คือสัญญา ตอนที่ 9

    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2729327/W2729327.html

    ตอนที่แล้ว

    ============  


    สิ้นเสียงปลายทางเขากดวางหูโทรศัพท์มือถือทันที  แล้วสปีดฝีเท้าอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้  ราวกับว่าถ้าเหาะได้  บินได้  หายตัวได้  จะทำทันที  เขาอยากจะไปถึงที่นัดหมายให้เร็วที่สุดอย่างใจนึกเดี๋ยวนี้เลย   ข่าวร้ายจากสายโทรศัพท์ก่อนหน้านี้  ทำให้เขาใจคอไม่ดีเลย  เป็นห่วงเพื่อนรักอย่างมาก  ไม่รู้อาการจะหนักมากรึเปล่า  จะอันตรายถึงชีวิตไหม  จะเป็นอย่างไรบ้าง   จิตใจเป็นห่วงกังวลตลอดเวลา  คนที่เขาเป็นห่วงรองลงมาก็คือน้องสาวของเพื่อน  เธอจะรู้สึกอย่างไร  จะทำใจได้รึเปล่า  หากเหตุการณ์นั้นร้ายแรง  เพราะเขารู้ดีว่า  ปริมรักพี่ชายมากที่สุด  ทุกครั้งที่ปรามไม่สบาย  ปริมแทบจะไม่กินไม่นอน  จะคอยดูแลพี่ชายอย่างไม่รู้เหน็ดรู้เหนื่อยเลย

    ปฏิการก้าวลงบันไดทีละสามสี่ขั้นอย่างรวดเร็ว สี่ขั้นสุดท้ายเขากระโดดลงบนพื้นชั้นล่างอย่างคล่องแคล่วว่องไว  เลี้ยวมุมตึกข้างหน้านี้คือที่นัดหมายปลายทาง  ทันทีที่เท้าเลี้ยวมุมตึกไปนั้น  เขาต้องชะลอฝีเท้าลงอย่างกระทันหัน!  เท้าที่จะก้าวไปข้างหน้ากลับลังเลไม่แน่ใจ  ถอยกลับมาข้างหลังอย่างช้า ๆ  ทีละก้าว   ภาพที่เห็นตรงหน้าทำให้เขารู้สึกกลัวและไม่กล้า  

    ปริมยืนคุยอยู่กับหนุ่มหล่อรถป้ายแดงคันหรูคนนั้น !!

    เขาเริ่มไม่แน่ใจว่าเธอยังต้องการจะไปกับเขาอยู่รึเปล่า?  หรือเธออาจจะเปลี่ยนใจไปกับหมอนั่นแล้ว  แม้ว่าเธอจะรับปากกับเขาไว้แล้วก็ตาม  เธอเพียงรอเขาไปพบเพื่อที่จะบอกว่า  เธอจะไปกับคนอื่นเท่านั้นเอง  เขาควรจะเข้าไปไหม  หรือทิ้งเธอเอาไว้กับคนนั้นเลย  จะได้ไม่ต้องได้ยินถ้อยคำบาดใจในอนาคตอันใกล้นี้   จิตใจรู้สึกสับสน  นึกเปรียบเทียบตัวเองกับหนุ่มหล่อคนนั้น  เขารู้สึกว่าตัวเองไม่มีอะไรที่จะสู้กับคน ๆ นั้นได้เลย  ไม่ว่าจะเป็นหน้าตา  ฐานะ  การเรียน   เขามันไม่เอาไหน  ไม่มีดีอะไรจะเทียบเทียมนายปกป้องได้เลย   เขาไม่อยากจะไปยื้อแย่งอะไรกับใคร  มันทำให้ต่างฝ่ายต่างเจ็บปวดมากกว่า  ให้เธออยู่กับคนที่หัวใจเธอต้องการ  คงเป็นสิ่งที่เขาควรทำที่สุด

    เขาพยายามหายใจเข้าออกลึก ๆ ยาว ๆ  เพื่อผ่อนคลายอารมณ์เครียดและสับสน  พยายามมีสติ   และบอกตัวเองในที่สุดว่า   สิ่งที่เขาคิดสับสนอยู่นี้นั้น  เป็นแค่การคิดไปเองของเขาแต่เพียงฝ่ายเดียว   เขาไม่ควรยัดเยียดความคิดของตัวเองให้เธอ  ว่าเธอจะคิดอย่างนั้นอย่างนี้อย่างโน้น  เขาควรกล้าที่จะเผชิญหน้ากับความจริงตรงหน้าขณะนี้  ขอเพียงให้เขาได้ทำทุกอย่างอย่างเต็มที่  อย่างดีที่สุดก่อน  ได้ให้โอกาสตัวเอง  และให้โอกาสเธอเป็นคนเลือกและตัดสินใจด้วยตัวเอง   หากแม้ว่าเธอจะไม่เลือกเขา  เขาก็พร้อมที่จะออกไปจากชีวิตเธอ  เมื่อเธอต้องการ!!

