***ทางกลับบ้าน***

      ท้องฟ้าวันนี้ถูกกลบด้วยก้อนเมฆสีขุ่นๆ  มองแทบไม่เห็นสีฟ้า จะเรียกว่าท้องฟ้าวันนี้ว่าท้องเทาก็คงไม่ผิด สายลมพัดแรง มันยิ่งพาให้หมู่เมฆกระจายเกลื่อนเหมือนกับจงใจไม่ให้มีสีฟ้าเล็ดรอดให้เห็น มันพัดไปทุกหนแห่งที่อยากไป มันเป็นสัญญาณที่จะบอกให้รู้ว่ามีสิ่งหนึ่งกำลังจะตามมา
      …ฝนเริ่มลงเม็ดจากแผ่วเบากระทบห้องแถวสี่ชั้นที่ตั้งตระหง่านอย่างไม่รู้หนาวร้อน  ไม่หวาดหวั่นต่อสัญญาณของสายฝนนี้ ห้องแถวที่ห้านับจากทางซ้ายดูไม่เก่าไม่ใหม่ไปจากห้องอื่น  เลยขึ้นไปยังชั้นสี่ผ่านทะลุม่านสีน้ำเงินซีดเข้าไป  มีร่างผู้หญิงคนหนึ่ง นอนนิ่งไม่รับรู้ทั้งสิ่งภายนอกและสิ่งภายใน(ฝัน) มันเป็นความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าจากการทำงานตั้งแต่เช้า
       …เช้ามืด ตอนตีสี่เธอต้องรู้สึกตัวแล้ว เพราะต้องลงมาช่วยแม่จัดแจงนำน้ำเต้าหู้ใส่หม้อ เอาเครื่องใส่ในโหลให้พร้อม วางจัดลงบนรถเข็นให้เข้าที่ทาง กว่าจะเตรียมเสร็จก็หกโมงพอดี  ที่ขายคือตลาดหลังบ้านนี้เอง
         ที่จริงงานขายน้ำเต้าหู้เป็นงานที่เพิ่มเข้ามาใหม่ เนื่องจากรายได้ไม่พอกับรายจ่าย ตอนแรกเธอคิดจะทัดทานแม่ แต่แล้วก็คิดได้ว่า ตัวเองยังเรียนหนังสือ พี่อีกสองคนก็เรียน ค่าน้ำ ค่าไฟอีก แค่นี้มันก็มากพอแล้วยังมีหนี้สินที่พ่อกับแม่เอามาทำทุนอีกหละ ยิ่งคิดไปค่าใช้จ่ายมันก็เพิ่มเข้ามาเพราะฉะนั้นจึงหยุดคิดและก้มหน้าก้มตาขายน้ำเต้าหู้ต่อไป
          น้ำเต้าหู้จะหมดก็ราวๆเก้าโมง  เธอเข็นรถกลับบ้าน กลับมาเจองานบ้าน ที่ยืนเสนอหน้าทักทายตั้งแต่หน้าประตู นั่นก็ไอ้ห้องน้ำเนื้อตัวสกปรก ที่ก็ไอ้พื้นบ้านหน้าตามอมแมม นี่ก็หม้อ จาน ชามเปื้อนคราบอาหาร แต่งานเหล่านี้ก็เป็นเพียงงานรอง งานหลัก(หนัก)จริงๆก็คือ ซักผ้า
          ผ้าที่ซักเป็นผ้าขนหนูที่รับมาจากร้านนวด เป็นร้านของของอาสะใภ้ย่านสุขุมวิท การไปรับผ้านั้นเป็นหน้าที่ของพี่ชายคนรอง รับมาแต่ละครั้ง อย่างน้อยที่สุดก็ 80ผืนมากสุดที่เคยซักก็ 250ผืน ส่วนวันนี้200ผืน
    ฟังดูเหมือนเป็นงานที่สบายที่สุดมันจะไปยากอะไรกับแค่เอาผ้าใส่เครื่อง กดปุ่ม จากนั้นก็ไปนั่งรอแทะเม็ดก๋วยจี๊ ดูทีวี   แต่สำหรับการซักผ้าที่นี่ มันเป็นเพียงแค่ขั้นตอนหนึ่งเท่านั้น
          ชั้นสองของบ้านเป็นที่ที่เธอสนิทสนมกับมันมากที่สุด มันชื้นแฉะตลอดเวลา มีหม้ออลูมิเนียมตั้งอยู่บนเตาแก๊ซ หม้อนี้เป็นอุปกรณ์ที่นอกเหนือจากเครื่องซักผ้า มันเอาไว้ต้มผ้า หนึ่งหม้อต้มผ้าได้เพียงสิบผืน ใช้เวลาสิบนาที การที่จะทำให้เนื้อผ้าถูกฆ่าเชื้อโรคได้อย่างทั่วถึงก็คือการคน ไอน้ำลอยผุยขึ้นมาปะทะหน้าร้อนวูบวาบเหมือนจะกลั่นแกล้ง เหงื่อเกาะเป็นเม็ดตามแขนและหน้า บางทีมันก็ไหลย้อยมารวมกันหยดลงที่พื้นบ้าง หยดลงในหม้อไปรวมกับน้ำที่กำลังเดือดบ้าง เมื่อต้มเสร็จก็เอาลงไปแช่น้ำเย็นสักพักแล้วยกบิด ผ้าขนหนูที่แห้งเมื่อซับน้ำจนอิ่มเต็มผืน น้ำหนักจะเพิ่มขึ้น จากหนึ่งผืน ยกขึ้นแล้วบิด เป็นสองผืน ยกขึ้นแล้วบิด ไปจนครบสองร้อยผืน ขั้นตอนนี้ทำให้มือของเธอดูเหี่ยวและแห้งสาก มันดูแก่เกินอายุของเธอไปแล้ว  เมื่อไล่น้ำออกจนหมาดก็เอาลงเข้าเครื่อง มีอยู่สามเครื่อง มันเก่าจนไม่รู้ว่ามันอายุเท่าไหร่ ตั้งแต่ซื้อมามันก็ผ่านการใช้งานมาแล้ว  ขั้นนี้ทำให้ได้พักมือบ้าง
         สุดท้ายก็นำไปตาก ราวตากผ้าจะอยู่ชั้นสาม ต่อเติมออกไปด้านหลัง ขึงด้วยลวดเส้นหนามีห้าแถว เธอตากผ้าทั้งกลางวันและกลางคืน ฉะนั้นจึงมีแสงตะวันและแสงจันทร์เป็นเพื่อน  ความลับไม่เคยมี  เรื่องดี  เรื่องร้าย เรื่องน่าขัน เรื่องน่าเศร้า  จะเล่าจนหมดถึงแม้บางทีจะไม่ออกจากปาก เพียงแต่บอกด้วยความคิดมันก็สบายใจแล้ว

    จากคุณ : แสนยา - [ 2 เม.ย. 47 20:35:15 A:210.86.131.60 X: ]