จะ 8 โมงแล้ว ทำไมยังไม่มาอีกนะ พิงอรบ่นกับตัวเองหลังจากยกนาฬิกาขึ้นมาดูเป็นครั้งที่ร้อยแปด
วันนี้งานบวชเพื่อนซี้เธอ และเธอก็กำลังรอเพื่อนมารับ
..ตื๊ดดดดดดดด ตื๊ดดดดดดดดดด..
เออๆ กำลังจะออกไปแล้ว มีเสียงจากปลายสายทันทีที่มีเสียงกดรับ
อะไรนะ นี่แกยังไม่ออกมาอีกเหรอ จาแปดโมงแล้วนะ เสียงใสๆขุ่นทันทีอย่างที่ปลายสายเข้าใจได้ทันทีว่าระเบิดอาจจะลงในไม่ช้า
เออ .. เดี๋ยวเหยียบเลย แค่นี้นะ คนพูดต้องรีบตัดบทเพื่อวางสายในทันที
เมื่อเลี้ยวรถเข้าวัด .. เสียงแตรวง เสียงโห่ฮิ้วดังมาชวนให้หันไปมอง สิ่งที่เห็นคือขบวนแห่นาค
เฮ้ย .. ไปหนแกบอกว่าบวชเก้าโมงครึ่งไง นี่ยังไม่เก้าโมงเลย ทำไมเค้าวนกันแล้วล่ะ เสียงใสๆโวยวายเพื่อนคนขับ
เออ .. นั่นดิ ก็มันบอกชั้นเองนี่หว่า ว่าบวชเก้าโมงครึ่งอ่ะ ธีรนุชหรือคนขับที่กำลังถูกต่อว่าก็อยู่ในอาการงงเช่นเดียวกัน
เมื่อจอดรถได้ที่ก็พากันวิ่งไปยังขบวนแห่ .. คนแรกที่สายตาของพิงอรไปสะดุดเข้าคือกฤช .. คนที่เธอเคยรอจะพบเจอ ..
แต่วันนี้ไม่ใช่แล้วล่ะ .. เธอไม่ยินดียินร้ายกับการพบปะอะไรกับเขาอีกแล้ว เพราะเธอทำใจยอมรับในทุกสิ่งได้แล้ว ดังนั้น เขาก็เป็นเพียงแค่เพื่อนคนหนึ่งของเธอเท่านั้น เหมือนๆกับคนอื่นๆ
คิดอยู่เพลินๆ คนถูกมองพลันหันมามองคนมาสายพอดี ตาสองคู่จึงประสานกันโดยไม่ได้นัดหมาย
ทีแรกพิงอรตกใจเล็กน้อย เพราะถึงจะทำใจได้แล้วแต่ว่าไม่ได้เตรียมตัวมาสำหรับการสบตากันนี่นะ ก็ปกติ จะไม่เคยมองหน้ากันเลยด้วยซ้ำ แล้วทำไมวันนี้จู่ๆเขาถึงได้มองเธอล่ะ มองอยู่ตั้งนาน ไม่หลบสายตาเหมือนอย่างเคยเมื่อเห็นอย่างนั้นพิงอรก็ทำใจกล้ามองเขากลับไปตรงๆ อย่างไม่คิดว่าจะต้องหลบอะไรอีกแล้ว
สาวหน้าม้าน่ะ มาแล้วจะไม่เข้ามาเรอะ เสียงกวนๆของเก่ง เพื่อนชายที่สนิทอีกคนนึงดึงเธอออกจากความคิดทั้งหมด แล้วสองเท้าก็พาร่างบางวิ่งเข้าไปร่วมขบวน
หลังจากนาคเข้าโบสถ์ไปเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลารวมญาติ เพื่อนๆเก่าๆได้มาพบปะกันทั้งที นกกระจอกไม่แตกรังทำไงไหว แต่ละคนก็พยายามทักทายกันให้ถ้วนหน้า เพราะคราวนี้รวมเพื่อนทั้งประถม มัธยมต้น มัธยมปลายมาเกือบหมด
