.. เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา พบกับละครของเราได้เลยครับ
.เปิดม่านนนนนนนน
.
พ่อ !! เมื่อไหร่จะหาแม่ใหม่ให้ผมเสียที ผมเบื่อไข่พะโล้จะตายอยู่แล้ว
ผมร้องขึ้นมาอย่างอดรนทนไม่ได้เมื่อพบว่ากับข้าวมื้อเย็นนั้นเป็นไข่พะโล้
จากร้านป้าชะเอมอีกแล้ว
พ่อมองผมอย่างปลงอนิจจัง แล้วก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเซ็ง ๆ บ้าง
ไอ้สวิงเอ๊ย !! นี่เอ็งเอาเรื่องจิ๊บจ๊อยขนาดขี้หมูราขี้หมาแห้งมาต่อรอง
กับปัญหาระดับชาติเชียวนะ
พ่อว่าอะไร ไม่เข้าใจ ผมจ้องไข่พะโล้อย่างเซ็ง ๆ แต่ปากก็ถามไป
เพราะอยู่ ๆ พ่อก็ว่าอะไรเวอร์ ๆ ไปถึงระดับชาติ
ก็เอ็งเอาปัญหาสังคมระดับประเทศที่แม้แต่คนในรัฐบาลต้องปวดหัว
มาต่อรองกะอีแค่เอ็งเบื่อไข่พะโล้ ไอ้เวงเอ๊ย .. พ่อว่าพลางถีบผม
มาอย่างหยอก ๆ แต่ก็เล่นเอาผมล้มนอนตะแคงไปทันทีทั้งที่กำลังนั่ง
อยู่ในท่าขัดสมาธิ
อะแค่หาเมียใหม่มาทำกับข้าวให้ผมกินนี่ พ่อว่าเป็นปัญหาระดับ
ประเทศเชียวรึ ผมลุกขึ้นมาโวยวาย
อ้าว !! . ไอ้นี่จะมาเถียง..นี่แหละเป็นปัญหาสังคมของประเทศเลยล่ะ
เอ็งรู้ไหม ถึงเอ็งว่ามาแค่สั้น ๆ แต่จริง ๆ แล้วมันแฝงด้วยปัญหาสังคม
ตั้งไม่รู้กี่อย่าง เริ่มตั้งแต่ปัญหาการหย่าร้าง ทำให้เอ็งเป็นเด็กบ้านแตก
ขาดความอบอุ่น ซึ่งเป็นปัญหาครอบครัวและเยาวชน แต่ไอ้ทั้งหมดนี่
มันก็มาจากปัญหาเศรษฐกิจเพราะถ้าหากพ่อเอ็งรวย เอ็งก็ได้แม่ใหม่
ไปตั้งนานแล้ว หรือถึงจะหาไม่ได้ เราก็คงออกไปหากินข้าวนอกบ้านหรู ๆ
กันแต่แรกแล้ว ไม่ต้องมาทนกินไข่พะโล้ซ้ำซากจำเจ นอกจากนั้น
..
ผมโบกมือห้ามให้พ่อหยุด แล้วก็ก้มหน้าก้มตากินไข่พะโล้ของผมไปทันที
ไม่ต่อปากต่อคำอะไรกับแกอีก ไม่งั้นก็ต้องฟังปัญหาระดับชาติของแก
ไปจนค่ำ ไม่ต้องกินข้งกินข้าวกัน
ส่วนพ่อก็หยุดปากลงทันทีเหมือนกันอย่างจะนึกขึ้นได้ แล้วก้มลงกินข้าว
พร้อมผมไปอย่างเงียบ ๆ บรรยากาศในบ้านแสนจะเซ็งเซ็งและหดหู่
ที่จริงผมก็สงสารพ่ออยู่เหมือนกัน ไม่น่าโพล่งขึ้นมาให้สะเทือนใจแกเลย
พูดขึ้นมาก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากจะเซ็งด้วยกันทั้งคู่ ก็รู้ ๆ กันอยู่ว่า
จีบสาวสมัยนี้ไม่ใช่ง่าย ๆ เฮ้อ
ตั้งแต่จำความได้ ผมก็ไม่เคยเห็นหน้าแม่มาก่อน และพอพูดถึงทีไร
พ่อก็สั่งให้ผมหุบปากทันทีทุกครั้ง แล้วแกก็เศร้าลงอย่างทันตาเห็น
บางครั้งผมเห็นแกถึงกับแอบปาดน้ำตา ยิ่งหากไปถามขณะที่แกกำลัง
นั่งซดเบียร์นะคุณเอ๋ย วันนั้นรับรองได้เห็นพ่อไปซื้อมาซัดอึก ๆ จนเมา
สะอึกสะอื้นแล้วก็พับไปคาที่
ซึ่งผลก็คือเงินที่กระเหม็ดกระแหม่อยู่แล้วก็ยิ่งหดจนเหลือน้อยเข้าไปใหญ่
เพราะถูกเจียดไปเป็นค่าเบียร์ที่พ่อซื้อมาดับความโศก ส่งผลให้คุณภาพ
ของอาหารในแต่ละมื้อของเดือนนั้นมันเลวลง ดังนั้นถ้าไม่จำเป็นผมจึง
ไม่เอ่ยถึงแม่ขึ้นมาอย่างเด็ดขาด
ในเมื่อผมก็รู้สภาพอยู่แล้ว แต่ทำไมผมถึงได้โวยวายหาพระแสงของ้าว
อะไรขึ้นมาไม่ทราบ ..
