======กลับบ้าน=====(แนะนำด้วยนะคะ)

    ………………………..
    ๑.
    “ตกลงว่า (M)ึงึ กลับบ้านนอกแน่ ?”
    “เออ งานไม่มีทำแล้ว หมดใจ หมดเงิน อยู่ก็ตาย”
    “แล้ว (M)งึ จะทำอะไรกิน”
    “บ้านนอกมันมีอะไรให้ทำเยอะ อีกอย่าง รัฐบาลเขาก็อยากให้กลับไปอยู่บ้านนอกกัน เขาว่า มันจะดีกว่ามาอัดกันอยู่ในเมือง”
    “ก็ดี บ้านนอกมีอะไรดี ๆ ที่เราคุ้นเคยอยู่ ชีวิต ธรรมชาติ ไม่อดตายหรอก”
    “(KU)ก็ว่าอย่างนั้นแหละ แม่(KU)ก็คงดีใจ กลับไปทำอะไรดี ๆ ที่บ้านบ้าง”

    “นก” ยิ้มเล็ก ๆ กับตัวเอง รู้สึกถึงความอบอุ่นแผ่ซ่านในหัวใจ อย่างบอกไม่ถูก ผู้ชายสองคน ที่ชานชาลาขนส่งสายอีสาน พูดกันถึงเรื่องเดินทางกลับบ้าน ดูเป็นคำยิ่งใหญ่เหลือเกิน ไม่ใช่เราคนเดียวที่จะกลับบ้าน แต่ยังมีอีกหลายคนที่ร่วมเดินทาง
    นานแล้วสินะ ที่มัวดิ้นรนอยู่ในเมืองหลวง ถ้าเศรษฐกิจไม่แย่อย่างทุกวันนี้ ก็คงไม่มีใครนึกถึงบ้านเกิดกันเท่าไรนัก
    สายลมกระโชกใส่ใบหน้า ที่ตั้งรับในกรอบสี่เหลี่ยม ของหน้าต่างรถประจำทางสีส้ม ถนน ต้นไม้ ผู้คน ฯลฯ หายวับไปข้างหลังอย่างรวดเร็ว ขณะที่ความเคลื่อนไหวใหม่ ๆ ทยอยไล่ตาม ผ่านกรอบสี่เหลี่ยม ผ่านมาและผ่านไป
    ความทรงจำวัยเยาว์หลั่งไหลมากับสายลมรี่เร็ว เหมือนนาฬิกาปลุกเตือนเป็นระยะ อีกไม่นานนักหรอก บ้านเกิดที่รัก เราจะได้พบกัน

    ๒.
    “แม่คะ ที่ข้างบ้านเรา เขาล้อมรั้วทำอะไรกัน ดูวุ่นวายดีนะคะ” นก ถามแม่ ขณะที่มือก็สาละวน กับการแจกขนมของเล่น ที่ซื้อมาจากในเมืองให้กับหลาน ๆ
    “เห็นเขาว่า จะทำศูนย์วิจงวิจัยอะไรเนี่ยแหละ เขาบอกว่า มันดี จะทำให้บ้านเราพัฒนาขึ้น” แม่ตอบด้วยน้ำเสียงเนือย ๆ

    นก ไม่สู้ใส่ใจกับคำตอบของแม่เท่าไรนัก เธอถามไปอย่างนั้นเอง หาเรื่องคุยกับแม่ นานมากแล้ว ที่เธอไม่ได้พูดคุยกับแม่อย่างใกล้ชิดอย่างนี้ ตั้งแต่ไปทำงานที่เมืองหลวง เธอก็แทบจะไม่ได้กลับมาบ้านเลย
    ก่อนหน้านี้ เธอพยายามหาเหตุผลมาอธิบายว่า เวลามีน้อยเกินไป ไว้พรุ่งนี้ค่อยกลับบ้านมาหาแม่ แต่จนแล้วจนรอด เธอก็ไม่เคยกลับมาบ้าน การตกงาน อาจเรียกว่า เป็นความดีอย่างหนึ่ง ที่ทำให้มีเวลามากพอ ที่จะกลับมาตั้งต้นใหม่อีกครั้ง

    “เขามาทำกันนานแล้วหรือยังคะแม่ ดูจะใหญ่โตไม่ใช่เล่นเหมือนกันนะคะ” นก ถาม หลังจากที่ลากเก้าอี้ไม้ไผ่สาน มานั่งข้าง ๆ แม่ของเธอ พร้อมกับหยิบส้มมาปอกเปลือกแล้วยื่นให้
    “ก็ไม่นานมานี้เอง แต่พวกกำนันผู้ใหญ่บ้าน เขารู้กันนานแล้ว เขายังมาบอกว่า ไปดูของจริงที่กรุงเทพมาแล้ว” แม่บอกกับนก หลังจากแบ่งกลีบส้มเข้าปาก ดูดเอาน้ำแล้วคายกากออกมา “ฟันฟางไม่มีแล้ว กินอะไรก็ลำบาก” แม่บ่นเบา ๆ

