บทที่ 1
แสงตะวันยามสายไร้เมฆบดบัง เปล่งประกายความร้อนแรงสาดส่องทะลุผ่านหมู่เมฆในท้องนภาแจ่มใสแสนไกลลิบเกินไขว้คว้าลงทั่วผืนดินเบื้องล่าง
โรงพยาบาลเอกชนขนาดกลางนับหกชั้น ย่านแทบชานเมืองกรุงเทพตั้งตระหง่าน รถยนต์ และมอเตอร์ไซด์หลายคันเลี้ยวออก ประชาชนที่มุ่งหมายจะมารักษาพยาบาลค่อนข้างบางตาลงแล้ว
เสียงรถพยาบาลเปิดเสียงหวอดังลั่นใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เลี้ยวสู่โรงพยาบาล บุรุษพยาบาลรีบเปิดประตูหลังเข็น ร่างสองผู้ป่วยหนักไร้สติโชกเลือดเข้ามาภายในอย่างรวดเร็วหากก็ระมัดระวังมาก
ในขณะที่หญิงสาวในชุดพยาบาลสีขาวสะอาดรีบสะพายกระเป๋าหนังสีดำถึงจะไม่ใช่หนังแท้แต่ก็ดูสวยงามตามอัตภาพเรียบๆของมันเปิดประตูออกมาจากห้องพักพยาบาลเดินผ่านมาต้องทำตัวลีบทั้งที่ร่างนั้นผอมแสนบอบบาง
แผ่นหลังของเสื้อสีขาวแนบไปกับผนังที่สีไม่ต่างกัน เพื่อไม่ให้เกะกะขวางทางรถเข็น คิ้วเรียวยาวสีน้ำตาลคมเข้ม เด่นสะดุดตาเป็นอย่างยิ่งมีอยู่บนใบหน้าเรียวสวยรูปไข่เลิกขึ้นอย่างปลงตกกับสิ่งที่ผู้ถูกเข็นเข้ามานั้นประสบ
ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเป็นประกายหวานหากแต่ฉายแววโศกอย่างน่าใจหายแฝงด้วยอะไรหลายสิ่งหลายอย่างที่ซ่อนลึกอยู่ ยามเมื่อเพ่งพินิจมองอย่างใกล้ชิด
ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศแผ่ซ่านผสมกับกลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อที่ตลบอบอวลอยู่ภายในอาจจะทำให้ผู้ๆไม่เคยชินไม่ชอบได้ พื้นหินอ่อนเรียบลื่นนำทางไปสู่บริเวณลิฟต์ถูกกระทบด้วยส้นจากรองเท้าสีขาวส้นเตี้ยของเกริดา
ถึงแม้จะไม่ใช่ของมียี่ห้อดังและผ่านการปฏิบัติหน้าที่มาอย่างยาวติดต่อกันหากก็ยังสามารถใช้การได้เป็นอย่างดี
กระดาษใบหนึ่งถูกกำแน่นอยู่ในมือ ไม่จำเป็นต้องกดปุ่มเรียกลิฟต์เมื่อไฟสีแดงสว่างเป็นรูปลูกศรขึ้นสีแดง
นาฬิกาลูกตุ้มโบราณที่อยู่ไม่ห่างตีดังบอกเวลาว่าเกือบหกโมงแล้วทั้งที่ฟ้ายังสว่างโร่ ทำให้ผู้หญิงวัยกลางคน ยืนกอดอกเชิดคอมองอย่างผู้ดี หวังจะรีบขึ้นไปเยี่ยมผู้ป่วยและชายวัยกลางคนพุงพุ้ยถือช่อดอกไม้ช่อใหญ่ที่มีจุดประสงค์เดียวกันวิตกเนื่องจากใกล้หมดเวลาในการจะเข้าเยี่ยม กดรัวปุ่มเรียกลิฟต์ที่ตัวเลขสีเขียวที่เปล่งแสงบ่งบอกว่ามันอ้อยอิ่งอยู่ที่ชั้นสิบสอง
โดยที่หาความจำเป็นไม่ได้ เพราะนอกจากจะไม่สามารถทำให้ลิฟต์เคลื่อนลงมาได้เร็วแล้ว อารมณ์โศกเสียใจหรืออาการกระตืนรือร้นที่มาเยี่ยมคนป่วยแปรเป็นความหงุดหงิดหัวเสีย
รวมทั้งนิ้วที่ระดมกดไปอย่างรุนแรงนั้นก็ต้องปวดไปด้วย
เกริดายังคงยืนมองมันอย่างใจเย็น ก่อนที่ไม่นานจะเกิดเสียงดังคล้ายกระดิ่งเป็นสัญญาณบอกให้รู้ว่าลิฟต์ได้เดินทางมาสู่ชั้นที่หล่อนยืนรอและเปิดประตูกว้าง
ผู้คนข้างในไม่มากนักเดินออกมาบ้างก็น่าชื่นบาน บ้างก็หน้าเศร้า อย่างรีบเร่ง คนข้างนอกที่ยืนรออยู่อย่างหัวเสียที่ก็รีบจะก้าวเข้าไปข้างใน
แล้วเสียงประกาศหวานและนุ่มนวลก็ดังขึ้นว่าหมดเวลาสำหรับเข้าเยี่ยม คนทั้งสองที่ยืนรออยู่ก็
ต้องเดินออกมาจากลิฟต์มุ่งตรงออกไปข้างนอกโรงพยาบาลด้วยความหงุดหงิด พลางกร่นด่าโรงพยาบาลไปตลอดทางที่เดินกลับไปข้างนอก
รอบข้างเมื่อปราศจากผู้คนจึงทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยความเงียบสงบ หญิงสาวก้าวเข้าไปข้างในลิฟต์
ด้วยความไม่ระวังเพราะเห็นเผินๆว่าไม่มีคนในลิฟต์แล้วจึงทำให้หญิงสาวเดินไปชนเข้ากับคนที่กำลังเดินสวนออกมา
ขอโทษคะ หล่อนเอ่ยก่อนจะทรงตัวให้อยู่นิ่งพลางขยับคอเสื้อชุดพยาบาลและหมวกที่ยึดเข้าด้วยกิ๊บตัวบางเอียงเล็กน้อยให้เข้าที่แล้วจึงเงยหน้าขึ้นมอง
อีกฝ่ายนั้นเป็นชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง เขาไม่สนใจจะปลายตามามองหรือผงกหัวอย่างเข้าใจในคำขอโทษของหญิงสาว ราวกับไม่สนใจเดินออกไปอย่างรีบเร่งหญิงสาวจึงได้เห็นเพียงใบหน้าใต้แว่นตาดำแวบหนึ่งกับแผ่นหลังกว้างที่สวมด้วยชุดสูทเนื้อดีสีเข้ม
นิ้วเรียวยื่นไปกดที่ตัวเลขชั้นเจ็ดชั้นสูงสุดของโรงพยาบาล จนขึ้นเป็นแสงสีส้ม ณ ชั้นนี้เป็นสถานที่สำหรับทำการต่างๆไม่ว่าจะเป็น ที่ประชุมพนักงาน ที่แสดงผลประกอบการของโรงพยาบาลรวมทั้งแสดงการดูแลรักษาพยาบาล
ที่สำคัญยิ่งนั้นมันยังเป็นที่สำหรับผู้อำนวยการโรงพยาบาลใช้ทำงานและพักผ่อนยามไม่มีคนไข้
ไม่นานนักลิฟต์ก็ส่งเสียงพร้อมกับประตูเปิดกว้าง หญิงสาวรีบเดินดิ่งตรงไปที่โต๊ะทำงานขนาดใหญ่ ครบครันด้วยคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์สำหรับติดต่อลงไปที่ชั้นล่าง
หน้าห้องมีชื่อของบดินทร์ในฐานะนายแพทย์และผู้อำนวยการแขวนอยู่หน้าประตู
ดอกไม้สีสันสดสวยถูกจัดใส่แจกันไว้อย่างประณีต หากไม่สังเกตจะไม่รู้ว่ามันคือ ดอกไม้ประดิษฐ์จากมือ ผลิตภัณฑ์จากกลุ่มนักเรียนซึ่งอยู่ไม่ห่างจากโรงพยาบาลนัก สร้างความสดชื่นภายในให้ไม่น้อย
นางพยาบาลสูงด้วยวัยและวุฒิภาวะกว่าหญิงสาวแต่งกายด้วยชุดพยาบาลชุดสีฟ้าอ่อนนั่งอยู่ที่เก้าอี้กำลังก้มหน้าค้นหาอะไรบ้างอย่างในสมุดจดเบอร์โทรศัพท์เล่มใหญ่ด้วยสีหน้าหนักใจ อีกมือก็ถือหูโทรศัพท์ค้างอยู่
