The Happiness (ความสุข)
ฉันอยู่เพียงลำพังในบ้านที่ไม่ใหญ่นัก สิ่งมีชีวิตอีกสิ่งนอกจากตัวฉันคือต้นกระบองเพชรต้นเล็กๆเท่าฝ่ามือ บ้านของฉันไม่มีสวนสำหรับปลูกต้นไม้ใหญ่ ไม่มีที่ว่างสำหรับสุนัข แมวหรือสัตว์เลี้ยงอื่นๆ วันๆฉันได้แต่มองออกไปนอกหน้าต่างคิดถึงหลายๆสิ่งหลายๆอย่างที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของฉันและก็ผ่านไป ฉันรู้สึกเหมือนว่าฉันใช้ชีวิตไปวันๆโดยที่ยังไม่ได้ทำอะไรทีเป็นชิ้นเป็นอันเลย ฉันคิดว่าฉันสามารถทำอะไรได้มากกว่านี้ ถ้าฉันมีอะไรมากกว่านี้ ชีวิตฉันอาจจะดีกว่าทุกวันนี้ แต่ว่า
ฉันต้องการอะไรล่ะ ความสุขของฉันคืออะไร ฉันค่อยๆคิดขณะที่ดวงตาทั้งคู่ของฉันมองออกไปนอกหน้าต่าง ข้างนอกอาจจะมีสิ่งที่ฉันต้องการค้นหาอยู่
จนวันหนึ่งฉันก็ทนไม่ไหว เช้าวันหนึ่งฉันตัดสินใจออกจากบ้านของฉัน บ้านที่เป็นกรอบแห่งชีวิตที่คอยควบคุมฉันอยู่ทุกวันและทุกเวลา ทันทีที่ฉันก้าวเท้าออกจากประตูบ้านการเดินทางของฉันก็ได้เริ่มขึ้น กับคำถามที่ว่าความสุขของฉันคืออะไร
ฉันเดินออกจากบ้านเพื่อค้นหาคำว่าความสุข ฉันเดินไปเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมาย สักพักฉันก็ไปพบขอทานผู้หนึ่งเสื้อผ้าขาดวิ่น นั่งอยู่ท่ามกลางกองขยะจำนวนมหาศาลซึ่งเป็นผลกระทบอีกด้านของสังคมเมือง
คุณลุงครับ สวัสดีครับ
สวัสดี คุณลุงของทานคนนั้นยกมือทักทายฉัน
คุณลุงครับ ความสุขของคุณลุงคืออะไรครับ?
ความสุขของลุงนั่นหรือ ก็คือการอยู่ไปวันๆนี่แหละ อิ่มท้องบ้าง หิวบ้าง แต่ลุงก็คิดว่าลุงพอใจและมีความสุขแล้ว
ลุงไม่ต้องการไปอยู่ในบ้านอุ่นๆหรือครับ?
ลุงอยู่อย่างนี้มานานแล้ว และลุงจะอยู่อย่างนี้ต่อไป แม้ที่นี่ในสายตาของพวกคนมีเงินจะเป็นแค่ที่ทิ้งขยะ แต่สำหรับลุงแล้วที่นี่คือบ้านของลุง
บ้าน
คำนี้ทำให้ฉันฉุกคิดขึ้นมาได้ ฉันจากบ้านมาเพื่อหาคำตอบว่าความสุขคืออะไร แต่คุณลุงยอมอยู่กับบ้าน บ้านของลุงที่คนทั่วไปมักจะเรียกว่าที่ทิ้งขยะ
ฉันมีเงินอยู่นิดหน่อย บางทีฉันอาจจะซื้ออะไรให้ลุงทานได้
ไม่หรอก วันนี้ลุงอิ่มแล้ว ขอบใจนะหลาน
แล้วชีวิตของคุณลุงต้องการอะไรหรอครับ?
