ชีวิตของผมเจ็ดวันมีแต่งงานกันงาน และก็งาน ด้วยความเร่งรีบของเจ้านายและความต้องการของลูกค้าทำให้ผมมีความจำเป็นต้องผลิตผลงานออกมาอย่างต่อเนื่อง บางครั้งผมต้องอดหลับอดนอนหลายวัน กว่าจะทำงานที่ได้รับมอบหมายเสร็จ หลังจากหาเวลาว่างให้ตัวเองได้สำเร็จ วันนี้ผมตั้งใจว่าจะไปห้างสรรพสินค้า เลือกหาซื้อหนังสืออ่านสักเล่ม
ถ้ามีเวลามากพอ การจมขลุกวนเวียนอยู่ร้านหนังสือเป็นวันละหลายๆชั่วโมงนั้น เป็นเรื่องธรรมดาปกติสำหรับผมไปซะแล้ว แต่บางอย่างที่ไม่ปกติธรรมดา กลับแปลกปลอมเข้ามาในชีวิตที่ปกติธรรมดาของผม
แนทไม่ต้องเดินหนีแม็กเลยนะ ผมมองไปที่หน้าประตูร้าน หญิงสาววัยรุ่นหน้าตาน่ารัก กำลังเดินหน้าบูดเข้ามาในร้านหนังสือ มีชายหนุ่มหน้าตาดีอีกคนไล่หลังมา
แม็กไม่ต้องมายุ่งกับแนทเลย เรื่องของเราสองคนจบไปแล้ว ชายหนุ่มคว้าแขนสาวน้อย เธอหยุดชะงักตามแรงดึง แนทต้องคุยกับแม็กให้รู้เรื่องก่อน แนทจะทำอย่างนี้กับแม็กไม่ได้นะ ชายหนุ่มกระชากเสียงใส่
เราไม่มีอะไรจะคุยกันแล้ว ทุกอย่างมันจบแล้ว แม็กไปซะเหอะ แนทอยากอยู่คนเดียว สาวน้อยสะบัดแขนหนี ผมเหลือบหางตาสังเกตพฤติกรรมของวัยรุ่นทั้งสองคน เมื่อมองหน้าสาวน้อยได้ถนัดตาก็รู้สึกคุ้นเคยมาก เหมือนกับคนเคยรู้จัก
ใช้เวลาคิดอยู่ช่วงอึดใจ อ้อ น้องแนท ลูกพี่ลูกน้องของผมนั้นเอง ไม่ได้เจอกันตั้งนาน โตเป็นสาวซะแล้ว ผมเฝ้ามองสังเกตการณ์อยู่เงียบๆ ไม่อยากเข้าไปยุ่งเรื่องส่วนตัวของน้องเขาสักเท่าไร ก้มหน้าก้มตาเลือกหนังสือต่อไป
พี่ๆ พี่เป้ใช่ไหมคะ จำน้องแนทได้ปะ ไม่ทันสังเกต น้องแนทเดินเขามาสะกิดแขนผม
เอ่อ ผมผยักหน้าตอบ มองไปข้างหลังน้องแนท คนชื่อแม็กกำลังเดินเข้ามาใกล้
พี่เป้ช่วยแนทด้วยนะค่ะ มีคนมาตามตื้อน้อง น้องกลัวมากเลย น้องแนทปล่อยสะอื้นออกมาตามน้ำเสียง
เอ่อ ผมอึกอักพูดอะไรไม่ออก น้องแนทมองด้วยสายตาอ้อนวอน แม็กเดินมาหยุดข้างหลังน้องแนทจ้องหน้าผมเขม็ง
อะไรกันแนท แนทคุยกับใคร ไอ้คนนี้ใครกัน ผมก้มมองหน้าน้องแนท ส่งสายตาถามว่าควรทำอย่างไรดี น้องแนทมองผมด้วยสายตาวิงวอน
หรือว่ามันเป็นคนที่ทำให้แนทเปลี่ยนไป ไอ้คนนี้ใช่ไหมที่ทำให้แนทบอกเลิกคบกับแม็ก แม็กกร้าวเสียงใส่ โดยไม่อายสายตาคนในร้าน
ใช่แล้วแม็ก แนทกำลังคบกับพี่เป้อยู่ แม็กตัดใสซะเถอะ เรื่องของเรามันจบไปแล้ว น้องแนทกล่าวบทโดยไม่หันหลังกลับไปมองหน้าแม็ก ผมได้แต่อึกอักกับบทดาราจำเป็น
แนท แม็กรักแนทนะ แม็กกล่าวเสียงคลอน
กลับไปเถอะแม็ก น้ำเสียงน้องแนทนุ่มเรียบ และตัดเยื่อใย มันจบแล้ว
