3)
ข้างฝ่ายดรุณีศรีนงคราญนั้นตราบวันนั้นจวบจนวันนี้ก็ร้อนรุ่ม
กลุ้มฤทัยไม่วายเว้นเช่นกัน ทั้งเจ้าไอยราซึ่งบาดเจ็บจะหายดีหรือสิ้นแล้ว
ก็มิทราบประการหนึ่ง ทั้งเจ้าหนุ่มหน้าเข้มผู้คารมย้อนนั้นเล่าก็เฝ้าแต่คิด
ถึงอยู่มิรู้หาย นางกระวนกระวายอยู่หลายราตรีแต่ก็ติดซึ่งคำบัญชาของ
ท่านพ่อที่มิให้เร้นไปไหนได้ จากเช้ายันค่ำนางต้องอยู่รู้เห็นต่อสายตาของ
นางพี่เลี้ยงที่เคร่งครัดจนน่าหมั่นไส้ แม้ท่านพ่อของนางจะรอนแรมออก
ไปล่าสัตว์บ้างนางก็มิสามารถหาอุบายมาเร้นกายไปได้ ก็เนื่องด้วยคราที
แล้วแต่นางพี่เลี้ยงถูกคาดโทษหมายขวัญถึงขั้นตัดหัวหากปล่อยให้นาง
ไปตกอยู่ในภยันตรายเยี่ยงนั้นอีก อันคำให้การของนางเองนั่นเล่าก็พัวพัน
รัดตัวอยู่จากฤทธิ์แห่งการมดเท็จโดยชั่ววูบเพื่อป้องกันความผิด การจะ
อ้างว่าจะออกไปค้นหาเจ้าไอยราที่นางบอกว่าหลงหายไปในป่าก็มิใช่
หน้าที่ที่นางจะทำได้ เพราะท่านพ่อก็ได้ระดมให้ทหารออกตามหามาแล้ว
ถึงสองวันเต็ม อีกทั้งรอยฟกช้ำดำเขียวรอบตัวนั้นก็สร้างความแปลกใจ
และตกใจแก่ท่านพ่ออย่างล้นเหลือ การอ้างเพียงเพราะวิ่งตามเจ้าไอยา
ราและล้มลุกคลุกคลานนั้นดูจะสร้างความน่าเชื่อถือไม่เพียงพอต่อ
สายตาความรอบรู้ของท่านพ่อไปได้
ก็ด้วยวัยแห่งนางที่เข้ากำดัดรุ่นแรกผลิเนื้อสาวคราวระส่ำ ผิวตัว
ร่างกายก็เบ่งบานตามวัยรวมทั้งอารมณ์ที่ขึ้นลงแปรเปลี่ยนไปตามภาวะ
ที่เปลี่ยนแปร การอยู่เหย้าเฝ้าวังมาแต่เล็กแต่น้อยนับแต่ท่านแม่ได้สิ้นไป
ก็อยู่ภายใต้กรอบของความทนุถนอมเยี่ยงไข่ในหิน นางพี่เลี้ยงรวมทั้ง
เพื่อนฝูงที่ใกล้ชิดก็ล้วนแต่สตรีอิตถีเพศ เหล่าทหารหาญชำนาญรบนั้น
เล่าแม้จะเป็นชายแต่ก็ดูไม่ได้เลยสักคน ทั้งดำทั้งล่ำเนื้อตัวสกปรกมอม
แมมไร้ราศรี แลแต่ละคนนั้นเล่าก็กลัวอาญาแห่งท่านผู้ปกครองนครแห่ง
นี้จนมิอาจจะกระริ้มกระเรี่ยธิดาแสนสวยของท่านได้ จะเรียกใช้ก็ทรุดนั่ง
ก้มศีรษะอยู่แต่ไกล พลันเมื่อมาประสบพบคุยกับหนุ่มน้อยผู้หาญกล้าใบ
หน้าหล่อเหลาคนนั้นเข้า จึ่งไม่แปลกที่หัวใจอันบริสุทธิ์ราวหยาดน้ำค้าง
ของนางจะกระตุกวูบราวต้องแสงอาทิตย์