ความพอดีไง ลุงมีทุกอย่างที่ลุงต้องการแล้ว จะไปหาอะไรให้มันวุ่นวายอีก
แสดงว่าความสุขของคุณลุงคือความพอดี
ใช่แล้วล่ะหลาน ความพอดีนี่แหละคือความสุข
ฉันลาคุณลุงขอทานออกมา แล้วก็เดินทางต่อ ความสุขคือความพอดี ถึงแม้ว่าคุณลุงจะพูดอย่างนั้น แต่ฉันก็ไม่อยากจะเชื่อคุณลุงเท่าไรนัก ฉันเดินต่อไปเรื่อยๆจนกระทั่งฉันพบกับผู้หญิงสาวคนหนึ่งที่หน้าตึกสำนักงานขนาดใหญ่ เธอแต่งตัวล้ำยุคนำสมัยก้าวเดินอย่าสง่างาม ขณะที่เธอเดินมีช่างภาพมากมายตามมาเพื่อถ่ายรูปของเธอ
คุณน้าครับ สวัสดีครับ
สวัสดีจ๊ะ หนุ่มน้อย
คุณน้าครับ ความสุขในชีวิตของคุณน้าคืออะไรครับ?
ชื่อเสียงไงล่ะ พ่อหนุ่ม ฉันมีความสุขมากกับการที่หลายๆคนสนใจฉัน
แต่ว่าคุณลุงขอทานบอกว่าความพอดีคือความสุขนี่ครับ?
ขอทานจะไปรู้อะไร คนที่อยากมีอยากเป็นอะไรแล้วทำไม่ได้ ด้วยความอิจฉาตาร้อนก็จะใช้คุณธรรมเช่นความพอดีนี่แหละหลอกตัวเองว่าตนนั้นมีความสุขแล้วคนอื่นต่างหากขวนขวายหาอะไรไม่เข้าเรื่อง
และคุณน้ารู้ได้อย่างไรล่ะครับ ว่าความพอดีไม่ใช่ความสุข
ถ้าฉันพอใจกับสิ่งที่ตนเองมีเหมือนขอทานแล้วล่ะก็ ฉันคงจะไม่ได้เป็นดาราที่โด่งดังขนาดนี้หรอก ชื่อเสียงนั่นแหละจะนำมาซึ่งความสุข
ขอบคุณครับ คุณน้า
ไม่เป็นไรจ๊ะ พ่อหนุ่ม
ฉันกล่าวลาคุณน้าเป็นดาราค้างฟ้าผู้นั้นแล้วออกเดินทางต่อ ฉันคิดว่าความสุขที่ฉันค้นหาอาจจะเป็นชื่อเสียงก็ได้ แต่ฉันก็ยังไม่แน่ใจในคำตอบที่ฉันได้รับมากนัก ฉันตัดสินใจเดินทางต่อ ฉันเดินเข้าไปในสวนสาธารณะแล้วฉันก็ไปพบกับชาย-หญิงคู่หนึ่งกำลังนั่นมองตากัน มือของทั้งคู่สอดประสานกัน ใบหน้าของทั้งคู่อิ่มเอิบหยอกล้อกันไปมา
คุณพี่ครับ สวัสดีครับ
สวัสดีครับ คุณพี่ผู้ชายสวัสดีตอบฉัน ขณะที่คุณพี่ผู้หญิงเอาแต่นั่งยิ้ม
ความสุขของคุณพี่คืออะไรครับ?
หนุ่ม-สาวทั้งคู่หันกลับไปมองกันแล้วก็ตอบกลับมายังฉันว่า
ความสุขนั้นหรือก็คือความรัก
ความรักคืออะไรหรอครับ?
ความรักก็คือเราสองคนไงล่ะ ความรักทำให้ทุกอย่างสดใส ความรักคือความผูกพันระหว่างเรา ความรักทำได้ทุกอย่างและก็คือทุกสิ่งทุกอย่าง
แต่ว่าคุณน้าดาราบอกว่าความสุขคือชื่อเสียงนี่ครับ?
