จ้าวสมุทร ตอนที่ 33 อำนาจดูดกลืนความชั่วร้าย

    จ้าวสมุทร ตอนที่ 33           -อำนาจดูดกลืนความชั่วร้าย-

    เชื่อได้เลยว่าไม่มีใครต้องการจะเป็นอูวดลในเวลานี้แน่นอน.. ใครก็ตามเคยเจอสถานการณ์ที่เรียกได้ว่า ‘ไม่มีใครให้คุยด้วย’ มาแล้วก็คงจะเข้าใจความรู้สึกของอูวดลในเวลานี้ได้ดี

     จริง ๆ จะว่าไปแล้ว.. ก็ไม่เชิงว่าจะไม่มีใครให้คุยด้วยจริง ๆ หรอก.. หากแต่เขาปฏิเสธที่จะพูดคุยกับกฤษณาที่ชวนเขาคุยตลอดทางนับตั้งแต่ตอนออกจากสถานีอ่าวไทยโดยการพูดกับเธอให้รวบรัดที่สุดเท่าที่จะทำได้..   ส่วนมาลาตีนั้นมีท่าทีเย็นชากับเขานับตั้งแต่ออกมาจากศูนย์การปกครองอ่าวไทยแล้วซึ่งอูวดลก็ไม่เข้าใจอีกว่าเพราะอะไร และคงไม่ต้องพูดถึงนาคินที่อูวดลคงต้องรอให้โลกนี้มีเพียงเขากับนาคินอยู่บนโลกเพียงสองคนเท่านั้นจึงจะยอมพูดคุยด้วยเป็นแน่

     จ้าวสมุทรวาสุกรีกับราชเทวีดาหวันพูดคุยเชิงปรึกษากันเบา ๆ อยู่ตลอดแทบการเดินทางบวกกับการที่อูวดลเองก็ยังไม่กล้าที่จะชวนคนทั้งสองคุยทำให้อูวดลต้องตกอยู่ในสถานการณ์ ‘ไม่มีใครให้คุยด้วย’ ตามที่กล่าวมาข้างต้น

     อูวดลยกนาฬิกาข้อมือซึ่งเป็นของขวัญชิ้นสุดท้ายที่ภานุเดชซื้อให้ในวันเกิดปีที่แล้ว ก่อนที่จะเสียชีวิต.. อูวดลสาบานเลยว่าเขาจะใช้นาฬิกาข้อมืออันนี้ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้.. นาฬิกาบอกเวลาสองทุ่ม.. และตอนนี้เขาก็นั่งอยู่ในหัวขบวนไซมาความเร็วสูงที่กำลังเดินทางออกจากทะเลแดงมุ่งสู่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน..

     ความจริงนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่อูวดลเดินทางด้วยไซมาความเร็วสูง.. แต่ถึงกระนั้น.. อูวดลก็อดคิดอย่างแปลกใจไม่ได้ว่า.. เขาสามารถเดินทางเกือบข้ามทวีปโดยใช้เวลาไปเพียงสองชั่วโมงครึ่งเท่านั้น

     อูวดลมองไปรอบ ๆ โบกี้พิเศษหัวขบวนที่กว้างใหญ่มีที่นั่งนับได้เกือบห้าสิบที่นั่งได้รับการตกแต่งอย่างดีด้วยผ้าม่านสีเย็นตา มีคนนั่งอยู่เพียงหกคนเท่านั้น จ้าวสมุทรวาสุกรีบอกว่าสาเหตุที่เดินทางก่อนหนึ่งวันก็เพราะต้องการแวะพักที่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและไม่ต้องการนั่งแออัดกับจ้าวสมุทรคนอื่น ๆ กฤษณานั่งพิงไหล่ของเขาจนหลับไปแล้ว.. มาลาตีนั่งอยู่ตรงเก้าอี้ตรงด้านหน้าของเขา อูวดลไม่รู้ว่าเธอหลับหรือเปล่าแต่ที่แน่ ๆ เธอไม่ได้หันมาพูดคุยกับเขาอย่างที่ควรจะเป็นเลย

     นาคินนั่งกอดอกอยู่เก้าอี้ด้านหลังสุดอย่างโดดเดี่ยว.. อูวดลเหลือบสายตาไปมองเขาครู่หนึ่ง.. นาคินไม่ได้หลับ.. แต่นั่งนิ่งไม่ต่างจากหุ่น ตลอดการเดินทางอูวดลแทบจะไม่ได้ยินเสียงของนาคินเลยทั้งตอนเปลี่ยนขบวนและตอนที่กำลังเดินทาง.. อูวดลไม่อยากจะสนใจเขามากนักรีบตวัดสายตากลับมาอย่างรวดเร็ว จ้าวสมุทรวาสุกรีกับราชเทวีดาหวันนั่งอยู่ตรงด้านหน้าเยื้องไปหนึ่งแถว ราชเทวีดาหวันหลับไปแล้ว.. เป็นสาเหตุทำให้เสียงพูดคุยเบา ๆ ระหว่างจ้าวสมุทรและราชเทวีเงียบลงไป

     ดูเหมือนว่าจ้าวสมุทรวาสุกรีจะรู้ว่าอูวดลกำลังมองอยู่ จึงหันหลังมาพูดกับอูวดล

     “มีอะไรหรือ.. อูวดล..” จ้าวสมุทรวาสุกรีพูด “หิวหรือยัง..”