วันคืนเคลื่อนผ่านด้วยความร้อนรุ่มกลุ้มใจเหลือที่จะกล่าว ทั้งคิด
ถึงสุนัขและคิดถึงคน เฝ้ารอจังหวะให้ท่านพ่อออกล่าสัตว์ติดพันข้ามคืน
วันแล้วจะอุบายเล่ห์ให้นางพี่เลี้ยงหลงกลให้ได้ ในใจก็คิดถึงแต่ป่านนี้จะ
เป็นอย่างไรเจ้าหมาน้อยของข้าเอ๋ย..เจ้าหนุ่มคนนั้นได้ดูแลเจ้าเหมือนเขา
ได้ตกปากรับคำหรือไม่ หรือเพราะข้าทำไม่ดีพูดไม่ดีทั้งที่เขาเข้าช่วยให้
รอดชีวิตจึงสร้างความหงุดหงิดให้กับเขาจนละเลยเจ้าไป..เจ้ารอคอ
หน่อยเถิดข้ามีโอกาสคราใดข้าจะรุดไปหาเจ้าทันที ฯลฯ
ด้วยวัยอันอ่อนใสจึงมิได้กระสาในยามศึก ท่านพ่อของนางแท้จริง
ปกปิดอำพรางการล่าสัตว์ป่าครั้งนี้ก็ด้วยข่าวจากหลายทางระบุตรงกัน..
ว่าบุตรแห่งท้าวศินรเวทย์เจ้านครเดิมที่พ่ายระยับพับคามือของท่านเมื่อ
คราวชิงเมืองนั้นได้บังอาจก่อการรวมกลุ่มเขม็งแข็งข้อขึ้นในป่าลึก
กระด้างกระเดื่องจะก่อศึกเพื่อชิงเมืองคืน..แม้ท่านจะไม่ครณาเด็กเพิ่ง
หย่านมซึ่งท่านได้พลาดพลั้งปล่อยหน่อเชื้อนี้ให้เติบโตหลุดมือไปด้วย
ความพร่องและความเหิมต่อฝีมือและสมบัติพัสฐานที่มากมายเหลือ
คณานับที่ชิงมาได้..ท่านก็ไม่ประมาทแลคิดจะตัดไฟแต่ต้นตอก่อนไฟจะ
โหมคุขึ้น..จึ่งได้ดำริออกป่าล่าสัตว์โดยปล่อยให้สมุนฝีมือดีตระเวนออก
หาข่าวโดยพาธิดากำพร้าแม่ซึ่งมีเพียงคนเดียวนี้ร่วมด้วย โดยหวังจะเปิด
ตาและพักผ่อนไปในตัว
คำรายงานของสมุนซ้ายขวาระบุถึงบุตรชายของท้าวศินรเวทย์ผู้
นั้นว่าอาจหาญนัก มีฝีมือดาบที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษเป็นเอกไม่เป็น
รองใคร อีกทั้งดาบที่ใช้นั้นเล่าก็ถูกหลอมตีจากเหล็กอ่อนที่หาได้ยากสุด
ในปฐพี รวมทั้งฝีมือการซัดมีดสั้นก็ร่ำลือกันถึงว่าแมลงว่อนบินผ่านก็ขาด
วับด้วยฤทธิ์ขว้างที่แม่นยำ..ด้วยตัวท่านเองนั้นเล่าก็ใช่จะไร้ซึ่งฝีมือและ
มันสมอง คัดตรองเหตุการณ์เค้นกลั่นวิธีการเอาไว้อยู่ในใจอย่างเรียบร้อย
การตัดโค่นต้นต่อครั้งนี้จะต้องจู่โจมไปยังที่บุตรแห่งท้าวอดีตจ้าวเมืองผู้
นั้น..จะด้วยวิธีใดก็ตามหากประหารมันสิ้นได้ทุกอย่างก็จะสงบอยู่ในอุ้ง
มือ..ทรัพย์ศฤงคารก็ยังตกเป็นของตัวตลอดไปและตลอดไป..
