ความคิดเห็นที่ 13
สู่ความฝันคนเป็นนักเขียน การที่คนเรารู้จักรทำอะไรด้วยตนเอง ก็ดีเหมือนกัน เป็นการเพิ่งค่าประสบการในสิ่งใหม่ๆ รอบตัวเราได้ดียิ่งขึ้นไปอีก บางคำมันพูดยากและบางคำมันพูดง่าย ดั่งกับสายฝนตกลงที่ปลายปากจนไหลลงสู่ปลายเท้านั้นเอง เตือนไว้ว่าทำสิ่งใดรีบทำให้เสร็จแล้วเผ็นอย่างง อ่านดูแล้วจะเข้าใจในคนแต่งออกมาด้วยใจรักดั่งกับนักเขียนมืออาชีพที่กำลังหัดวาดรูปอยู่นั้นเอง การที่รู้จักรอ่านแล้วคิดเป็นสิ่งที่ดี แต่อย่าอ่านเพื่อความสนุก แต่ได้คิดตามไปด้วย การเขียนก็เหมือนกัน คนเขียนมีดีที่ปลายปากกาและแต่ละปลายปากกาจะมีความแตกต่างในการคิดคนละแบบ และแต่ละแบบมีความน่ารักกันคนละอย่าง สุดท้ายคนเป็นนักเขียนต้องรู้จักรการคิดตลอดจนการทำเช่นเดียวกัน
อันที่จริงความเรียงสั้นๆ เรื่องนี้ดูเหมือนไม่มีอะไรให้เราได้คิด หากไม่นับรวมข้อสังเกตของ GTW หลายส่วนในความเรียงชิ้นนี้คงจะเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเพื่อนนักเขียนนักอ่านได้ดังนี้กระมัง
ประการแรกคือ งานเขียนไม่ว่าจะประเภทใดก็ตามผู้เขียนจำต้องตรวจทานตัวสะกดการันต์ให้เรียบร้อยที่สุดเท่าที่จะทำให้เสียก่อนจะเผยแพร่สู่สายตาผู้อ่าน โดยเฉพาะงานเขียนสั้นๆ เช่นนี้ยิ่งไม่ควรมีที่ผิดที่พลาดมากมายขนาดนี้เช่น รู้จักร คำนี้ใช่หรือที่จะใช้ในความหมายที่ผู้เขียนตั้งใจจะใช้ หากเป็นคำเดียวในข้อความสั้นๆ อาจอนุมานได้ว่าเป็นความพลั้งพลาด แต่การใช้ซ้ำอีกครั้งในบรรทัดท้ายๆ จึงแสดงตัวตนของผู้เขียนได้แจ่มชัดขึ้นส่วน เตือนไว้ว่าทำสิ่งใดรีบทำให้เสร็จแล้วเผ็นอย่างง ไม่ทราบว่าเกิดจากความผิดพลาดอันใดจึงได้ออกมาเป็นเช่นนั้น เพราะคำอื่นๆ เช่น การเพิ่งค่า นั้นเอง ประสบการ เป็นต้น เหล่านี้แม้จะเป็นความพลั้นเผลอหรืออาจจะแค่ความผิดพลาดเล็กน้อย ที่ผู้เขียนอาจจะมุ่งเน้นสารที่จะนำเสนอเป็นสำคัญ แต่ทว่า หากใครสักคนมาบอกว่าน้ำเน่านั้นรสชาติหวานชื่น ใครเล่าจะเชื่อ โดยเฉพาะงานเขียนเชิงสาระปลูกจิตสำนึกเช่นนี้ ยิ่งต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะจะเป็นส่วนสำคัญที่ผู้อ่านจะตัดสินใจว่าควรจะคล้อยตามได้มากแค่ไหน
วงศัพท์ก็มีความสำคัญสำหรับการเสนอสารให้ตรงกับใจผู้เขียน โดยที่มุ่งหวังให้ผู้อ่านเข้าใจได้ตรงกัน ในความเรียงชิ้นนี้ที่จริงอ่านเพียงผาดเผิดอาจเห็นว่าผู้เขียนตั้งใจใช้วงศัพท์แคบๆ ใช้ศัพท์ง่ายๆ ซ้ำไปเวียนมาเพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจได้โดยง่าย แต่ผลเสียก็อย่างที่กล่าวในตอนต้นว่า งานเขียนเชิงสาระ ผู้เขียนจำต้องระวังตัวเป็นพิเศษในการวางคำที่ควรไว้ในที่ที่ควร หลายครั้งการใช้ศัพท์ที่สามารถตีความไปได้หลายทางก็ทำให้เกิดผลเสียกับงานประเภทนำเสนอแนวความคิดแบบนี้ได้อย่างร้ายแรง ขอยกตัวอย่างแต่ละประโยคมาลองพิจารณาดังนี้
