### Marshal X Marshal จอมพลจอมคน 1 ###

    เรื่อง - ปั้นจี้
    โพสต์ - เหมียว

    ตอนที่ 1 Begin...

    …โรงเรียนมัธยมปลายเกษมราชูทิศ…

       เสียงออดพักกลางวันดังขึ้น เหล่าเด็กมัธยมต่างกรูกันออกจากห้องเรียนเพื่อแข่งขันกันไปจองที่นั่งรับประทานอาหารกลางวัน ไม่นานนัก ตึกเรียนที่เคยคับคั่งไปด้วยผู้คนก็ดูวังเวงไปถนัดตา

       ภายในห้องเรียนสุดอาคารอย่างห้อง ม. 4/7 ก็เช่นกัน ดูเงียบเชียบไปถนัดตา เมื่อห้องซึ่งเคยมีเด็กนักเรียนกว่า 40 คน เหลือเพียงกลุ่มนักเรียนหญิง 2-3 คนนั่งคุยเล่นกันอยู่ในห้อง เสียงหัวเราะรื่นดังขึ้นเมื่อเด็กสาวผู้หนึ่งถูกล้อเลียนถึงเด็กหนุ่มที่แอบชอบพอ

    “ไม่เอาแล้วๆ” เด็กหญิงผู้ถูกล้อลื่นเก้าอี้ดังพรืด ขณะที่เพื่อนอีกสอง มองตามด้วยสายตาขบขัน เจ้าหล่อนมองปรามยกใหญ่ “ฉันจะไปกินข้าวแล้ว จะซื้อของมาฝากแล้วกัน ฝากเครื่องเล่นซีดีด้วยล่ะ!”

    “ได้จ้ะ ฝ้าย ลงไปแล้วขอให้เจอสุดเท่ของเธอล่ะ” เด็กหญิงผู้ถูกเรียกว่าฝ้ายซึ่งกำลังจะก้าวออกนอกห้องหันกลับมามองตาเขียว ก่อนจะวิ่งหายออกไปโดยมีเสียงหัวเราะของเพื่อนสาวไล่หลัง

    “โธ่! สุดท้ายเราก็เฝ้าห้องอีกแล้วล่ะสิ” เด็กสาวหนึ่งในสองบ่น พลางแกะเปียที่ผูกด้วยโบขาวออกเพื่อถักใหม่

    “ก็โจรผู้ร้ายมันเยอะนิ โรงเรียนเราน่ะ…คราวก่อนห้อง 15 ก็โดนเข้าไปตั้งหลายคน เราเลยต้องมานั่งอยู่โยงกันนี่ยังไงล่ะ” อีกคนว่า

    “แหม! แย่จริง พวกประธานนักเรียนมัวแต่ไปทำอะไรกันอยู่” เจ้าของเปียยาวบ่นงึมงำ ขณะแยกผมสีดกดำซึ่งเจ้าตัวภูมิใจเป็นหนักหนาออกเป็นสามส่วน
       
    ระหว่างทั้งสองคุยกันอยู่นั้น ไม่มีใครรู้เลยว่า มีใครบางคน…กำลังเดินตรงมายังห้องเรียนของทั้งคู่….
       
    เธอเหมือนเด็กนักเรียนหญิงทั่วไปในโรงเรียนเกษมราชูทิศแห่งนี้! แว่นกรอบหนาสีเข้มเสริมบุคลิกภาพให้เหมือนเด็กคงแก่เรียนยิ่งขึ้น เท้าก้าวอย่างมีจังหวะเข้าไปยังห้อง 4/7…
       
    เด็กสาว 2 คนยังคุยกันอย่างออกรสภายในห้องเรียน จนกระทั่งมีเสียงเล็กๆเสียงหนึ่งดังแทรกขึ้น….

    “ขอโทษคะ” เด็กหญิงซึ่งใส่แว่นตาขอบหนาดูเทอะทะ เกาะขอบประตูห้อง 4/7 อย่างประหม่า “คุณจิระประภาอยู่ห้องนี้รึเปล่าคะ?”