     “เอ่อ.. ยังครับ.. ราชเทวีหลับไปแล้วหรือครับ..” อูวดลพูดตะกุกตะกัก

     “ใช่.. การเดินทางจากทะเลแดงไปเมดิเตอร์เรเนียนออกจะล่าช้าสักหน่อย.. ดาหวันคงเพลียก็เลยหลับไปเสียก่อน.. แต่ความจริง.. อีกสักไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็จะถึงสถานีเมดิเตอร์เรเนียนแล้วล่ะ..” จ้าวสมุทรวาสุกรีพูด แล้วถามอูวดล “เธอรู้มั๊ย.. ว่าทำไมฉันถึงอยากจะแวะพักที่เมดิเตอร์เรเนียน..”

    “ไม่ทราบครับ..” อูวดลตอบอย่างจริงใจ

     จ้าวสมุทรวาสุกรียิ้มให้อูวดลอย่างเอ็นดูแล้วกล่าว “อย่างแรกก็คือ ฉันต้องการแวะไปเยี่ยมมองต์ดิเอร์กับเชอวาเลีย..” จ้าวสมุทรเห็นคิ้วของอูวดลขมวดเข้ามากัน เลยพูดให้อูวดลเข้าใจ “เธอเองก็เคยเจอเขาแล้วนี่.. ที่แปซิฟิกเดวิล..”

     อูวดลพยายามนึกย้อนไปในวันที่เขาแอบไปดูการประหารไซโซที่แปซิฟิกเดวิลแล้วถูกราชเทวีดาหวันจับได้แล้วพาไปที่ห้องพัก.. และแล้วก็มีจ้าวสมุทรคนหนึ่งมาทำความรู้จักกับเขา

     “อ๋อ.. จำได้แล้วครับ.. จ้าวสมุทรมองต์ดิเอร์..” อูวดลพูด

     “ฉันกับเขาเป็นเพื่อนสนิทกันนับตั้งแต่เป็นนักรบรัชทายาท.. เขาอ่อนกว่าฉันหนึ่งปี.. เอาไว้เวลาว่าง ๆ ฉันจะเล่าวีรกรรมที่ฉันกับเขาก่อไว้ด้วยกันให้เธอฟัง..” จ้าวสมุทรวาสุกรีพูด “และฉันอยากจะให้เธอรู้จักกับนักรบรัชทายาทและองค์หญิงของที่นั่นด้วย.. เมดิเตอร์เรเนียนกับอ่าวไทยเป็นมิตรกันมานาน.. ฉันอยากให้ความสัมพันธ์นั้นคงอยู่ตลอดไป..” จ้าวสมุทรวาสุกรีหยุดพูดครู่หนึ่ง และเห็นว่าอูวดลยังมีท่าทีตั้งใจฟังอยู่จึงเล่าต่อ “และในวันพรุ่งนี้ตอนเช้าเธออาจจะได้เที่ยวหมู่บ้านสักหมู่บ้านหนึ่งในเมดิเตอร์เรเนียนด้วย.. เมดิเตอร์เรเนียนมีสถานที่ท่องเที่ยวเยอะมาก.. นับได้ว่าเป็นดินแดนแห่งอารยธรรม..”

     “ดินแดนอารยธรรมเหรอครับ..” อูวดลพูดอย่างตื่นเต้น

     “ใช่.. เมดิเตอร์เรเนียนตั้งอยู่ระหว่างสามทวีปคือ.. ยุโรป เอเชีย และแอฟริกา.. ดังนั้นในเมดิเตอร์เรเนียนเราจะได้เห็นทั้งอารยธรรมของกรีก โรมัน รวมทั้งอียิปต์โบราณและอื่น ๆ ด้วย..” จ้าวสมุทรวาสุกรีอธิบาย

     “ฮึ.. นายยังต้องรู้อะไรอีกเยอะ อูวดล.. อย่าคิดเลยว่าชื่อเสียงจะทำให้นายรู้ทุกอย่างในโลกใต้น้ำ..” เสียงนาคินดังขึ้นอย่างไม่เป็นมิตรอีกครั้ง

     อูวดลตัวชาขึ้นมาเล็กน้อยแล้วหันไปพูกดับนาคิน “ขอบใจ.. แต่ฉันรู้ดีว่าควรจะทำตัวยังไง..”