สู่ความฝันคนเป็นนักเขียน ชื่อหัวข้อนี้ไม่มีอะไรผิด นอกจากว่ามันห่างกันไกลกับข้อความที่นำเสนอทั้งหมด การที่คนเรารู้จักรทำอะไรด้วยตนเอง ก็ดีเหมือนกัน เป็นการเพิ่งค่าประสบการในสิ่งใหม่ๆ รอบตัวเราได้ดียิ่งขึ้นไปอีก (เดิม) ....... การที่คนเรารู้จักทำอะไรด้วยตนเอง ก็ดีเหมือนกัน เป็นการเพิ่มค่าประสบการณ์ในสิ่งใหม่ๆ รอบตัวเราได้ดียิ่งขึ้นไปอีก(แก้ไข) การเพิ่มค่าประสบการณ์ในสิ่งใหม่ๆ คืออะไร มันเป็นผลของเหตุที่ว่า การที่คนเรารู้จักทำอะไรด้วยตนเอง ก็ดีเหมือนกัน ได้ชัดเจนแล้วงั้นหรือ
างคำมันพูดยากและบางคำมันพูดง่าย ดั่งกับสายฝนตกลงที่ปลายปากจนไหลลงสู่ปลายเท้านั้นเอง (เดิม)...... บางคำมันพูดยากและบางคำมันพูดง่าย ดั่งกับสายฝนที่ตกลงที่ปลายปากจนไหลลงสู่ปลายเท้านั่นเอง (แก้ไข) คำที่พูดยากและง่าย เกี่ยวกันอย่างไรกับ สายฝนอันตกลงที่ปลายปาก(ปลายปากคือส่วนไหน..ถ้าปลายจมูกอาจจะนึกภาพออก)สู่ปลายเท้า คำอุปมาชุดนี้อาจฟังดูคล้ายๆจะแสดงสัจจธรรม แต่ทว่ามันผิดที่ผิดทางและผิดกาลเทศะ ที่สำคัญหากผู้เขียนต้องการให้ผู้อ่านเข้าใจสิ่งที่สื่อได้โดยง่าย ก็ควรจะใช้อุปมา (คือความเปรียบให้เข้าใจชัดแจ้ง) อันเป็นที่ยอมรับและเข้าใจกันโดยทั่วไป มิใช่แต่งขึ้นเองตามความคิดความเข้าใจของตนเองเป็นใหญ่
เตือนไว้ว่าทำสิ่งใดรีบทำให้เสร็จแล้วเผ็นอย่างง (อันนี้ไม่รู้จะแก้ไขอย่างไรอะนะ)... เตือนไว้ว่าทำสิ่งใดรีบทำให้เสร็จแล้วเป็นอย่าง......(อย่างไร????) ความของประโยคนี้ไม่ได้รองรับประโยคก่อนหน้า และไม่ได้เป็นความนำของประโยคถัดไป คล้ายกับว่ามันโดดออกมาจากความคิดหลักที่ผู้เขียนกำลังนำเสนอกระนั้น
อ่านดูแล้วจะเข้าใจในคนแต่งออกมาด้วยใจรักดั่งกับนักเขียนมืออาชีพที่กำลังหัดวาดรูปอยู่นั้นเอง (เดิม)..... อ่านดูแล้วจะเข้าใจในสิ่งที่คนแต่ง แต่งออกมาด้วยใจรัก เหมือนกับนักเขียนมืออาชีพที่กำลังหัดวาดรูปอยู่นั้นเอง(แก้ไข) ความเดิมมีบุพบทบางคำตกหล่นจะโดยรู้หรือไม่รู้ก็ตาม ทำให้ขาดความกระชับชัดเจน ส่วนอุปมา ดั่งกับ นั้น นักเขียนมืออาชีพ น่าจะหมายถึงผู้สร้างสรรค์วรรณศิลป์ใช่หรือไม่ ถ้าใช่ทำไมถึงไปกำลังหัดวาดรูปได้ หรือถ้าจะให้หมายถึง ผู้สร้างสรรค์ จิตรกรรม ต้องใช้คำว่า ช่างเขียน จึงจะเหมาะกว่า อย่างไรก็ตาม อุปมาดังกล่าวก็ไม่ได้ช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจ อ่านดูแล้วจะเข้าใจในคนแต่งออกมาด้วยใจรัก ได้มากขึ้นเลย