เมื่อประโยคตัดบทสุดท้ายของน้องแนทสิ้นสุดลง แม็กโคลงร่างกายเหมือนคนหมดแรง เดินคอตกออกไปจากร้านหนังสือ
ผมยังมึนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น
เขาไปยังค่ะพี่เป้
ผมชะโงกตาดูหน้าร้าน ไปแล้วน้องแนท
น้องแนทละหน้าออกจากเสื้อผม หันหลังกลับไปมองที่หน้าร้าน ไปแล้วจริงๆนะ
ไปแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ผมพูดปลอบ
เฮ้อ นึกว่าจะแย่ซะแล้ว ดีนะที่เจอพี่เป้ ไม่อย่างนั้นแนทคงต้องแย่แน่ๆเลย น้องแนทถอนหายใจเฮือกใหญ่ ใบหน้ากลับสู่สภาพปกติ ไม่เหลือแววตาซึมเศร้าเมื่อสักครู่หลงเหลืออยู่เลย
แล้วพี่เป้มาทำอะไรที่นี่ค่ะ
เอ่อ พี่มาซื้อหนังสือ
แนทว่าเราไปหาอะไรกินกันดีกว่านะพี่เป้ ไม่ได้เจอกันตั้งนาน มีเรื่องอะไรเล่าให้ฟังเยอะเลย
ผมว่าจะปฏิเสธ แต่ใจก็กลัวหนุ่มแม็กตามมารบกวนน้องแนทอีก เลยต้องเออออไปหาที่นั่งคุยด้วยกัน
น้องแนทพาผมไปที่ร้านไอศรีมในห้างสรรพสินค้า ผมเลือกที่จะนั่งมุมในสุด เพื่อที่จะมองเห็นทิวทิศน์รอบๆร้านและภายนอกได้อย่างชัดเจน
พี่เป้สบายดีไหมค่ะ ไม่ได้เจอกันตั้งหลายปี น้องแนทถามระหว่างเปิดเมนูเลือกไอศกรีม
อืม ผมส่งเสียงในลำคอ พยักหน้าตอบ
พี่เป้ทานอะไรดีค่ะ อันนี้ก็น่ากินนะ น้องแนทยื่นเมนูหลากสีให้ดู ผมส่ายศีรษะปฏิเสธ
ไม่ชอบเหรอค่ะพี่เป้ งั้นเอาอะไรดีน้า น้องแนทเลือกจิ้มเมนูอยู่สักพักแล้วก็สั่งไอศรีมกับพนักงาน ผมหยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน
พี่เป้อ่านหนังสืออะไรคะ น้องแนททำหน้าสงสัย ผมยกปกหนังสือให้ดู น้องแนททำหน้าสงสัยกว่าเดิม แล้วส่ายหัว ขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ
ไม่นานไอศรีมถ้วยโตก็ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้าผมและน้องแนท
น้องแนทกินก่อนล่ะนะพี่เป้ น้องแนทตักไอศรีมเขาปากอย่างเอร็ดอร่อย ผมแวบมองและก้มหน้าอ่านหนังสือต่อ
ตอนนี้พี่เป้ทำงานอะไรค่ะ น้องแนทถามทั้งๆที่ไอศรีมยังไม่ละลายจากปาก
ผมนิ่งเงียบอ่านหนังสือต่อ แกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน
ว่าไงค่ะพี่เป้ ตอนนี้พี่เป้ทำงานอะไรอยู่เหรอค่ะ
เอ่อ...ไม่ได้ทำอะไร ผมตอบห้วนๆ ปลายตามองที่หน้าร้านเห็นแม็กเดินคอตกผ่านไปช้าๆ
แล้วทำไมพี่เป้ไม่ทำงานละ ไอศรีมคำที่แปดถูกตักเข้าปากน้องแนท
ก็...ยังไงดีล่ะ คือว่าตอนนี้ยังไม่มีงานเข้ามาน่ะ แม็กเดินลับตาไปแล้ว