เรื่องมันมีที่มาที่ไปครับ จริง ๆ แล้วก่อนหน้านี้สักสองปี เราไม่ได้อดอยาก
ถึงขนาดนี้หรอก ไม่ใช่ว่าเมื่อก่อนพ่อรวยหรอกครับ แต่เมื่อก่อนผมมี
แม่เลี้ยงอยู่หนึ่งคนชื่อน้ากระเฉดเป็นแม่ค้าส่งผลไม้คอยช่วยจุนเจือ
สี่ปีที่แล้วขณะผมอยู่ปอหนึ่ง น้ากระเฉดเธอเอาผลไม้จากสวนที่เมืองนนท์
มาส่งแถวนี้ แล้วก็ไปปิ๊งกับพ่อเอาอีท่าไหนไม่ทราบ จนตกร่องปล่องชิ้นกัน
ด้วยการเงินของแม่ค้าผลไม้ ทำให้เราสองพ่อลูกพอเงยหน้าอ้าปากได้บ้าง
อย่างน้อยทุกวันก็มีกับข้าวดี ๆ กิน ถึงแม้น้ากระเฉดแกจะยึดเอทีเอ็ม
ของพ่อไปและกดเอาเงินเดือนไปจนเกลี้ยง แต่เมื่อเอาเงินเดือนของพ่อ
มาเทียบดูกับค่าใช้จ่ายภายในบ้านก็ถือว่าคุ้มแหละ ฮิ ๆ
เรื่องเป็นอย่างนี้แหละ พอผมเบื่อไข่พะโล้จนทนไม่ไหวก็เลยบ่นเอาเสียที
เป็นการกระตุ้นให้พ่อพยายามจีบอีสาวเพื่อมาทดแทนน้ากระเฉด
เฮ้อ ..ถ้าน้าแกยังอยู่กับเราก็คงดี .. เรื่องมาพังเพราะวันนั้นจริงเลยเชียว
วันที่น้าแทนกับพี่สัตยาสองหนุ่มหล่อประจำซอยมาตั้งวงโจ้เบียร์กับพ่อ
วันนั้นสองหนุ่มนั่นแวะเวียนเข้ามาเยี่ยมเยือน โดยมีเนื้อย่าง น้ำตก และ
ไก่ย่างตัวใหญ่ติดมือมาด้วย คราวนี้พ่อผมก็ต้องรับรองด้วยเบียร์ลังใหญ่
ที่น้ากระเฉดซื้อมาทิ้งไว้ให้สิ เรียกว่าถ้อยทีถ้อยอาศัยกันล่ะครับ
ทั้งสามพากันไปยังใต้ต้นมะยมบริเวณลานตรงข้ามบ้านเรา โดยมีผม
ตามไปด้วยคอยเป็นตัวกินกับ แหะ ๆ
ที่ตรงนี้ปกติแล้วพ่อจะชอบลากเก้าอี้สองตัวไปนั่งเอนดวดเบียร์อยู่ประจำ
ในยามเย็น วันนี้ก็ครึกครื้นขึ้นมาอีกหน่อย
จากคุณ :
ส.สัตยา
- [
29 มี.ค. 47 04:25:26
]