พิงอรเองก็พูดไม่ได้หยุดปาก และหลายครั้งที่แอบมองไปทางเขา ก็เห็นเขามองอยู่ก่อนแล้ว และไม่เคยสักครั้งที่เขาจะหลบตาไป พิงอรเองที่ต้องถอนสายตามาก่อน ทั้งๆที่ตั้งใจแล้วว่าวันนี้ จะทำให้เขารู้ว่าเธอเป็นปกติดีแล้ว ก็เขานั่นแหละที่อยู่ดีๆก็มาแปลกๆไป
ไงเจ๊ ได้ไปพูดกะ hE มั่งยัง วีรญาเพื่อนสนิทแกล้งถามพิงอรเล่นๆเมื่อได้อยู่กันสองคน
ยังอ่ะ ไม่รู้ดิ ก็ยังไม่กล้าเหมือนเดิมแหละ พิงอรยอมรับกับเพื่อนรักตามตรง
แสดงว่าที่เจ๊บอกว่าไม่คิดอะไรแล้วก็ไม่จริงอ่ะดิ วีรญายังคงแกล้งแหย่ต่อ
จริงย่ะ ชั้นอ่ะไม่ได้คิดอะไร ไม่ได้ติดใจอะไรแล้วจริงๆ แต่.. นายกฤชนั่นแหละ มาทำเพี้ยนๆใส่ชั้นก่อนนี่นา คิดดูดิ ปกติหน้าชั้นนายนั่นยังไม่คิดจะมอง แต่วันนี้มาแปลก เจ๊ว่าป่ะล่ะ พิงอรพูดชวนให้วีรญาคิดตามไปกับเธอ
ก็ลองดูไปก่อนดิ คำแนะนำที่พิงอรนึกอยากเตะเพื่อนรักซักที
ก็แหง เจ๊จะให้ชั้นทำไรได้มากไปกว่ารอดูไปก่อนล่ะ พิงอรพูดอย่างเซ็งๆ
ขณะนั่งรถกลับบ้าน เสียงเรียกเข้ามือถือก็ดังขึ้น เป็นเสียงที่พิงอรตั้งไว้สำหรับเบอร์ที่ไม่มีในลิสต์
สวัสดีค่ะ กับเบอร์แปลกต้องพูดเพราะอย่างนี้เสมอ (ใครๆก็เป็น .. ว่าป่ะ)
.
ฮัลโหล .. ได้ยินมั้ยคะ เธอรู้สึกว่าสายไม่ได้หลุดไป แต่มีเสียงตอบกลับมาจึงนึกว่าคลื่นไม่มี
ฮัลโหล
ได้ยินป่ะคะ ถามกลับไปอย่างนี้อยู่หลายรอบ จนเธอคิดว่าคงมีอะไรขัดข้อง
งั้นเดี๋ยวโทรกลับแล้วกันค่ะ พิงอรนึกแปลกใจตัวเองเหมือนกันที่พูดออกไปอย่างนี้ เพราะปกติเธอจะไม่เคยโทรกลับใคร ยิ่งเป็นเบอร์แปลกๆด้วย
เมื่อนึกขึ้นได้จึงแค่ miss call ไป .. พอดีเงินใกล้จะหมดด้วยล่ะ (นางเอกฝากมาบอกว่าเป่างก)
ผ่านไป 1 คืน เบอร์แปลกนั้นโทรกลับมาอีก เมื่อพิงอรรับสายก็เหมือนเดิม อีกฝ่ายไม่ยอมพูด ทั้งๆที่สายไม่ได้หลุดไป และเธอก็มั่นใจว่าไม่มีคลื่นรบกวน เพราะเสียงเงียบดี
วันต่อมาก็เป็นเช่นนั้นอีก พิงอรเริ่มรู้สึกว่าถูกโรคจิตรบกวน เธอจึงตระเวณไปหาเพื่อนๆและญาติพี่น้อง
เพื่อเอาโทรศัพท์ไป miss call แกล้งคนโรคจิตนั่นกลับ
จนในที่สุดก็ไม่มีสายเข้าจากเบอร์นั้นอีก .. ให้มันรู้ซะ ว่าอย่ามากวนยัยพิงอร..
(มีต่อค่ะ)
จากคุณ :
สุภาพสตรีที่สุด
- [
30 มี.ค. 47 14:48:39
A:202.44.135.35 X:unknown
]