ชื่อเสียงซื้อความรักไม่ได้หรอกหนู ถึงจะมีชื่อเสียงล้นฟ้าถ้าไม่มีความรัก ชีวิตเราก็จะต้องจมอยู่กับความว้าเหว่เดียวดายตลอดไป
แสดงว่าความรักก็คือความสุข
ใช่แล้วล่ะหนู
ขอบคุณมากนะครับ คุณพี่
ฉันเดินละออกมาจากพวกเขาทั้งสองที่ยังนั่งสบตาอย่างหวานชื่น ความรักทำให้ทุกอย่างสดใสทำให้เกิดความสุข ก็แสดงว่ารักคือความสุขละสิ แต่ฉันก็ยังไม่ค่อยมั่นใจในคำตอบของหนุ่ม-สาวคู่นั้นเท่าใดนัก ฉันอยากจะหาใครอีกสักคนที่ยืนยันว่าความรักก็คือความสุข ฉันจึงออกเดินทางต่อไปจนกระทั่งพบกับชายหนุ่มผู้หนึ่งที่กำลังเดินอยู่ในสวนสาธารณะแห่งเดียวกันนั้นแต่เพียงลำพัง
พี่ครับ สวัสดีครับ
สวัสดีจ๊ะหนู
ความสุขของคุณพี่คืออะไรครับ?
ความสุขคือการเสียสละ ชายผู้นั้นกล่าวจบก็เงยหน้าขึ้นแล้วก็ค่อยๆยิ้ม
แล้วการเสียสละคืออะไรหรอครับ?
หนูเห็นหนุ่ม-สาวที่สวนฝั่งโน้นไหม? ชายผู้นั้นชี้ไปตรงบริเวณที่ฉันจากมา
เห็นครับ
ผู้หญิงคนนั้นแต่ก่อนเธอคือแฟนของพี่ ผู้ชายคนนั้นก็คือเพื่อนรักของพี่ วันหนึ่งแฟน ของพี่ร้องไห้มาบอกกับพี่ว่า เขารักเพื่อนของพี่มากกว่า เธอถามพี่ว่าพี่เป็นไรหรือเปล่า พี่ตอบเธอไปว่าพี่ไม่เป็นไร ไม่ได้รู้สึกอะไรไปมากกว่าความยินดีที่คนที่พี่รักได้พบคนที่เขารักแล้ว แม้ว่าคนๆนั้นจะไม่ใช่พี่ก็ตาม พี่ยิ้มด้วยความปีติ การเสียสละของพี่นำมาซึ่งความสุขใจให้กับพี่มาก ความสุขที่ได้เสียสละเพื่อให้คนที่เรารักมีความสุข
แต่พี่เสียสละให้คนอื่นมีความสุขแล้วความสุขของตัวพี่เองล่ะ
พี่ก็มีความสุขตามไปด้วย
ฉันทำหน้างงๆ แต่ก่อนที่ฉันจะได้ถามพี่อะไรอีก พี่ก็พูดต่อ
ความสุขเป็นเสมือนเปลวเทียน ที่สามารถต่อความสุขให้กับใครก็ได้ โดยที่เปลวเทียนนั้นไม่ได้สว่างน้อยลงไปเลยแม้แต่น้อย
แต่พี่สองคนที่อยู่ตรงนั้นบอกว่าความรักคือความสุข
ความรักคือความสุขเพียงแค่ชั่วครั้งคราว เมื่อรักสลายก็ต้องหาความรักใหม่อีก แต่เมื่อพี่ยอมสละความรักไปแล้วพี่จึงรู้ว่า การเสียสละนั่นแหละคือความสุขของพี่
แสดงว่าการเสียสละคือความสุข
ใช่แล้ว สุขใดเล่าจะเท่าการเสียสละ
ขอบคุณครับคุณพี่
ฉันลาพี่ผู้เสียสละแล้วออกเดินทางต่อ สุขใดเล่าจะเท่าการเสียสละ จะจริงอย่างที่พี่ผู้เสียสละนั้นพูดหรือเปล่า แล้วความรักล่ะ..ฉันก็เชื่อว่าความรักสามารถทำได้ทุกสิ่งทุกอย่างอย่างที่คู่รักพูดเหมือนกัน และอะไรเล่าคือความสุขของฉัน ฉันออกเดินทางต่อไปออกจากสวนสาธารณะจนกระทั่งถึงสถานีรถไฟแล้วก็ไปพบกับนักเดินทางวัยชราคนหนึ่ง
จากคุณ :
ฟอง
- [
29 มี.ค. 47 22:12:00
A:161.200.255.162 X:161.200.131.121
]