     “ฉันจะจำคำพูดของนายไว้..” นาคินกัดฟัน

     “เธอพูดถูกนาคิน..” จ้าวสมุทรวาสุกรีสรุป มองนาคินด้วยสายตาสั่งสอน “แต่ถ้าจะให้ดี.. เธอควรจะปรับปรุงลักษณะการพูด.. ยาพิษหลอกคนให้ดื่มกินได้เพียงแค่อาบด้วยน้ำผึ้ง.. แต่ในขณะเดียวกันยาที่ใช้รักษาโรคก็ไม่มีใครอยากกินถ้าหากยานั้นมันขมและไม่มีสีสันเอาซะเลย.. คำพูดของคนเราก็เหมือนกันนะนาคิน..”

     นาคินเงียบ.. ดูเหมือนว่าคำพูดของจ้าวสมุทรวาสุกรีจะทำให้เขายอมจำนนได้ง่าย.. แต่ก็ยังไม่วายที่ส่งสายตาเย็นชามาให้อูวดล

     จ้าวสมุทรวาสุกรีละสายตาจากนาคินแล้วหันมาพูดกับอูวดลอีกครั้ง “อูวดล.. ในโลกใต้น้ำยังมีอะไรให้เธอศึกษาอีกมากมาย.. ความจริงนักรบรัชทายาทจะเริ่มปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่อายุสิบห้าปี แต่ทั้งนี่ทั้งนั้นฉันเห็นว่าเธอคงยังไม่พร้อมในหลาย ๆ ด้าน.. ดังนั้น ฉันจึงคิดจะเลื่อนเวลานั้นออกไปเพื่อให้เธอได้ผ่อนคลายมากกว่านี้ก่อน.. แต่เหนือสิ่งอื่นใด.. หากพ้นจากนี้แล้ว เธอสองคน..” จ้าวสมุทรวาสุกรีกลอกตามองอูวดลและนาคินสลับกัน “จะต้องปฏิบัติหน้าที่ของนักรบรัชทายาทตามบทบัญญัติของคัมภีร์โปเซดอนแน่นอน..”

     คำพูดอันเหมือนประกาศิตของจ้าวสมุทรวาสุกรีทำให้นาคินและอูวดลตกอยู่ในภวังค์ความเงียบ แต่มาลาตีก็ทำลายมันเสียก่อน

    “ดีจังเลยนะคะ.. นักรบรัชทายาทเพิ่งจะปฏิบัติหน้าที่ตอนอายุสิบห้า.. แต่องค์หญิงกลับต้องทำงานตั้งแต่รายงานตัว..” มาลาตีโพล่งขึ้นมา ทำให้อูวดลรู้ว่าที่แท้จริงแล้วเธอไม่ได้หลับ

    จ้าวสมุทรวาสุกรีตวัดสายตาไปที่มาลาตี “เธอจะพูดอย่างนั้นก็ได้มาลาตี.. แต่คำว่าภารกิจที่แท้จริงของนักรบรัชทายาทจำเป็นต้องรอให้ร่างกายเติบโตเต็มที่.. มีความแข็งแรงทั้งร่างกายและจิตใจ.. ส่วนงานขององค์หญิงนั้น.. เป็นงานฝีมือที่ต้องฝึกฝนตั้งแต่เด็ก ๆ ..”

     “หมายความว่า.. องค์หญิงไม่มีสิทธิที่จะทำอะไร.. นอกจากงานครัวและรับใช้จ้าวสมุทรฉันสามีภรรยาอย่างนั้นหรือคะ..” มาลาตีเถียง

     “ฉันจำได้ว่าไม่เคยพูดแบบนั้นนะ.. มาลาตี..” จ้าวสมุทรวาสุกรีชี้แจง “ราชเทวีเป็นคู่คิดของจ้าวสมุทร ที่จ้าวสมุทรควรรับฟังด้วยความเต็มใจ.. ราชเทวีมีสิทธิกล่าวทัดทานการกระทำที่ไม่เหมาะสมของจ้าวสมุทรได้.. ดังนั้นหากจะย้อนกลับไปในคราวที่ยังเป็นนักรบรัชทายาทและองค์หญิง.. นักรบรัชทายาทจะถูกสอนให้เรียนต่อสู้.. การเมือง การปกครอง.. ดังนั้นจ้าวสมุทรที่ดีจะต้องเป็นคนที่มีความสามารถ ฉลาดในการแก้ปัญหา.. ส่วนองค์หญิงจะได้รับการฝึกที่แสดงถึงความอดทน.. งานครัวและงานเรือน.. รวมทั้งได้รับการศึกษาเรื่องต่าง ๆ ได้เท่าเทียมกับนักรบรัชทายาท.. เพียงแต่ไม่ต้องฝึกต่อสู้.. ราชเทวีที่ดีคือจะต้องเป็นคนละเอียดรอบคอบ.. ซึ่งเธอกับกฤษณาก็กำลังฝึกให้เป็นแบบนั้นอยู่..”

     

    จากคุณ : Waasuthep - [ 25 มี.ค. 47 23:08:41 A:203.113.81.7 X: ]