    ปฏิการตัดสินใจเดินเร็ว ๆ เข้าไปหาปริมทันที

    “ปริม!!”
    เด็กสาวหันหน้าที่เต็มเปี่ยมด้วยความเป็นห่วงกังวลมาทางหนุ่มผมยาว

    “ให้พี่ไปส่งนะปริม”  ปกป้องขอเป็นสารถีช่วยขับรถพาไปส่งโรงพยาบาล
    “ไปด้วยกันสิ  ปฏิการ”   แล้วหันไปชวนอย่างมีน้ำใจ

    ปริมมองเวลาที่ข้อมือ   แล้วหันไปมองถนนหน้ามหาวิทยาลัยที่รถเริ่มติดเป็นแถวยาวตามเคย  สำหรับเวลาเย็น ๆ อย่างนี้

    “รถเริ่มติดอีกแล้วพี่ป้อง  ปริมไม่รบกวนพี่ดีกว่า  ขอบคุณมากนะคะ”

    ปกป้องจำนนต่อเหตุผลที่เธอไม่รับความช่วยเหลือจากเขา
    “พี่เอาใจช่วยนะปริม  ขอให้พี่ปรามปลอดภัยนะ“
    “ขอบคุณมากค่ะ  ไปก่อนนะคะ”

    ปฏิการรู้สึกโล่งอก   ที่เธอไม่เป็นอย่างที่เขาคิดกลัวเอาไว้ก่อนหน้านี้  และดีใจที่ตัดสินใจกล้าเผชิญหน้ากับความจริง   ทุกอย่างไม่เป็นไปอย่างที่เราคิดเสมอไป   โดยเฉพาะความคิดในแง่ร้าย ๆ  

    ===============  

    กลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อล่องลอยอยู่ทั่วทุกอณูอากาศ  เป็นกลิ่นที่คุ้นเคยสำหรับโรงพยาบาล   คนไข้ที่มารอตรวจรักษาดูบางตา   และทยอยกลับกันไปเกือบหมดแล้ว   พยาบาลในชุดสีขาวสะอาดเดินผ่านไปมา   ลิปที่อยู่ไม่ไกลเข็นเตียงคนป่วยสายระโยงระยางเข้าไปบ้าง  ออกมาบ้าง  

    ปรามถูกเข็นเข้าห้องฉุกเฉินไปนานแล้ว  หลังจากได้รับอุบัติเหตุ   เนื่องจากถูกรถเก๋งของเด็กวัยรุ่นที่เมาแล้วขับชนเข้าอย่างแรง  พลิกคว่ำลงข้างทาง   ขณะที่ขับรถกลับจากต่างจังหวัดเมื่อเสร็จงานในกลางดึก   เด็กวัยรุ่นสองคนในรถคันนั้นเสียชีวิตทันที

    ไฟหน้าห้องฉุกเฉินเปิดสว่างจ้าบอกให้รู้ว่ากำลังปฏิบัติการอยู่  ปริมเฝ้ามองหน้าห้องฉุกเฉิน     เธอรอคอยประตูสองบานนั้นจะเปิดออกพร้อมกัน  รอคอยหมอที่จะออกมาบอกว่าพี่ชายของเธอปลอดภัย   เธอได้แต่ภาวนาขอให้เป็นอย่างนั้น  และไม่อยากให้เป็นอย่างอื่นเลย  

    เวลาผ่านไปอย่างเชื่อช้า   เวลาชักช้าเสมอสำหรับการรอคอย   มันมักแกล้งให้คนรอคอยทรมานใจ   เพื่อน ๆ ทยอยกันกลับไปหมดแล้ว   มีเพียงปฏิการที่นั่งคอยอยู่เป็นเพื่อนเธอเท่านั้น






    และแล้วไฟหน้าห้องฉุกเฉินดับลง   ประตูห้องฉุกเฉินสองบานนั้นเปิดออก   หมอหนุ่มใหญ่ในชุดสีเขียวเข้ม  มีผ้าปิดจมูกปิดปากเดินออกมา

    ปริมรีบวิ่งเข้าไปหาหมออย่างรวดเร็ว   โดยมีปฏิการเดินตามไปติด ๆ

    “หมอคะ  เป็นอย่างไรบ้างคะ”  พลางจับมือหมอเขย่าอย่างร้อนรน

    มือของหมออีกข้างหนึ่งเอื้อมมากุมมือของเด็กสาวเอาไว้   แล้วบีบไว้แน่น  พลางตบมือของเธอเบา ๆ  

