหญ่

    “ทำไมยังไม่กลับบ้านอีก” เขาถาม พลางนั่งลงกับพื้นหญ้าสีเขียวขจี “หรือว่าเปลี่ยนใจจะมาค้างที่นี่แล้ว”

    “ฉันไม่ค้างย่ะ” จีเซสนั่งลงกับผืนหญ้าบ้าง หล่อนหันไปมองเขา ผู้ซึ่งโดน แสงสีแสดจากดวงอาทิตย์ต้องกับเส้นผมสีทองจนเส้นผมเป็นสีส้มมีประกาย

    บัดนี้ทั่วทั้งท้องฟ้าเป็นสีแสดเข้ม หากแต่มีมีสีขาวของก้อนเมฆแซมด้วยนิดหน่อย เหล่าบรรดานกต่างบินกลับรังของมัน

    “เดล” จีเซสเรียกเขาเบาๆ แว๊บนึงนั้นหล่อนรู้สึกว่าเขาเขินที่หล่อนเรียกเขาอย่างนั้น
    “มีไรล่ะ?”

    “ให้ยืมใหล่เอาไหม” หล่อนถาม
    “ไม่เอา...เล็กเกินไป” เขาตอบฉับไว

    “อ๋อ นี่นายชอบซบใหล่ผายผึ่งของผู้ชายเรอะ”
    “ไม่ชอบเฟ่ย” เขารีบแย๊ง “ใครจะไปรู้ว่าเธอหมายถึงจะให้ซบใหล่ล่ะ อยู่ๆก็มาถาม” เขาพูดซักพักแล้วก็เริ่มเหล่ตามองหล่อน “เธอหมายความว่าไง ที่บอกว่า ‘ซบใหล่’ น่ะ”

    “ซบใหล่ฉัน มีหน้าอกแถมให้ด้วยนะ” จีเซสแหย่เล่น
    “เธอมีด้วยเหรอ?”
    “มีสิย๊ะ!” หล่อนปล่อยหมัดขวาไปที่หัวของเขา

    “โอ๊ย!” เขาร้อง เพราะมันไปซ้ำกับแผลตอนโดนหล่อนเอาแฟ้มฟาด แต่ยังไม่ทันที่เขาจะอาละวาด จีเซสก็จับหัวเขามาพิงใหล่ของตน

    “ทำไมไม่บอกเล่าว่าจะร้องไห้” จีเซสหันหน้าไปทางอื่นแล้วถาม
    “ไม่ได้จะร้องไห้ซักหน่อย”

    “โกหก...ก็ตานายมันแดงอ่ะเมื่อกี้”
    “จะร้องไห้ก็เพราะโดนเธอชกน่ะแหละ” เขาก้มหน้าซุกใหล่จีเซส หล่อนรู้สึกว่าใหล่ของหล่อนนั้นเปียก อาจเป็นเพราะน้ำตาของเดลาคล็อกซึมแขนเสื้อของหล่อนก็ได้

    “จริงๆเลยน๊า ถ้าบอกว่าเศร้าซะก็หมดเรื่องตั้งแต่แรกแล้ว ทำไมถึงไม่ยอมบอกให้ช่วยเลยล่ะ? ทำไมถึงเข้าใจยากอย่างนี้?” หล่อนพึมพำเชิงถาม แต่หล่อนไม่ได้รับคำตอบ ไม่ได้ยินเสียงอะไรจากเขาทั้งสิ้น ไม่แม้แต่จะได้ยินเสียงสะอึกสะอื้น หล่อนรู้แต่เพียงว่าใหล่ข้างซ้ายที่หล่อนให้เขายืมซุกนั้นเปียกโชก...แค่นั้นเอง

    จากคุณ : ใบไม้สีเงิน - [ 22 มี.ค. 47 23:05:23 A:169.210.1.89 X: ]