สิ่งที่จะทำได้
บานประตูห้องที่เป็นจุดหมายของผมอยู่ตรงหน้าแล้ว แต่ผมก็ยังรีๆรอๆอยู่หน้าห้องอยู่นั่นเอง เพราะตัวผมเองยังตัดสินใจไม่ถูกเหมือนกันว่าจะบอกกับผู้ที่นั่งอยู่ในห้องอย่างไรดี
หากแล้วเหมือนผู้ที่อยู่ในห้องจะรู้แล้วว่าผมมายืนอยู่ เพราะผมเองก็ไม่ได้เจตนาย่องมาแต่อย่างไร เสียงฝีเท้าผมน่ะมันดังมาแต่ไกลแล้ว ไม่แปลกหรอกที่คนข้างในจะได้ยิน
เข้ามาสิ เสียงเย็นๆที่ผมได้ยินมาจนชินดังออกมา ให้ผมเอื้อมมือไปแตะลูกบิดและเปิดเข้าไปภายในห้องอันมีเพียงแสงสลัวของดวงอาทิตย์ที่จวนจะลับขอบฟ้าๆจากรอยแยกของม่านอันเล็กน้อยเท่านั้น
แต่สิ่งหนึ่งที่ผมรู้ดีคือ
.
ในห้องของเธอยังหลงเหลือแสง
แต่ในใจของเจ้าของห้องนั้นไร้ซึ่งแสงสว่างไปแล้ว
แม้จะเป็นแสงน้อยนิดที่เหลืออยู่ในห้องแต่ผมก็ยังพอเห็นว่าร่างระหงนั้นอยู่ในชุดสีดำสนิทราวกับจะรู้แล้วในสิ่งที่ผมกำลังจะบอก
และผมก็แน่ใจเมื่อเธอเอ่ยปากถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบเป็นปกติ
แก้ว
.ตายไปแล้วสินะ
สิ่งที่ผมจะทำให้ได้มีเพียงการพยักหน้ารับเท่านั้น ผมเห็นเธอไม่มีทีท่าตกใจหรือสะดุ้งสะเทือนใดๆเลย ความจริงทั้งผมทั้งเธอเตรียมใจกันมานานแล้วด้วยซ้ำไปว่าวันนี้ต้องมาถึง
ที่จริงมนุษย์ทุกคนจะอย่างไรก็ต้องตายอยู่ดี
.ทั้งผม
เธอ
รู้ดีพอๆกัน เพียงแต่เรื่องบางเรื่องถึงจะรู้ดีแต่ก็ไม่อยากยอมรับมัน
ทั้งเรื่องความตายของ แก้ว หรือเรื่องที่แก้วรัก ผู้ชายคนนั้น
ภวังค์ความคิดของผมสะดุดลงเมื่อเสียงของผู้หญิงอีกคนในห้องดังขึ้นมา
นาย
อยู่ที่นั่นตลอดเลยใช่ไหม
.
ผมไม่ตอบคำใดอีกนอกจากพยักหน้ารับเมื่อเช่นเคย
แก้ว
.ยิ้มหรือเปล่า
..
คำถามของเธอขาดเป็นห้วงๆทำให้ผมต้องมองหน้าเธอ หากเห็นแต่เพียงวงหน้าเรียบเฉยเหมือนใส่หน้ากากเท่านั้นเอง
ผมหวนรำลึกถึงวินาทีสุดท้ายของคนที่เพิ่งจากไป
แก้ว ร้องขอรูป ผู้ชายคนนั้น มาดู แทนตัวเขาที่วุ่นวายกับงานจนไม่มีเวลามาใส่ใจแก้ว
หล่อนดูรูปนั้นแล้ว
..ยิ้ม..หลับตาลงอย่างผาสุข
.
หลับตาลงเพื่อหลับไปตลอดกาล
ยิ้ม
.ยิ้มให้กับรูปผู้ชายคนนั้น ผมบอกความจริงให้เธอได้รู้โดยไม่ปิดบัง
เธอ ที่อยู่ตรงหน้าผมหัวเราะในลำคอหากกังวานบอกถึงความขมขื่นที่กร่อนลึกทั้งในใจของเธอและในใจของผมเอง
นายรู้ไหม..ถึงแก้วจะตายไป ตายไปเพราะไอ้ผู้ชายคนนั้นมันไม่เคยไยดีแก้วเลย ปล่อยให้แก้วป่วยหนักกว่าเราจะรู้ก็ช้าเกินไป
.ถึงจะรู้อย่างนั้น
.ฉันหรือนายก็ไม่มีสิทธิ์ไปโทษหรือไปห้ามแก้วไม่ให้อยู่กับมันต่อ
ใช่ ทั้งผมทั้งเธอไม่มีสิทธิ์ห้าม เพราะนั่นเป็นชีวิตที่แก้วเลือกนี่คือเหตุผลในมุมมองของผม แต่เหตุผลของเธอ
.