    “ปริม..”  เสียงหมอเรียกชื่อของเธอดังผ่านผ้าปิดปากปิดจมูกฟังอู้อี้ไม่ชัดเจนนัก

    หมอหนุ่มใหญ่ถอดผ้าปิดปากปิดจมูกออก

    “ปริม…ปรามปลอดภัยแล้ว”

    ปริมมองคนที่อยู่ตรงหน้าอย่างตะลึงงันด้วยความตกใจ  สมองประมวลผลหน้าตาของบุรุษที่ยืนอยู่ตรงหน้าขณะนี้ทันที

    “พ่อ…!!”  

    น้ำตารื้นขึ้นมาคลออยู่ในดวงตาคู่นั้น   ภาพแม่ร้องไห้ทุกวันทุกคืนอย่างเศร้าโศกเสียใจที่พ่อไปมีผู้หญิงคนอื่นปรากฏอยู่ในห้วงนึกจนจำติดตา  ไม่มีวันลืม  ปริมดึงมือของตัวเองออกจากการกุมไว้ของบิดา

    “ปริม…”  

    เขาสัมผัสได้ว่าปฏิกิริยาตอบโต้ของเธอไม่ยอมรับ และไม่ให้อภัยเขา   มือที่เอื้อมไปหวังจะได้โอบกอดลูกสาวที่จากกันมานานซักครั้งถูกดึงกลับมาทิ้งลงข้างตัวอย่างหมดหวัง

    “พ่อขอโทษ  สำหรับเรื่องราวที่ผ่านมา”  แม้จะรู้ดีว่าไม่มีประโยชน์อะไรที่จะพูดประโยคนี้   แต่เขาก็อยากจะบอกกับลูกอีกครั้ง

    “พ่อขอดูแลปรามนะปริม  อาการของปรามพ้นขีดอันตรายแล้วก็จริง  แต่ยังไม่รู้ว่าสมองจะได้รับการกระทบกระเทือนขนาดไหน  ต้องรอให้รู้สึกตัวก่อน   ให้พ่อได้มีโอกาสดูแลปรามนะลูก  ให้พ่อได้ทำหน้าที่ของพ่อที่ควรจะดูแลลูก ๆ บ้าง”  สายตานั้นเต็มไปด้วยคำขอร้อง  และเป็นห่วงเป็นใยสุดประมาณ  

    ปริมนิ่งเงียบไม่ตอบ  ราวกับเป็นการตอบปฏิเสธอยู่ในตัว  เธอเดินไปหยุดอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน  สายตาแสนห่วงใย  มองทะลุกระจกสี่เหลี่ยมช่องแคบ ๆ เข้าไปเฝ้ามองพี่ชาย  คนที่เธอรักที่สุด

    หมอหนุ่มใหญ่ถอนหายใจหนักหน่วง  ก่อนมองไปทางปฏิการ
    “ผมชื่อปฏิการครับ  เป็นเพื่อนของปรามและปริม”  เขาแนะนำตัวเอง
    “ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ  ผมจะดูแลเธออย่างดีที่สุด”

    หมอหนุ่มพยักหน้ารับรู้  ไม่มีถ้อยคำหลุดออกจากปากหมออีกเลย  ด้วยความรู้สึกข้างในมันย่ำแย่จนไม่อาจจะพูดคำใดได้อีก

    เขาเดินไปตามปริมที่ยืนเฝ้ามองอยู่ประตูห้องฉุกเฉิน

    “ปริมเรากลับกันเถอะนะ”

    เธอนิ่งเงียบราวกับไม่ได้ยิน…

    ปฏิการเอื้อมมือดึงมือเธอให้เดินตามมา  

    ปริมหันมามอง

    ปฏิการจึงพยักหน้าอีกครั้ง  “พรุ่งนี้ค่อยมาเยี่ยมใหม่นะ  ตอนนี้ให้ปรามเขาพักผ่อนก่อน”

    เธอเดินตามเขาไปแต่โดยดี   แต่สายตายังมองเหลียงหลังอยู่ที่ประตูห้องฉุกเฉิน  เขากระชับมือของเธอเอาไว้  อยากบอกให้เธอรับรู้ว่าเขาจะอยู่เคียงข้างเธอเสมอ  ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอก็ตาม

    ==============  

    แก้ไขเมื่อ 30 มี.ค. 47 22:39:03

    จากคุณ : ริเศรษฐ์ - [ 30 มี.ค. 47 22:01:57 ]