    “อ้อ ยัยฝ้ายนะเหรอ?” เด็กสาวผมสั้นถามขึ้น “ไปกินข้าวแน่ะ อีกเดี๋ยวคงกลับมา”

    “อ้อ….” เด็กหญิงผู้มาใหม่ก้าวเข้ามาในห้องด้วยท่าทางกระมิดกระเมี้ยน “ขอนั่งรอได้ไหมคะ?” เด็กสาวเปียยาวขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางมองเด็กหญิงตรงหน้าตั้งหัวจรดเท้า

    “ตามใจเถอะ” เด็กหญิงผู้สวมแว่นผงกหัวเล็กน้อย เธอตรงไปยังเก้าอี้ที่ไม่ไกลจะสองเกลอหญิงนัก ลากมันอย่างแผ่วเบาก่อนจะทรุดตัวลงนั่ง

       เจ้าของห้องทั้งสองนิ่งเงียบไปสักครู่ ก่อนจะตั้งต้นพูดคุยกันอีกครั้ง ด้วยหัวข้อ ‘เรื่องพิสดาร’ โดยมีเด็กหญิงใส่แว่นนั่งฟังอยู่ด้วยเงียบๆ

       เมื่อเด็กสาวผมเปียจบเรื่องพิสดารของตนจบ เพื่อนผมสั้นส่งเสียงร้องในลำคอแสดงความชื่นชม เด็กสาวเจ้าของเรื่องเชิดหน้าสูงด้วยความภาคภูมิในเรื่องที่ตนเล่า แล้วจึงหันมาหาผู้ร่วมฟังอีกคนซึ่งทำตาปริบๆ ไม่แสดงทีท่าชื่นชมแต่อย่างใด

    “ว่ายังไงล่ะ? เรื่องของฉัน”

    “ของเธอ?” เด็กสาวใส่แว่นกระพริบตาหลังแว่นตาขอบหนา “อะไรหรือคะ?”

    “เป็นยังไงบ้างล่ะ?”

    “อ้อ” ผู้ถูกถามเลื่อนแว่นซึ่งตกลงมาที่ปลายจมูก “ไม่เท่าไรคะ” เธอตอบเรียบๆ “ก็งั้นๆ” คำตอบจากปากของเด็กหญิงทำเอาผู้เล่าเรื่องโกรธจนหน้าดำหน้าแดง เด็กสาวผมเปียลุกขึ้นยืนจ้องหน้าผู้ตอบเขม็ง

    “งั้นหล่อนเล่าได้ดีกว่าฉันไหมล่ะ?!!!” เธอตวาดท้าด้วยเสียงอันดัง เด็กหญิงผู้สวมแว่นก้มหน้าอย่างสงบ มือซึ่งแต่เดิมสานไว้บนตัก ย้ายขึ้นมากอดอก

    “นั่งลงก่อนเถอะคะ” คนถูกท้าพูดยิ้มๆ “ใจเย็นๆ แล้วฟังเรื่องของฉัน แล้วเธอจะรู้ว่า เรื่องของเธอมันกระจอกแค่ไหน?”

       เด็กหญิงผู้สวมแว่นกระแอมเบาๆ 2-3 ที จากนั้นจึงยิ้มให้กับเด็กสาวผมเปียซึ่งกระแทกร่างลงบนเก้าอี้ และจ้องหน้าตนอย่างท้าทาย ก่อนจะหันไปยิ้มให้กับเพื่อนร่วมวงอีกคนที่ยังทำหน้าตกตะลึงกับเหตุการณ์ตรงหน้า

    “คนบนโลกใบนี้ แบบที่ผิดปกติทางร่างกายก็มีมาก เนื่องจากความผิดพลาดของโครโมโซมขณะปฏิสนธิ หรือแม้กระทั่งยีนที่ผิดปกติ เมื่อเกิดมาจึงกลายมีอาการผิดปกติต่างๆ อย่างแฝดแบบต่างๆ ปอดเดียวกัน ตัวติดกัน หรือมีหกนิ้ว ขามากกว่าสอง แขนไม่เท่ากัน หัวใจอยู่ด้านขวา แม้กระทั่งโรคภัยตอนเด็กๆ จนตาคนละสี ยังมีสาเหตุต่างๆ อีกหลากหลายที่ทำให้คนผิดปกติ สารพิษจากสิ่งแวดล้อม…. อุบัติเหตุเมื่อโตขึ้น….

    “คนอย่างที่กล่าวมา จึงมีปมด้อยในสังคมเนื่องจากความผิดปกติ…เป็นที่รู้กันในวงการแพทย์….”

    “เนี่ยนะ! เรื่องแปลกของเธอ…” เด็กสาวผมเปียสอดขึ้น “รู้ๆกันอยู่ ฉันเรียนพันธุกรรมมาย่ะ!”