แก้วน่ะ เวลาอยู่กับผู้ชายคนนั้น เขาก็ยิ้มเสมอ
ยิ้มแบบที่พวกเราเองยังทำให้เขายิ้มอย่างนั้นไม่ได้ เธอเว้นจังหวะสูดลมหายใจราวกับจะพยายามข่มเสียงไว้ไม่ให้สั่น แต่ริมฝีปากบางเฉียบนั้นกลับสั่นระริกยามเอ่ยต่อ
พวกเราที่ทำให้เขายิ้มอย่างมีความสุขแบบนั้นไม่ได้น่ะ
.ห้ามเขาหรือทำอะไรให้เขาไม่ได้หรอก
ประโยคที่ถึงเธอไม่เอ่ยออกมาผมก็รู้อยู่แก่ใจ และเพราะรู้จึงทำได้แค่มองมาตลอด
ความเงียบเข้ามาปกคลุมระหว่างผมกับเธอไปชั่วครู่ ให้จมดิ่งอยู่ในภวังค์แห่งอดีตอันไม่อาจเรียกคืนมาได้
.
แก้ว ชื่ออันมีความหายถึงสิ่งอันสวยงามสูงค่า หากก็เปราะบางแตกสลายได้ง่ายดายเช่นกัน
หล่อนเป็นเด็กกำพร้าที่อาศัยทุนเรียนมาตลอด หล่อนไม่มีใคร อยู่กับพวกเรามาตั้งแต่สมัยยังนุ่งกระโปรงใส่คอซองมากับเธอตรงหน้า
แก้วกับเธอ และ ผม
จึงเป็นยิ่งกว่าพี่น้องเสียอีก
หากแล้วเมื่อวันหนึ่งผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามา
เข้ามาพร้อมกับชิงเอาหัวใจอันใสสะอาดของแก้วนั้นไป
มันเอาไปแล้วมันก็ทิ้งขว้าง!
ทิ้งให้ผู้หญิงที่เปราะบางคนนั้นจมอยู่กับบ้าน ขณะที่มันควงผู้หญิงเฉิดฉายในงานสังคม ทิ้งให้แก้วกลายเป็นเศษแก้วเล็กๆที่น่ารำคาญ
จนหัวใจอันเปราะบางนั้นรับไม่ไหวต้องเข้าโรงพยาบาลด้วยโรคร้าย
และ
.สายเกินไป
..
วันนี้..ก็รดน้ำศพเผามันไปเลยเถอะ เธอเอ่ยลอยๆหากเป็นการตัดสินใจที่ผมเองก็ไม่อยากค้าน
เก็บไว้ทำไมให้แสลงใจทั้งเธอและผม
..
เราไปที่โรงพยาบาลเพื่อรับศพของเธอไปไว้ที่วัดที่อยู่ใกล้โรงเรียนที่เราเคยเรียนเมื่อตอนประถมฯ
ลานวัดยังกว้างเหมือนเก่า
..ต้นไทรตั้นที่เคยอยู่ก็ยังคงแผ่กิ่งก้ารให้ร่มเงาเหมือนเช่นวันวาร
หากวันนี้เด็กๆที่เคยวิ่งเล่นซุกซน
.สองคนมายืนอยู่ในเสื้อผ้าสีดำสนิท
อีกคน
.นอนมาด้วยสีหน้าผาสุขมือกุมรูปถ่ายไว้แนบแน่น
เธอ
.เดินเข้าไปหาเจ้าอาวาส
อดีตหลวงตา
เพื่อบอกเล่าอย่างปกติ
ผม
..กุมมือคนที่ หลับ อยู่ตลอด เพราะอย่างน้อยครั้งหนึ่งที่มันยังมีไออุ่นแห่งชีวิต มือนี้เคยปลอบโยนทำแผลให้ผมมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง
วันนี้ไออุ่นมลายหายเหลือเพียงความเย็นชืดอันไร้ความรู้สึก
ผมกลืนก้อนแข็งๆที่เข้ามาจุกที่คออย่างยากลำบาก ขณะที่เธอเดินกลับมาพยักหน้าให้ผมพาเพื่อนรักของเราไปนอน
ในที่ที่จัดไว้
พิธีรดน้ำศพ..เราจัดพอเป็น พิธี จริงๆ ในเมื่อมีแค่เราสองคนเท่านั้น
.
