คำว่า มาไล หมายถึง คนสวน เขารู้จักตาเฒ่าในนามนั้นชื่อเดียวเท่านั้น เจ้าหนูไม่
เคย เรียกขานตาแกด้วยชื่อเรียงเสียงอื่นเลย อย่างไรเสียเขาก็เรียกแต่ชื่อนั้น หา
นึกไปไม่ว่ามันแปลว่าคนสวน สำหรับเขาแล้ว มาไล คือ ชายผู้นั้น
ตาเฒ่าสวมหมวกปัจจรีไว้บนศีรษะกล้อนเตียน นัยน์ตาไวดุจดวงตาวิหค
เว้นเสียแต่หยิบหยีเยี่ยงของชาวจีน มีหนวดยาวสีเทากระจุกเล็ก ๆ เหนือริมฝีปาก
บน ซึ่งตาแกภูมิอกภูมิใจนัก ใบหน้าสีน้ำตาลอมเหลืองนั้นได้สัดส่วน เส้นหน้าผาก
ลึกและรอยลักยิ้มบุํมที่แก้มทั้งสองข้าง ผิวหนังหว่างกลางมีรอยเหี่ยวย่นเป็นตาถี่ ๆ
คราใดที่ตาแกยิ้ม เส้นต่างๆบนหน้าจะกระเด้งกระดอนไปมาแลดูลึกขึ้น เจ้าหนูชอบ
จ้องมองมัน และลางทียามที่เขาสงสัยใครรู้ว่าหน้าแกได้เคยเป็นดังนั้นหรือไม่ เขา
ไม่รู้ดอกว่าเส้นเหล่านั้นเกิดได้อย่างไร แต่เขาก็มักคิดว่าเป็นเพราะลมเหมันต์พัด
ผ่านลงมาแต่ภูเขาหิมาลัย จากที่ราบเบื้องล่างเขาสามารถเห็นขุนเขานั้นหนาวสั่น
สะท้านจนหน้าเขียวในวันฟ้าแจ่มใส คุณไม่เห็นยอดเขา Kanchenjunga Nanga
Parbat K2 . . . เอเวอเรสต์ ดอก เว้นเสียแต่จะมองจากหุบเขาพยัคฆ์ ซึ่งไกลออก
ไปยี่สิบไมล์ทางกรุงดาร์จีลิง เขารู้ว่าสักวันหนึ่งมารดาของเขาจะรักษาสัญยาที่ให้
ไว้และพาไปที่นั่น
"นั่งลงสิ" ตาเฒ่าบอก "แล้วข้าจะเล่าให้ท่านฟังว่าทำไมจึงหลงลืมคันศรนั่น"
เค้าโครงเรื่องเหลือเชื่อเริ่มก่อตัวขึ้นในหัว ตาแกรู้ดีว่าเจ้าหนูไม่ได้เชื่อเรื่องราวทั้ง
หมด แกก็ชอบเสกสรรค์ปั้นแต่งเรื่องราวด้วยเช่นกันและเจ้าหนูก็สนุกกับการฟัง
นั่นแหละคือที่สำคัญ
"ฉันไม่นั่งหรอก มาไล" เจ้าหนูตอบ
"ไหงเป็นงั้นเล่า?"