มาวันนี้สมุนหนึ่งก็เข้ามารายงานแต่เช้าตรู่ว่าได้พบร่องรอยการ
เคลื่อนทัพของกลุ่มก่อการหนึ่งซึ่งคาดว่าเป็นกลุ่มของศินรสิงห์-อันเป็น
นามของบุตรชายแห่งศินรเวทย์อดีตเจ้าครองนครผู้พ่ายนั้น ท่านจึงได้
รวบรวมกลุ่มฉกาจทหารกล้านับห้าสิบคน..สะกดรอยตามเพื่อผจญเผด็จ
ศึกให้สิ้นซาก จึ่งได้เรียกทหารผู้ไว้ใจสิบคนมาใกล้ตัว..มอบหมายหน้าที่
พิทักษ์ธิดาน้อยของท่านไว้มิให้คลาดสายตา ลวงอุบายไว้โดยมิเคลื่อน
ย้ายคุ้มใหญ่นี้ให้ไปด้วย..เพื่อกันมิให้ข้าศึกรู้ตัวในกลศึกครานี้
ฝ่ายธิดาน้อยมิได้ล่วงรู้ในความนัยก็กระหยิ่มย่องในอุบายตัว..เมื่อ
รู้ว่าท่านพ่อต้องเดินทางไปหลายวันก็พะเน้าพะนอท่านบิดาตัดพ้อต่อว่า
ให้รีบไปรีบกลับพอเป็นพิธีแล้ว..ก็เร้นเข้าห้องพักเปลี่ยนแต่งเสื้อผ้าโดย
คัดว่าสวยที่สุดน่าดูที่สุดขึ้นสวมใส่ นางพี่เลี้ยงที่เรียงรายพากันถามไถ่ก็
ไถลกลบเกลื่อนเสีย..นางรอจนกระทั่งบิดาและพวกได้เคลื่อนย้ายเข้าป่า
ลึกไปหลายชั่วยามจนแน่แก่ใจดีแล้ว จึงได้เรียกนางพี่เลี้ยงมากระซิบ
ความ..ว่าพี่เอยน้องนี้ให้คิดถึงเจ้าไอยราเป็นยิ่งนัก นับแต่ตัวมันน้อยนิดที่
ข้าได้รับมันมาจากขวัญของท่านพ่อเมื่อสองปีที่แล้ว..มันและข้าก็หาได้
คลาดจากกันไปได้แม้แต่นาทีหรือชั่วยามไม่ มาบัดนี้มันได้หลงป่า
ระหกระเหินไปถึงไหนอย่างไรข้าก็สุดจะรู้ได้ วันและคืนผ่านไปจากหา
อาหารประทังท้องได้หรือก็ยากจะคาดเดา ท่านพ่อเองก็กระไรเลยปากก็
บอกให้สมุนตามหาจนถ้วนทั่ว ถ้วนทั่วอย่างไรเล่าจึงไม่พบ..ข้าจึงคิดจะ
ออกตามหาด้วยตัวเองอีกสักครั้ง เพื่อให้แน่แก่ใจว่าข้ากับมันไม่มีวาสนา
จะได้พบกันอีกเป็นแน่แล้วเพื่อการตัดใจ ท่านรู้หรือไม่ว่าข้ากินไม่ได้นอน
ไม่หลับมาหลายราตรีนับแต่วันที่มันจากไป..บางทีเมื่อตัวข้าเป็นผู้ออกคน
หาเองโดยการส่งเสียงเรียกให้มันได้ยินหรือจำกลิ่นได้..มันก็จะย้อนกลับ
มาหาข้าได้เอง
ฝ่ายนางพี่เลี้ยงได้ยินดังนั้นบ้างก็ทาบอกบ้างก็ทำตาโต อุทานขรม