ผมรดน้ำให้เธอด้วยมือที่สั่นระริกอย่างห้ามไม่อยู่ หยาดน้ำหลั่งรินผ่านมือเรียวนั้น
หากไม่มีหยาดใดเกาะติด
.
โลกหน้า
.แก้วไม่ต้องการเอามันติดไปด้วย
.
ผมส่งขันให้เธอที่รับมา แล้วบรรจงรดอย่างเบามือราวกับเกรงคนที่นอนอยู่จะบ่นว่าเย็น
..
หยาดน้ำสุดท้ายไหลรินก่อนที่เธอจะ
ยิ้ม
ให้แก้วอย่างอ่อนโยนไม่ผิดกับยามมีชีวิต
..
ผมเพิ่งนึกออกเดี๋ยวนี้เอง
..
ว่าตั้งแต่ตอนที่ไปรับแก้วมา
หรือกระทั่งตอนรดน้ำให้แก้วนี้
เธอไม่หลั่งน้ำตาแม้แต่หยดเดียว!
หากยามเห็นหน้าแก้วที่นอนบนเตียงที่เข็นมาให้เธอกลับยิ้มและลูบหัวแก้วเหมือนน้องน้อย
เธอไม่หลั่งน้ำตาแต่เธอยิ้มมาตลอด
..
เมื่อเสร็จการรดน้ำ หลวงตาก็สวดมนต์และชักบังสกุลให้เสร็จในคราเดียวเลยดูเหมือนว่า เธอ คงจะแจ้งเจตจำนงไว้แล้ว
จากนั้นเป็นหน้าที่ผม
..
ร่างบอบบางนั้นดูเหมือนจะไร้น้ำหนักโดยสิ้นเชิง ยามที่ผมวางร่างแก้วเพื่อเตรียมใช้เปลวอัคคีชำระล้างทุกสิ่ง
ผมมองหน้าแก้ว
.มองเพื่อที่จะจำทุกสิ่งไว้ในใจ
เพราะต่อแต่นี้ผมจะไม่มีวันได้พบอีก นอกจากในความทรงจำของผมเท่านั้น
ผมพยักหน้าให้คนที่คอยท่าอยู่แล้วค่อยๆดันเธอเข้าไปในเมรุ
..ก่อนที่ผมจะรีบหันหลังกลับและสาวเท้าหนีออกโดยเร็วที่สุด
ผมไม่อยากหันไปมองควันที่ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้านั้น
.มันยากเกินไปสำหรับผม เท้าพาผมก้าวไปอยู่ใต้ร่มไทรอันร่มเย็นนั้น ราวกับจะให้ใจของผมได้เย็นขึ้น
หากแล้วที่ใต้ต้นไทรร่างระหงในชุดสีดำสนิทที่มาพร้อมกับผม เธอนั่งอยู่ก่อนแล้ว ซบหน้าลงกับท่อนแขนวางบนเข่าที่ชันขึ้น ไม่มีเสียงใดหลุดร้องออกมา แต่ไหล่ที่สั่นสะท้านนั้นทำให้ผมรู้ดีว่าเธอออยู่ในอาการใด
ผมเรียกขื่อเธอเบาๆ
..ไม่เป็นไร เสียงเครือที่เจ้าของพยายามบังคับให้มันปกติแต่ทำไม่ได้ดังออกมาแต่เธอยังไม่ยอมเงยหน้า
ขอแค่ตรงนี้
เดี๋ยวนี้..ให้ฉันร้องไห้ หลังจากนี้เวลาไปรับแก้ว ฉันจะได้ยิ้มได้ ต่อหน้าแก้ว ฉันสัญญาแล้วว่าฉันจะไม่ร้อง ฉันจะยิ้ม
ให้เขาตลอด
นี่เองทำให้ผมเข้าใจ
แล้วผมก็จำได้ แก้วเคยบอกว่าชอบเธอเวลายิ้มที่สุด
ผมไม่รบกวนเธอ..เพราะผมเองก็ต้องการเวลาเหมือนกัน
..
เวลาที่เปลวไฟจะแผดเผาร่างอันไร้วิญญาณนั้นให้เหลือเพียงเถ้าถ่านนั้นมอดลง
ให้คนเบื้องหลังจมอยู่กับเปลวไฟอันแผดเผาหัวใจที่โศกเศร้าอันดับไม่ลง
มันไม่นานเลย
ใช้เวลาไม่นานเลยจริงๆกับการทำลายชีวิตหนึ่งที่กว่าจะเติบโตใช้เวลาไปหลายปีเป็นสิบปี
.