    แม่กับนก พูดคุยกันอีกหลายเรื่อง จนดูเหมือนว่า ความห่างเหินที่นกรู้สึกอยู่ตลอดเวลา จะไม่มีอยู่จริงเลยสักนิด ในความรู้สึกของแม่ นกเองเสียอีก ที่รู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำไว้ในอดีต
    เวลาผ่านไปเร็วเกินไป แต่ก็ยังไม่สาย นกให้สัญญากับตัวเอง นับจากนี้ นกจะไม่ทิ้งแม่ไปนาน ๆ อีกแล้ว

    “แม่คะ เดี๋ยวนกออกไปหาเพื่อนก่อนนะ เย็นนี้ นกจะมาทำกับข้าวให้แม่กินนะ” นกตะโกนบอกแม่ แข่งกับเสียงรถเครื่องเก่า ๆ ของน้องชาย ที่เธอหยิบยืมเป็นพาหนะตะเวนพบเพื่อนเก่าสมัยเรียน

    ๓.
    “เราจะยอมให้เขาเอานิวเคลียร์อะไรเนี่ย มาตั้งไว้ที่บ้านเราเหรอ”
    “ก็เขาว่า มันดีนี่ มันจะพัฒนาบ้านเราให้เจริญ”
    “แต่พวกนักศึกษา เขาบอกว่า มันอันตรายมากนะ ถ้ามันรั่วไหล ตายกันหมดเลย อย่างที่เมืองนอกไง ตายกันไปเยอะแล้ว”
    “ใช่ ถ้ามันดีจริง ทำไมเขาย้ายออกจากกรุงเทพล่ะ”
    ……………………….ฯลฯ……………………

    นก มึนงงกับความรู้ใหม่ที่ได้รับรู้ ตกลงว่า เขาจะสร้างศูนย์นิวเคลียร์ หรืออะไรสักอย่างที่หมู่บ้านของนก แต่ไม่มีใครรู้เรื่องนี้มาก่อนเลยว่า มันจะมีผลอะไรเกิดขึ้นตามมาบ้าง
    ทุกคนรู้แค่ว่า เขาจะสร้าง และเป็นเรื่องดี ที่มาสร้างที่หมู่บ้านนี้ ไม่เคยมีใครบอกมาก่อนว่า มันจะมีผลอะไรต่ออะไร เยอะแยะไปหมด
    เพื่อนบ้านของนก เล่าว่า มีน้อง ๆ นักศึกษา มาพูดคุยกับชาวบ้านเมื่ออาทิตย์ก่อน แต่ก็ไม่มีใครตอบคำถามได้ พวกนั้นแปลกใจกันใหญ่ว่า ทำไมไม่มีใครมาบอกอะไร ให้ชาวบ้านได้รู้กันบ้าง
    พวกนักศึกษาเขาบอกว่า เรามีสิทธิที่จะรู้ทุกอย่าง มีสิทธิที่จะรู้ทุกอย่าง มีสิทธิที่จะให้ทำ หรือไม่ให้ทำก็ได้ พวกเขาพูดอะไรอีกหลายอย่าง เช่น อะไรนะ รัฐธรรมนูญ ใช่แล้ว รัฐธรรมนูญใหม่ ให้สิทธิประชาชน ร่วมรับรู้และตัดสินใจ

    นก ไม่รู้เรื่องพวกนี้เลย ตอนทำงานในเมืองหลวง นกก็ทำแต่งาน เอาเงินมากินมาใช้ นกไม่รู้ว่า จะมีเรื่องแบบนี้ อย่าว่าแต่ชาวบ้านที่นี่เลย แม้แต่นกเอง ก็ยังไม่รู้ว่า มันดีหรือไม่ดียังไง แต่ถ้าชาวบ้านได้รู้ว่า มันมีอันตรายจริง ก็คงไม่มีใครยอมแน่
    อย่าว่าแต่ชาวบ้านเลย นกเอง ก็ไม่ยอมเหมือนกัน

    “แม่คะ นกและเพื่อน ๆ จะเข้ากรุงเทพ กับน้อง ๆ นักศึกษา ไปฟังเขาพูดถึงผลกระทบจากศูนย์นิวเคลียร์อะไรซักอย่าง ที่เขาจะสร้างที่บ้านเราเนี่ยค่ะ จะได้รู้ว่า มันดีไม่ดียังไง”
    นกบอกกับแม่ในเช้าวันหนึ่ง หลังจากที่ตะเวนพูดคุยกับเพื่อนบ้านหลายคน ตลอดสองอาทิตย์ที่กลับมาบ้านเกิด
    “ระวังหน่อยนะลูก เดี๋ยวรัฐท่านจะหาว่า ไปขัดขวางเขาจะพัฒนาอะไรต่อมิอะไรของหลวงท่าน” แม่เตือนด้วยเสียงแผ่วเบา น้ำเสียงระคนด้วยความเป็นห่วง
    “ไม่เป็นไรหรอกค่ะแม่ เรามีสิทธิจะได้รู้ มีสิทธิจะเลือกให้ทำหรือไม่ให้ทำ ถ้ามันไม่ดีจริง ก็ไม่ควรเอามาโยนใส่ไว้ให้เรา” นกบอกกับแม่พร้อมกับยกมือไหว้ ก่อนจะออกเดินทางไป
    …………………………………………………………………………
    …………………………………………………………………………

    จากคุณ : "นับดาว" - [ 24 มี.ค. 47 13:13:13 A:203.154.97.197 X: ]