ทำอะไรอยู่เหรอคะ พี่นุช หล่อนเอ่ยถามเสียงเย็นและนุ่มนวลตามนิสัย ทำให้คนตรงหน้าผู้เป็นเจ้าของชื่อสะดุ้งน้อยๆเงยหน้าขึ้นมอง พอเห็นว่าเป็นใครก็ส่งยิ้มให้
รีบวางหูโทรศัพท์ในทันที พร้อมกับลุกออกจากที่นั่งเดินเข้ามาหา
โชคดีจังเลยที่ ดา ยังไม่ออกเวร ไม่งั้นพี่คงต้องค้นเบอร์โทรศัพท์ของดาในสมุดนั้นจนตา
บวมแน่เลย ดานี้สมแล้วที่ใครๆเรียกนางฟ้าที่สวรรค์ประทานมาเสียจริง น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความดีใจและโล่งอก คล้ายกับสิ่งที่ทับเอาไว้หนักหนาหลุดออกไปเสียจนหมดสิ้น
เกริดายิ้มน้อยๆ กับสิ่งที่รุ่นพี่เอ่ยออกมา
ใครๆก็มักจะเรียกหล่อนว่า เป็น อะไรที่สวรรค์ส่งมาอยู่เรื่อย ทุกครั้งที่มีเรื่องด่วนหรือเหล่าพยาบาลคนใดเดือดเนื้อร้อนอกร้อนใจ หญิงสาวก็มักจะมาพบเจอเข้าและช่วยเหลือไปได้ทุกที กระทั่งการทำงานที่หญิงสาวเป็นพยาบาลดูแลคนไข้ที่ชราภาพ ไม่ต้องให้บ่นหญิงสาวก็รู้ว่าผู้สูงวัยที่หล่อนพยาบาลอยู่นั้นต้องการอะไรและคิดอะไร
ทำให้เป็นที่รักใคร่ของเหล่าคุณตา คุณยายสูงวัยที่เข้ามาทำการรักษา จนเศรษฐีสูงอายุบางคนที่เข้ามานอนพักในโรงพยาบาลต้องจ้างตัวเป็นพยาบาลพิเศษแทบทุกคน
และถึงแม้งานจะหนักหนา ต้องปฏิบัติตัวราวกับคนรับใช้ในสายตาคนอื่น นั้นกลับไม่ทำให้หญิงสาวแสดงอารมณ์หัวเสียใส่คนเหล่านั้นหรือคนรอบข้างเลยแม้แต่น้อย
ทำไมหรือคะมีเรื่องอะไรจะให้ดาช่วยหรือเปล่า แต่ต้องหลังจากที่ดาเอาใบลาป่วยของพี่สาไปส่งให้กับคุณบดินทร์ก่อนนะคะ
อีกฝ่ายแบะปากอย่างไม่ชอบใจเมื่อนึกถึงชื่อที่เกริดาเอ่ย สาวิตรี พยาบาลสาวม่ายพราวเสน่ห์ลูกสาวเจ้าของโรงพยาบาลแห่งนี้ ชอบใช้แต่ชุดพยาบาลที่ทั้งรัดติ้วและเนื้อผ้าบางแต่งหน้าเข้มจัดด้วยเครื่องสำอางค์ราคาแพง
แถมยังชอบฉีดกลิ่นน้ำหอมชื่อดังอวดชาวบ้านจนกลิ่นกระจายกลายเป็นฉุนจมูก ซึ่งเป็นการผิดกฎของที่นี้อย่างสูง เหมือนกับจะไปล่อตะเข้
ในขณะที่วันๆวันหนึ่งมีคนไข้ไม่น้อย รวมทั้งการดูแลผ่าตัดคนไข้ พยาบาลและนายแพทย์รวมทั้งผู้เป็นเจ้าของโรงพยาบาลนายบดินทร์วิ่งกันวุ่น แต่ยัยสาวิตรีกลับนั่งเฉยๆ ไม่สนใจทำงานทำการเอาแต่นั่งดื่มกาแฟ ตะไบเล็บอยู่ในห้องพักพยาบาล ไม่ก็เดินร่อนไปร่อนมา โชว์หุ่นสวยเพรียวของการร้างสามีไปทั่วทั้งโรงพยาบาล
นอกจากนั้นยังฉลาดในการใช้ฝีปาก หลอกล่อคนนู้นคนนี่ โดยเฉพาะเวลาจะหนีเที่ยว
จากคุณ :
ม่านหมอก
- [
25 มี.ค. 47 12:26:46
A:203.107.203.210 X:
]