แต่แค่ไม่ถึงวันเดียว มันก็มลายหายไป
เธอ ลุกขึ้นยืนและก้าวเดินไปยังเมรุด้วยสีหน้าปกติมีเพียงดวงตาที่แดงช้ำเท่านั้นสำแดงหลักฐานว่าผ่านการร้องไห้ติดๆกัน
นิ้วเรียวค่อยๆเก็บกระดูกใส่ผ้าขาวอย่างเบามือจนหมด เธอกล่าวขอบใจคนที่ทำหน้าที่เบาๆ ขณะอุ้ม แก้ว ไปพร้อมรอยยิ้ม
จะพาแก้วไปทะเลนะ
.. เธอบอกเบาๆยิ้มบางๆฉาบที่ริมฝีปาก แก้วชอบทะเลนี่นา
เราพาแก้วไปที่ทะเลกัน
..เพราะในความคิดเรา แก้วน่าจะได้นอนในที่ๆเขาชอบมากกว่าอึดอัดอยู่ในโกศแคบๆ
ผมเดินไปหาซื้อพวงมาลัยดอกมะลิที่แก้วชอบมาด้วยเพื่อให้แก้ว
.
แม้กระทั่งตอนที่เราค่อยๆปล่อยแก้วลงสู่ทะเล เธอ
.ก็ยังไม่มีน้ำตาแม้แต่หยดเดียว มีเพียงรอยยิ้มหวานละมุนให้เท่านั้น
เธอเข้มแข็ง
..เป็นทั้งความคิดและคำพูดที่ผมพูดให้เธอฟังขณะเรากำลังกลับ
หากเธอกลับหัวเราะอย่างขื่นๆแทน
ฉันไม่ใช่คนเข้มแข็งเลย
.เพราะฉันทำอะไรไม่ได้แม้แต่อย่างเดียว นอกจากคอยยิ้มให้แก้ว
. เธอเว้นจังหวะราวกับกลืนก้อนสะอื้นที่วิ่งขึ้นมาก่อนกล่าวต่อ
ฉันมันเป็นแค่คนบ้า
..คนบ้าที่ทำได้แค่ยิ้มให้เพื่อนรักเท่านั้น นอกนั้นฉันทำอะไรไม่ได้เลย ทำไม่ได้
เลยสักอย่าง
ถ้าฉันเข้มแข็งจริง
เธอก้มลงมองดูมือตัวเองด้วยสายตาที่ว่างเปล่า ถ้าฉันเข้มแข็ง ฉันคงไม่ตัดใจจากแก้ว ทำให้แก้วตายง่ายแบบนี้
ผมเงียบ
และเธอก็ไม่พูดอะไรต่อ
.
สิ่งที่ทำได้
..
เพื่อให้ แก้ว เพื่อนรักของพวกเรามีแค่นี้เท่านั้นเอง
ผมทำได้แค่ให้พวงมาลัยดอกมะลิที่เธอเป็นครั้งสุดท้าย
.
เธอทำได้แค่ยิ้มให้แก้วโดยไม่หลั่งน้ำตาให้เห็น
มีแค่นี้เองที่พวกเราทำได้
ผมเหลือบมองคนข้างตัวที่นั่งเงียบ
วันข้างหน้าบางที
ผมก็ต้องเสียเธอไป
.แล้วผมจะทำอะไรให้เธอได้บ้าง
..
วันนี้
.ตอนนี้
.เดี๋ยวนี้
.เท่านั้นที่ผมควรเร่งทำ
ทำเพื่อคนที่รัก..เสียตั้งแต่วันนี้ก่อนที่จะไม่มีโอกาสให้ทำ
..
ผมจะมีชีวิตอยู่พร้อมกับคำๆหนึ่งเพื่อเตือนตัวเอง
วันนี้
.เราทำเพื่อคนที่เรารัก..คนที่รักเรา
คนที่อยู่ข้างๆเราหรือยัง?
+ + + + + +
ฮือๆๆๆ เพราะคนแต่งDiabolic Temption นั่นแหละทำเอาอมราวตีน้ำตาตกเลย แง้ๆๆๆๆๆ เลยต้องหาอะไรมาระบายเสียหน่อย ฮือๆๆๆๆๆ
เรื่องนี้ก็จบลงด้วยคำถาเหมือนเคย
ตอบกันก็ได้นะคะว่าจะทำอะไรเพื่อคนที่เรารัก..คนที่รักเรา และคนที่อยู่ข้างๆเรา เพื่อจะได้ไม่เสียใจภายหลัง หรืออยากบอกอะไรก็บอกเข้ามาได้ค่ะ ^O^
จากคุณ :
อมราวตี
- [
28 มี.ค. 47 16:26:49
]