+*+*จดหมายจากเพื่อน*+*+

    ในโลกวิวัฒนาการอันทันสมัย
    ใครๆก็หันหน้ามาส่งสารกันทางอีเมล์กันไปหมดแล้ว
    ฉันเองก็เช่นกัน พอเคยชินกับการใช้คอมพิวเตอร์
    การเขียนจดหมายจึงเป็นเรื่องของความขี้เกียจ

    ตั้งแต่ขี้เกียจหาซื้อกระดาษ
    ก็เดี๋ยวนี้อยากได้ลายอะไร แค่คลิกหา
    จดหมายอีเมล์ก็จะมีแบ็คกราวน์สวยงามดั่งใจนึก
    ขี้เกียจเขียน ก็พิมพ์เอามันเร็วกว่าตั้งเยอะ
    ไม่ต้องกลัวว่าจะอ่านลายมือไม่ออกด้วย
    เขียนเสร็จ ส่งปึ๊บถึงปั๊บ...ตอบกลับมาได้ทันใจนึก

    แต่ฉันลืมไปว่า...
    ความสำคัญของการเขียนจดหมายด้วยกระดาษนั้น
    มันมีค่ากว่ามาก...

    ตัวอักษรทุกตัวที่มาจากใจ
    จากสมอง และรอยกดนิ้วมือลากเส้นสาย
    เส้นขยุกขยิก บางทีอ่านยาก
    แต่ก็มีชีวิตชีวาบนบรรทัดของแผ่นกระดาษ

    จนฉันได้มาพบเรื่องราวของน้องjisiในถนนนักเขียน
    ที่เป็นคนหนึ่งที่ฉันรู้จักในห้องแจแปน
    เธอเขียนเรื่องราวของความเรียบง่ายในชีวิต
    มีเรื่องของการเขียนจดหมายถึงเพื่อน...ด้วยความคิดถึง

    ฉันสะอึกในอก...มองดูตัวเอง...นึกถึงเพื่อนคนหนึ่งทันที...
    อีเอ็กซ์...เพื่อนรักคนเดียวของฉัน
    ที่ยังคงอนุรักษ์ความโบราณของมัน
    มันเป็นถึงผู้จัดการโรงแรมในกรุงเทพฯแห่งหนึ่ง
    มันมีปัญญาซื้อคอมพิวเตอร์ให้ลูกไว้เล่นที่บ้าน
    แต่มันก็ยังเขียนจดหมายมาหาฉันอย่างสม่ำเสมอตลอดมา...ไม่เคยขาด
    เวลาที่ฉันส่งจดหมายกลับไปหามัน
    ในอีกไม่ถึงสามสัปดาห์
    ฉันจะได้พบกับซองจดหมายของมัน
    ในตู้เก็บจดหมายที่บ้านแล้ว
    และฉันก็จะดองจดหมายมันไว้จนเกล็ดเค็มแทบขึ้นเสมอ...เสมอ...

    จดหมายฉบับสุดท้ายของมัน....

    หวัดดีโว๊ย....เพื่อนlove

    เงี๊ยบ เงียบมาก แกมัวแต่โอลันลากะผัวรึย๊ะ...
    กรูเองก็เพิ่งซานี่ล่ะ แต่งานของโรงแรมน่ะเหนื่อยมาก
    พวกเด็กภาคใต้มาพักที่โรงแรมกรู 1 คืน
    ที่โดนเผาโรงเรียน ปวดหัวมาก
    ในฐานะแขกรัฐบาล ปฏิเสธอะไรลำบาก
    สงสารพวกพนักงานต้องทนดม
    เด็กพวกนี้มันมีกลิ่นตัว, ไม่นอน วิ่งเข้า-ออกบ้าบอที่สุด
    กดโทรศัพท์เล่นกัน นรกจริงๆ...

    แกสบายดีน๊ะ...ปีใหม่กรูก็ไม่ได้ไปไหนเลย งานตลอด
    เงินเดือนเท่าเดิม No bonus เหี่ยวไหมล่ะเมิง
    อยู่โรงแรมนี้ต้องทน อยู่ได้ก็อยู่ อยู่ไม่ได้ก็ลาออกกันไป
    แต่กฏระเบียบมันพออะลุ่มอะหล่วยได้ ไม่seriousมาก
    แหละ...พวกเราต้องแdกข้าว
    ไม่ได้แdกดิน หิน ทราย.......