การที่รู้จักรอ่านแล้วคิดเป็นสิ่งที่ดี แต่อย่าอ่านเพื่อความสนุก แต่ได้คิดตามไปด้วย (เดิม).... การรู้จักอ่านแล้วคิดเป็นสิ่งที่ดี แต่อย่าอ่านเพื่อความสนุก ควรคิดตามไปด้วย (แก้ไข) ความเดิมใช้ สันธาน แต่ สองครั้งอย่างตั้งใจหรือไม่ ไม่ทราบ ซึ่งทำให้ความไม่เดิน ไม่รู้ว่าผู้เขียนตั้งใจจะแต่อะไรกันแน่ ส่วนความแก้ไข แก้ไขตามการตีความจากองค์รวมของสารัตถะเป็นหลัก
การเขียนก็เหมือนกัน คนเขียนมีดีที่ปลายปากกาและแต่ละปลายปากกาจะมีความแตกต่างในการคิดคนละแบบ และแต่ละแบบมีความน่ารักกันคนละอย่าง......(เดิม) การเขียนก็เหมือนกัน คนเขียนมีดีที่ปลายปากกา แต่ละคนใช้ปากกานำเสนอในสิ่งที่แตกต่างกันไป ซึ่งแต่ละแบบนั้นก็มีความน่ารัก(คำว่า น่ารัก นี่ไม่น่าจะแข็งแรงพอสำหรับความตอนนี้) กันคนละอย่าง...(แก้ไข) ความตอนนี้มีจังหวะที่ชัดเจนสวยงามที่สุดในงานเขียนชิ้นนี้และยังเป็นสิ่งที่เป็นสัจจะที่คนอ่านเชื่อได้ง่ายที่สุดอย่างไม่มีข้อกังขาด้วย
สุดท้ายคนเป็นนักเขียนต้องรู้จักรการคิดตลอดจนการทำเช่นเดียวกัน...(เดิม) สุดท้ายคนเป็นนักเขียนต้องรู้จักการใช้ความคิดก่อนจะเริ่มการกระทำเช่นเดียวกัน..... (แก้ไข) โดยทั่วไปเราใช้ การ วางไว้หน้าคำที่เป็นรูปธรรม เพื่อแสดงออกถึงการกระทำอันมีผลจับต้องได้ เช่น การช่าง การอุตสาหกรรม ในขณะที่ เราใช้ ความ วางไว้หน้าคำที่เป็นนามธรรม เพื่อแสดงออกถึงการกระทำอันจับต้องมิได้ เช่น ความฟุ้งเฟ้อ ความเป็นกันเอง ความคิดเห็นส่วนตัว เป็นต้น คำที่มี การ และ ความ วางข้างหน้า จัดเป็นคำนามในหมวด อาการนาม (หุ..หุ...หุ เนื่องจากไม่ได้มีตำราอ้างอิงอยู่ใกล้มือ...ผู้มีตำราโปรดชี้แนะ) อย่างไรก็ตามเมื่อนำประโยคแก้ไขแล้วทั้งหมดมาวางรวมกันอีกครั้งดังนี้
การที่คนเรารู้จักทำอะไรด้วยตนเอง ก็ดีเหมือนกัน เป็นการเพิ่มค่าประสบการณ์ในสิ่งใหม่ๆ รอบตัวเราได้ดียิ่งขึ้นไปอีก บางคำมันพูดยากและบางคำมันพูดง่าย ดั่งกับสายฝนที่ตกลงที่ปลายปากจนไหลลงสู่ปลายเท้านั่นเองเตือนไว้ว่าทำสิ่งใดรีบทำให้เสร็จแล้วเป็นอย่าง อ่านดูแล้วจะเข้าใจในสิ่งที่คนแต่ง แต่งออกมาด้วยใจรัก เหมือนกับนักเขียนมืออาชีพที่กำลังหัดวาดรูปอยู่นั้นเอง การรู้จักอ่านแล้วคิดเป็นสิ่งที่ดี แต่อย่าอ่านเพื่อความสนุก ควรคิดตามไปด้วย การเขียนก็เหมือนกัน คนเขียนมีดีที่ปลายปากกา แต่ละคนใช้ปากกานำเสนอในสิ่งที่แตกต่างกันไป ซึ่งแต่ละแบบนั้นก็มีความน่ารัก กันคนละอย่าง สุดท้ายคนเป็นนักเขียนต้องรู้จักการใช้ความคิดก่อนจะเริ่มการกระทำเช่นเดียวกัน สารัตถะที่ผู้เขียนต้องการจำเสนอก็ยังกระจัดกระจายอยู่มาก เพราะแต่ละประโยคมีความเป็นเอกเทศต่างหากจากประโยคอื่น จนหาใจความไม่ได้ เพราะไม่มีประโยคใดเป็นพลความ หรือถ้าผู้เขียนคิดว่าใส่ อุปมา มาเป็นพลความ อันนั้นไม่ใส่มาเลยยังจะดูกระชับชัดเจนมากกว่า สิ่งสำคัญสำหรับการเขียนข้อความตอนเดียว คือ 1 คิดให้ถี่ถ้วนว่าต้องการนำเสนอสารัตถะใด 2 เขียนเฉพาะในสิ่งที่ต้องการนำเสนอ โดยในข้อความตอนหนึ่งๆจำเป็นต้องมีใจความเพียงประโยคเดียว (จะเป็นประโยคความเดียว ความรวม ความซ้อน อะไรก็ได้) แล้วประโยคที่เหลือควรเป็นพลความสนับสนุนประโยคหลัก อาจจะมีประโยคที่แสดงความคิดเห็นเฉพาะของตัวผู้เขียนได้เพื่อเป็นการสรุปประเด็นอีกครั้ง (ในข้อความข้างต้น ผู้อ่านคิดว่าใจความคืออะไร ระหว่าง ความคิด, การกระทำ, สิ่งที่นักอ่านควรทำ, และสิ่งที่นักเขียนควรทำ) 3 เรียบเรียงและตรวจทานอีกครั้งด้วยตัวเอง จงอย่าเข้าใจว่าคนอ่านจะเข้าใจเหมือนกับที่คนเขียนเข้าใจเสมอไป
การเขียนข้อความตอนเดียวเป็นพื้นฐานสำคัญก่อนการก้าวขึ้นไปสู่การเป็นคนเขียนได้ดั่งใจตนต้องการ การให้ความสำคัญกับองค์ประกอบของข้อความแต่ละตอนจึงเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยให้เราพัฒนาขยายแนวความคิดออกไปเป็นหลายๆ ข้อความเรียงร้อยติดต่อกันเป็นความเรียง เป็นเรื่องสั้น หรือกระทั่งเป็นนิยายสักเรื่อง ในบางสถาบันมีการสอนวิชา การเขียนข้อความตอนเดียว เป็นการเฉพาะเพื่อให้นักศึกษาได้รู้ถึงวิธีการเรียบเรียงความคิดโดยมีทฤษฏีรองรับซึ่งจะนำไปสู่การนำเสนอแนวความคิดอันเป็นที่เข้าใจได้โดยง่ายสำหรับผู้อ่านในวงกว้าง
โดยสรุปแล้วงานเขียนชิ้นนี้ถือเป็นตัวอย่างอันดีสำหรับผู้ที่จะเริ่มเขียนอะไรก็ตามเพื่อเผยแพร่คนอ่านในวงกว้าง ข้อควรจำคือคนอ่านไม่ใช่คนโง่ที่จะหลับหูหลับตาเชื่ออะไรง่ายๆ แต่ก็พร้อมจะยอมรับความเป็นสัจจะของสารที่คนเขียนนำเสนอเสมอ ถ้าหากว่าคนเขียนผู้นั้นจะซื่อสัตย์พอกับงานเขียนของตนเองและไม่ดูถูกคนอ่านด้วยการปล่อยงานเขียนที่สักแต่ว่าระบายความคิด(แต่ฝ่ายเดียว) ของตนออกมาโดยไม่ได้ไตร่ตรองให้รอบคอบเสียก่อน
(ขออนุญาต ขออภัย และขอขอบคุณ เจ้าของกระทู้ ที่ได้นำ สู่ความฝันคนเป็นนักเขียน มาเผยแพร่เป็นวิทยาทานแก่ผู้รักการเขียนและการอ่านในถนนนักเขียนแห่งนี้)
ปล. Song982 เป็นนักเขียนหน้าใหม่ และนักอ่านหน้าใหม่บนถนนนักเขียน พ.ศ.นี้ หวังใจอย่างยิ่งว่าเพื่อนนักเขียนและนักอ่านจะไม่ได้เกิดความหมั่นไส้อย่างยิ่งยวดเสียตั้งแต่การเริ่มบทวิจารณ์ บทแรกนะขะรับ....เหอ...เหอ....เหอ.....
หากมีข้อสงสัยประการใดโปรดติดต่อได้ที่ song982@hotmail.com ยินดีรับใช้หากเจ้าตัวมันไม่เรียนหนักจนบ้าตายไปเสียก่อน
ก็แหม...กระทู้นี้ แค่สิบบรรทัดกว่าๆ ข้าพเจ้าต้องใช้เวลาแสดงความคิดเห็นอยู่ตั้งสามชั่วโมงเชียวนะเนี่ย.....เฮ้อ.....แปลกคน????????????????
จากคุณ :
SONG982
- [
26 มี.ค. 47 09:40:49
]
|
|
|