เจ้าหนูชักเท้าไปมา ตาก็เบือนหนีนัยน์ตาชราคู่นั้น เขาไพล่ไปดูมือแทน มือคู่นั้น
ก็แก่และเหี่ยวย่นเช่นเดียวกับใบหน้า และมันไม่เคยอยู่นิ่งแม้เมื่อชายชรากำลังพูด
ไม่หยุด เขาประทับใจมือขวา ข้างที่นิ้วกลางกุดหายไป ข้างที่ทำงานหลังจาก
เสียมด้ามเล็กฟันลงดิน นิ้วสีน้ำตาลแหวกลงไปในหญ้า ขยี้จนแหลกแล้วเกลี่ยให้
เรียบอีกครั้ง ด้วยเวทย์มนตร์อะไรสักอย่างที่เขาไม่ทันมอง วัชพืชต่าง ๆ และ
หญ้าทั้งหลายก็มาอยู่บนฝ่ามือที่แบบออกนั้น เขารู้เรื่องเกี่ยวกับนิ้วนั้นด้วย และรู้ว่า
มาไลตัดมันทิ้งอย่างไรหลังจากโดนงูกัดแก
"เพราะครูใหญ่เฆี่ยนฉันเช้านี้สิจ๊ะ" เจ้าหนูเฉลย "แล้วมันยังแสบอยู่มาก"
เขาอับอายขายหน้าอีกแล้ว แต่ตอนนี้มันต่างไป เขารู้ว่าจะพูดจากับมาไลได้ ตา
เฒ่าก็คล้ายดังบิดาเขา เขาฉงนในทันใดว่า บิดาของเขาจะดูคล้ายตาแกไหม หาก
ท่านแก่ชราก่อนจะล่วงลับไป
"ท่านเฆี่ยนฉันตั้งสิบสามทีแน่ะ"เจ้าหนูว่าต่อไป "แค่เพราะเราไปที่ทุ่งภุตะ ท่านหา
ว่ามันเป็นการลักขโมย แต่เราไม่ได้ขโมยอะไรซักหน่อยนะมาไล ก็มันงอกอยู่เองนี่"
เขาเห็นนิ้วอันว่องไวชะงักไปชั่วครู่ นัยน์ตาสีน้ำตาลเหม่อไปข้างหน้าวินาทีหนึ่ง
แล้วดวงตาทั้งคู่ที่เคยหลบตาก็กลับมาจ้องมองเขาด้วยสายตาตำหนิและกรุ่นโกรธเล็กน้อย
"ก็จริงที่มันงอกอยู่เอง" ตาเฒ่า เอ่ย "แต่หาใช่ด้วยความบังเอิญ เวลาและอุตสาหะ
ของเหล่าสตรีผู้ปลูกคือสิ่งที่ท่านฉกฉวยมา นั่นแหละคือ การลักขโมย อยู่ ๆ ท่าน
จะหยิบฉวยสิ่งที่ไม่ใช่ของท่านไปหน้าตาเฉย นั้นไม่ได้"
แต่ครั้นแล้วตาแกก็หวนนึกย้อนไปถึงเมื่อครั้งวัยเยาว์ และรำลึกถึงแอ๊ปเปิ้ลสิกขิม
สีแดงที่เคยตุงหนักในห่อผ้า แกรู้ว่านั่นไม่ใช่การลักขโมย เพราะจนกว่าเจ้า
หนูนั่นจะเติบใหญ่เป็นหนุ่ม แล้วขวนขวายให้ได้สิ่งควรได้ ก็ ยังหามีสำนึกแท้จริง
ของคุณค่าแห่งความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของไม่
สายตาของตาแกเหไปจากท่าทางไม่สบายใจของเจ้าหนู นิ้วยังคงง่วนอยู่กับการคัด
แยกอย่างไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย
"ถ้าตาคิดงั้นละก็ มาไล" เจ้าหนูพูดอย่างลังเล
เขายังไม่คล้อยตามนัก แต่ถ้าตาเฒ่าว่ามันเป็นการลักขโมย มันก็ต้องเป็นอย่างงั้น
ในอนาคตเขาตัดสินใจว่าจะต้องพยายามให้มาก ๆ ที่จะทนต่อแรงเย้ายวนให้ไปที่
ทุ่งภุตะ
"แล้วท่านร้องไห้หรือเปล่า?"ตาเฒ่าซัก "หรือท่านกลั้นน้ำตาไว้เยี่ยงชายชาตรี?"
"ฉันไม่ได้ร้องไห้! "เจ้าหนูผลุงกายขึ้นยืนสูง แต่แล้วก็ทรุดลงเล็กน้อย"ไม่มี
จากดวงตาฉันแน่ ฉันร้องทางปากนิดหน่อย แต่ไม่เหมือนกัยเจอร์รี " เขาเสริมอย่างดุดัน
"ดีแลัวล่ะน่ะ" ตาเฒ่ากล่าวชม "แล้วตอนนี้ท่านอยากฟังเรื่องฉันลืมศรได้ไงหรือยัง?"
" ไม่ - ฉันอยากให้ตาเล่าเรื่องหมีให้ฟังอีก"
=====================(ต่อกระทู้หน้า)=====================
แก้ไขเมื่อ 31 มี.ค. 47 00:45:32
แก้ไขเมื่อ 31 มี.ค. 47 00:26:19
แก้ไขเมื่อ 31 มี.ค. 47 00:24:07
แก้ไขเมื่อ 31 มี.ค. 47 00:22:41
จากคุณ :
ส.ค.ศ. ๔๙๑๔
- [
31 มี.ค. 47 00:18:17
]