    แล้วมันก็พรรณาบ่นให้ฉันอ่านอีกสิบบรรทัด
    กับชีวิตการทำงานของมัน
    ฉันเห็นมันบ่นทุกฉบับ...
    แต่ก็เหมือนว่ามันรักงานของมันจริงๆ
    ไม่งั้นมันคงลาออกไปแล้ว ไม่ทนทำงานตั้งแต่โรงแรมเปิดมาจนถึงทุกวันนี้หรอกใช่มะ...
    ซึ่งฉันว่าคงใกล้ๆยี่สิบปีแล้ว
    ที่มันยังอยู่ในที่ที่มันรักและผูกพัน

    มันลงท้ายจดหมายอย่างนี้

    คิดถึงเสมอนะปาน....
    เอ๊กซ์
    ปล. สคส.ได้รับแล้ว น่ารักดีว่ะ!

    บางทีมันก็เรียกฉันว่า แก...เมิง...เอ็ง...
    หรือไม่ก็ปนกันไปทั้งสามสรรพนาม
    ในฉบับเดียวกันตามอารมณ์

    ฉันยิ้มออกทุกครั้งที่ได้อ่านจดหมายของมัน
    มันเป็นจดหมายที่มีรสชาด อ่านแล้วสุขใจทุกฉบับ
    ฉันรู้ว่ามันบ่นกับฉัน เพราะมันรักฉันและคิดถึงฉัน
    มันต้องแน่ใจว่า เขียนมาแล้วฉันจะพอใจกับคำทุกคำในจดหมายของมัน
    แล้วฉันก็พอใจ ในความเป็นเพื่อนที่เสมอต้นเสมอปลายของมันจริงๆแหละ...
    เพราะมันเขียนออกมาจากใจ และเป็นธรรมชาติที่สุด เหมือนเราได้คุยอยู่ต่อหน้ากัน

    หากแต่ว่า...ฉันยังคงเก็บจดหมายของมันฉบับนี้ไว้อีกมากกว่าหนึ่งเดือน
    ไม่ได้ตอบ เพราะอ้างกับตัวเองว่าไม่ว่าง...ยังไม่รู้จะเขียนอะไรดี
    ฉันจับปากกาหนึ่งครั้ง...
    เขียนบนกระดาษน่ารักที่เพิ่งซื้อมาใหม่
    แต่อยู่ๆฉันก็ขยำมันทิ้ง...และเก็บจดหมายเอาไว้ที่เดิม...อีกหนึ่งอาทิตย์

    จนกระทั่งฉันได้มาอ่านข้อเขียน แสนธรรมดาๆที่ว่านั่นแหละ...
    ทำให้ฉันรู้สึกเสียใจ ที่มองข้ามความคิดถึงของเพื่อน
    และทิ้งมันไว้ให้ต้องคอยแล้วคอยเล่า
    สำหรับการตอบกลับของฉัน...

    วันรุ่งขึ้น...ฉันรีบเขียนจดหมายถึงเพื่อนคนนี้ทันที

    เอ๊กซ์ เพื่อนรัก...

    ข้าขอโทษเอ็งด้วย และเอ็งก็คงได้เห็นคำขอโทษในจดหมายข้าจนชินตาแล้ว
    กับความล่าช้า เก็บดองไว้จนลืม
    ตอนนี้ข้ากำลังยุ่งอยู่กับการทำอะไรหลายๆอย่างจนเพลิน
    ทำให้ไม่มีโอกาสได้จับปากกาเขียนจดหมายหาเอ็งสักที
    แต่เอ็งคงรู้ว่า ข้าคิดถึงเอ็งตลอดเวลาแม้จะไม่ได้รีบบอกให้รู้
    เรื่องงาน...อดทนนะเพื่อน ข้ารู้ว่าเอ็งอดทนกับมันได้
    ดีกว่าไม่มีอะไรทำ ออกมานั่งเลี้ยงลูกเฉยๆให้เป็นอีบ้ามากกว่านี้

    สัญญาว่าจดหมายฉบับหน้าของเอ็งมาถึงข้าเมื่อไหร่
    ข้าจะไม่ยืดยาดขนาดนี้อีกแล้วว่ะ...เชื่อข้าป่าว...
    เขียนมาเยอะๆเลยนะเพื่อน...อยากอ่านลายมือเอ็งเสมอ

    คิดถึงเอ็งตลอดกาล
    ปาน

    ฉันกำลังรอจดหมายตอบกลับมาจากเพื่อนคนนี้อยู่
    นี่จะใกล้สามสัปดาห์แล้วที่ฉันส่งจดหมายฉบับสุดท้ายไปหามัน
    มันจะเซ็งจนเลิกตอบจดหมายฉันรึเปล่าเนี่ยะ....
    ภาวนา...และภาวนา...ว่าอย่าเลย....
    สายเกินไปรึยัง...
    สำหรับจดหมายที่มาจากเพื่อนเก่าคนเดียวที่เหลืออยู่...
    คนเดียวจริงๆ...





    .

     
     

    จากคุณ : ปาน-Sapporo - [ 24 มี.ค. 47 21:05:57 ]