ถมเถว่าจะเป็นอย่างนั้นได้อย่างไร ท่านบิดาของท่านมิบั่นหัวข้าหลุดจาก
บ่าก็สิแปลกไปแล้ว..อีกทั้งการจะออกนอกคุ้มไปนั้นแม้แต่จะมีพวกข้าทั้ง
สี่คนตามไปด้วยก็จะหาความปลอดภัยที่ไหนมี สิงสาราสัตว์สุดดุร้ายมุ่ง
หมายเหยื่อเต็มไปหมดชุมราวกับมดเยี่ยงนี้ เป็นตายร้ายดีอย่างไรข้าก็สุด
จะยอม
นางธิดาน้อยได้ยินดังนั้นก็ปิติใจ..ว่ากลอุบายของตนสัมฤทธิผลไป
ครึ่งทาง คิดพลางปิดหน้าร่ำไห้ออกมาเสียงโฮใหญ่ อาละวาดดิ้นซ้าย
ป่ายขวาจนนางพี่เลี้ยงเข้าไม่ติด..ว่าดีล่ะต่อไปนี้พวกท่านอย่าให้ข้าพบ
เห็นหน้าอีก พวกท่านไม่เข้าใจข้ามัวแต่เข้าข้างท่านพ่อของข้าผู้ใจดำ ดัง
นั้นจงรีบออกจากกระโจมของข้าไปให้ทั้งหมดในเดี๋ยวนี้..ข้าต้องการจะ
อยู่คนเดียวมิให้ใครเข้ามารบกวนเป็นอันขาด
ฝ่ายนางพี่เลี้ยงทั้งปวงก็ถอยกรูดรีบรุดออกนอกห้อง ด้วยเกรงฤทธิ์
ของเจ้านายน้อยที่นานทีจะอาละวาดสักครั้งด้วยอารมณ์เอาแต่ใจตัว..ถึง
กระนั้นก็วางใจในภาระที่แบกไว้ว่าไม่ถึงกับโดนอาญาแห่งท่านบิดาของ
นางด้วยการปล่อยให้นางออกจากคุ้มได้ ทั้งหลายต่างนั่งเฝ้าอยู่หน้า
กระโจมมิให้คลาดสายตา..พลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเฝ้าอย่างมิขาดได้..
โดยหารู้ไม่ว่าเจ้านายสาวสวยของพวกนางได้เร้นกายออกจากกระโจม
ด้วยโพรงที่ซุ่มทำไว้หลังห้องสรงน้ำเป็นเนิ่นแล้ว
มารู้ตัวก็เมื่อได้เวลาอาหารค่ำ..เฝ้าร่ำเรียกขานแต่ไร้วี่แววจะตอบ
รับ เปิดกระโจมดูจึ่งรู้ว่าหายตัวไป ตะโกนร้องเรียกทหารทั้งสิบนายให้
ออกค้นหา..เหล่าทหารก็เกรงอาญาไม่แพ้กัน แยกย้ายสะกดรอยตาม
อย่างเร่งรีบ
ประจวบเหตุการณ์เข้ากับพยัคฆ์ร้ายกระโจนจากจุดซุ่มเหนือคบ
ไม้เข้าหาธิดาแห่งผู้ครองเมือง..อันทำให้มีดดาบเหล็กอ่อนเล่มนั้นปรากฏ
แก่สายตาของเหล่าทหารพวกนั้น..เป็นการเผยตัวของขุนบนกระดาน
หมากที่ผิดเวลาและสถานที่อย่างช่วยมิได้
การณ์จะเป็นอย่างไรขอได้โปรดติดตาม...
********
จากคุณ :
แทน
- [
3 เม.ย. 47 00:23:27
A:202.57.176.166 X:
]