ยังไม่มีงานเข้า หมายความว่ายังไงคะ พี่เป้ทำงานอะไรเหรอ น้องแนทถามเรื่องงานทั้งๆที่ผมไม่อยากจะพูดคุยหรือนึกถึงให้ปวดสมองเลย
เอ่อ อาชีพอิสระน่ะ อืม อย่าพูดเรื่องงานเลย ปวดหัวเปล่าๆ น้องแนทอิ่มหรือยังละ ทานอะไรอีกไหม ผมตัดบทเปลี่ยนเรื่องพูด วันว่างๆสบายๆอย่างนี้ไม่อยากจะนึกถึงเรื่องงานเลย
เหม่อตามองไปอีกด้านนึงของกระจกใส ท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้ม เมฆสีเทาลอยมาจากฟ้าฟากโน้น สายลมพัดกิ่งก้านใบต้นไม้ที่ป้ายรถเมล์ไหวเป็นระรอก แรงลมหอบเอาเม็ดฝุ่นลอยวนตรงถังขยะสีเหลืองเยื้องป้ายรถเมล์
ท้องฟ้าอึมครึมจังเนอะพี่เป้ เดี๋ยวฝนคงตกแน่ๆเลย น้องแนทปาดตักไอศรีมก้อนสุดท้ายในถ้วย
อืม มองก้อนเมฆสีเทาขมุกขมัวที่ปลายฟ้า ก้มเหลือบดูนาฬิกาข้อมือ บ่ายสี่โมงกว่า ผมคิดว่าสมควรได้เวลากลับบ้านสักที
น้องแนทจะกลับหรือยังล่ะ เดี๋ยวฝนตกกลับบ้านไม่ได้นะ ผมปิดหนังสือเก็บเข้ากระเป๋า
น้องแพทหยุดคิดชั่วครู่
กลับบ้านเลยไหมเดี๋ยวพี่ไปส่ง
อืม ไม่ดีกว่าค่ะ เดี๋ยวแนทว่าจะเดินเล่นอีกสักแป๊บ
ตามใจ แต่ กลับบ้านคนเดียวได้แน่นะ
ได้สิค่ะพี่เป้ สบายอยู่แล้ว น้องแนทยิ้มยิงฟัน
ระหว่างรอจ่ายสตางค์ เม็ดฝนเริ่มโปรยแปะเม็ดเล็กเม็ดน้อยตรงกระจกใส คนเดินถนนหญิงชายต่างเร่งรีบหาที่กำบัง ฝนเริ่มหนาเม็ดขึ้นอย่างรวดเร็ว ลมกรรโชกแรงราวกับพายุ
ผู้คนที่อาศัยรถเมล์กลับบ้านอัดตัวกระจุกแน่นตรงป้ายรถเมล์ ผมสังเกตเห็นผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งฝ่าลมฝนเข้ามาแทรกการตรงป้ายรถเมล์ เนื้อตัวเธอเปียกชุมไปตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า บางคนที่ยืนอยู่ก่อนแล้วขดกายหนาวสั่นด้วยลมหนาวและละอองฝน
ฝนตกหนักแล้ว กลับบ้านได้แน่นะ
ได้ค่ะ พี่เป้ไม่ต้องเป็นห่วง
พนักงานเดินมาเก็บค่าไอศรีม ผมควักสตางค์จ่าย เสียงโทรศัพท์ของน้องแนทร้องดังขึ้น น้องแนทดูเบอร์ที่โชว์ ทำหน้าเบื่อเซ็งแล้วก็ตัดสายทิ้งไป ผมเดาว่าคงเป็นคนที่ชือแม็กโทรเข้ามาแน่ๆ
เอ่อ พี่เป้ค่ะ
ว่าไง
น้องแนทขอตัวก่อนนะค่ะ พอดีนึกขึ้นได้ว่ามีธุระ น้องแนทหยิบโทรศัพท์กดแป้นไปมา
อืม
น้องแนทผลุนผลันเดินออกไปนอกร้าน ที่หน้าร้านผมเห็นน้องแนทหยุดโทรศัพท์คุยกับใครก็ไม่ทราบ มือไม้ออกท่าทางประกอบสีหน้าที่บึ้งตึง แล้วก็เดินหายลับตาไป
มองไปนอกหน้าต่างอีกครั้ง ฝนยังตกกระหน่ำไม่มีทีท่าว่าจะหยุดง่ายๆ หยาดน้ำฝ้ามัวไหลไปทางยาวจากที่สูงลงจุดต่ำ พื้นถนนด้านนอกเจ่อนองไปด้วยแอ่นน้ำ มองผู้คนด้านหลังกระจกใสกลายเป็นภาพซ้อนไม่ชัดเจน
ตรงป้ายรถเมล์คนหลายคนที่หลบฝนอยู่ใต้หลังคาเริ่มเปียกแฉะ เพราะแรงลมพัดสายฝนเอียงทำมุมสี่สิบห้าองศา
และบางอย่างก็สะกิดตาผมให้เพ่งมองตรงริมถนนฝั่งตรงข้าม ชายหนุ่มคุ้นตาเดินเอื่อยท่ามกลางสายฝนที่โหมกระหน่ำ คิดหาคำตอบว่าคนคนนั้นคือใคร
ใช่แล้ว นายแม็กนั้นเอง
เขาไปทำบ้าอะไรตรงถนนฝั่งนั้น กลางสายฝนที่โหมกระหน่ำ หรือว่าอาการอกหักผิดหวังมันทำให้คนเราเป็นได้ถึงขนาดนี้
แม็กหยุดยืนอยู่อีกฝั่งของถนนตรงข้ามกับป้ายรถเมล์ ผมคิดว่าคงไม่ใช่ผมคนเดียวหรอกที่เฝ้าสังเกตพฤติกรรมเพื้ยนๆของแม็ก
แต่อีกฝั่งของถนนก็ทำให้ผมแปลกใจจนต้องอุทานคำออกมาโดยไม่รู้ตัว เฮ้ย
น้องแนทกำลังเดินฝ่าสายฝนที่โปรยกระหน่ำ ออกห่างไปจากห้างสรรพสินค้า ทิศทางที่กำลังมุ่งไปผมคิดว่าน่าจะเป็นจุดที่แม็กยืนอยู่
คนทั้งสองหยุดยืนประจันหน้ากันโดยมีถนนและสายฝนกั้นกลาง
ผมกลืนน้ำลายเหนี่ยวหนืดลงคออย่างยากเย็น ค้างตากับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น
เหมือนผู้กำกับได้ขีดเขียนบทให้กับคนทั้งสอง โดยมิได้นัดหมาย แม็กกับน้องแนทวิ่งข้ามถนนโผเข้าหากันตรงเกาะกลางถนน คนทั้งสองกอดกันกลมท่ามกลางสายฝนโหมกระหน่ำ
ผมไม่รู้ว่าทั้งสองคนคิดอะไรอยู่ และพูดอะไรกันบ้างในอ้อมกอดของกันและกันกลางสายฝน พนักงานนำเงินทอนมาให้พอดี
อิ่มตาและงวยงงกับภาพที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ น้องแนท แม็ก ความรักระหว่างคนสองคนมันช่างเข้าใจยากเย็นเหลือเกิน
ตรู๊ดๆๆ ๆๆๆ เสียงโทรศัพท์ของผมดังขึ้น มองเบอร์โทรเข้า พร้อมกับถอนหายใจ ต้นสายโทรมาคงไม่พ้นเรื่องงาน ผมรับโทรศัพท์ด้วยเสียงเหนื่อยหน่าย
ว่าไง มีอะไร
คือพี่เป้ครับ มีงานเข้ามาใหม่ครับ ต้นสายพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ผสมดีใจ ซึ่งต่างกับผมในตอนนี้โดยสิ้นเชิง
เกี่ยวกับอะไรละ
ก็มิวสิควีดีโออีกนั้นแหละ เพลงนี้เพราะมากเลยนะพี่ คือผมอยากให้พี่เข้ามาช่วยคิดคอนเซ็ปต์มิวสิคหน่อย
ผมถอนหายใจ เวลาพักผ่อนกำลังจะหมดไป
แล้วเพลงมันเกี่ยวกับอะไร เพลงช้าเพลงเร็ว อารมณ์เพลงประมาณไหน
เอ่อ ก็เพลงรักช้าๆเหมือนเดิมน่ะพี่ อารมณ์เพลงประมาณอกหัก สายฝน อะไรประมาณนี้แหละพี่เป้
หลังจากได้ยินโจทย์คร่าวๆ ภาพบางภาพแวบเข้ามาในหัวอัตโนมัติ ความรัก สายฝน คนสองคน เพียงแค่นี้ก็หากินได้อีกหลายงานแล้วเรา
เออๆๆ งั้นเดี๋ยวพี่เข้าไปหา
จากคุณ :
เรือ่ยเปื่อยไปวันๆ
- [
29 มี.ค. 47 11:08:52
A:203.155.224.96 X:
]