    “แต่ทว่ามีคนอีกจำพวกหนึ่ง ซึ่งถูกทำให้ผิดปกติจากมนุษย์ทั่วไป โดยวิธีทางวิทยาศาสตร์ คือการฉีดฮอร์โมนและการผ่าตัด ไม่ได้ให้เป็นจุดด้อย แต่เป็นจุดเด่น

    “เมื่อ 4 ปีที่แล้ว มีแพทย์ไม่ทราบสัญชาติผู้หนึ่งได้เข้ามาในประเทศ และตั้งคลีนิกลับขึ้นอย่างเงียบๆ ในตอนแรกก็ไม่มีใครรู้ว่าเขามาทำอะไรในประเทศ เขาเก็บตัวเงียบอยู่เป็นเดือน หลังจากนั้น เขาก็เริ่มดำเนินแผนบางอย่าง
    “เขาแทรกซึมเข้าไปในโรงเรียนมัธยมทั่วประเทศ เป้าหมายคือชักจูงเด็กมัธยมต้น ซึ่งอยู่ในระหว่างช่วงเด็กและวัยรุ่น ไม่อ่อน ไม่แก่จนเกินไป เขาชักจูงเด็กเหล่านั้นให้คิดอยากเปลี่ยนร่างเป็นอาวุธสงคราม เหมือนในภาพยนต์ ในหนัง เขาก็ประสบความสำเร็จพอสมควร การโน้มน้าวความคิดเด็กมันง่ายมาก…

    “เขาได้ผ่าตัดและฉีดฮอร์โมนให้เด็กนับร้อยๆ เหล่านั้น โดยมีเงื่อนไขว่า ให้เด็กเหล่านั้นมีความสามารถพิเศษในตัวซึ่งเหมาะกับตัวเด็กที่สุดคนละอย่าง  เพราะถ้ามากกว่านั้นร่างกายของเด็กจะรับไม่ไหว…”

    “ความสามารถแบบไหนล่ะ?” เด็กสาวผมสั้นซักขึ้นอย่างสนอกสนใจ

    “เช่น….” คนเล่าเงียบไปชั่วครู่ “สามารถทำให้ผมตัวเองยาวอย่างรวดเร็วในเวลาสั้นๆ”

    “มันจะมีประโยชน์อะไร? ไร้สาระ” เด็กสาวผมเปียสวน

    “ไม่แค่นั้น สามารถบังคับผมได้เหมือนแขนขา หรือ….ดวงตาซึ่งสามารถมองเห็นผ่านเนื้อหนังของคนอื่นได้ เห็นกระดูกได้!

    “ในยามปกติ คนพวกนี้จะเหมือนปกติ แต่พวกเขาจะมีเงื่อนไขการใช้ความสามารถของพวกเขาเอง อย่างถ้าโกรธ…ก็จะปล่อยความสามารถออกมา ถ้ากลั้นหายใจจนถึงระดับหนึ่ง แล้วเมื่อร่างกายพ้นขีดของเงื่อนไขแล้ว ก็จะกลับสู่สภาพเดิม”

    “โอ้โห!” เด็กหญิงผมสั้นร้อง “เยี่ยมจริงๆ ถ้าจริงก็ดีนะสิ” เธอหันไปทางเด็กหญิงผมเปียซึ่งทำหน้าบึ้ง

    “มันไม่ได้ดีอย่างนั้นนะสิ ในตอนแรกแพทย์คนนั้นสอนให้เด็กเหล่านั้นใช้ความสามารถของตัวเอง เขาไม่ได้สอนให้เด็กเหล่านั้นใช้มันต่อสู้ ในตอนแรกเด็กเหล่านั้นชอบมากๆ พวกเขาใช้มันเพื่อเล่นกัน แต่ทว่า….

    “เมื่อเด็กเหล่านั้นเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น เมื่อฮอร์โมนทางเพศเริ่มทำงาน เงื่อนไขที่นายแพทย์วิปริตไม่ได้บอกเอาไว้ก็เริ่มปรากฏ

    “เมื่อฮอร์โมนเพศเริ่มทำงาน อารมณ์ของวัยรุ่นจะขึ้นๆลงๆอยู่แล้ว แต่….คนพวกนี้จะร้ายกว่า พวกเขาจะมีอารมณ์รุนแรง และป่าเถื่อนกว่า พวกเขา….จะมีจิตสำนึกของความเป็นมนุษย์ต่ำกว่าคนปกติ หากสภาพจิตใจไม่ดีพอ จะไม่สามารถเป็นอย่างคนอื่นได้ พวกเขาจะต้องการต่อสู้ ต้องการฆ่าฟัน เพื่อความสนุก….”

    “เชอะ!” เด็กหญิงผมเปียแทรกขึ้น “เธอรู้ดีจริงนะ รู้ได้ยังไง? รึว่าเป็นพวกนั้น?” เสียงของเด็กหญิงยิ่งดังขึ้น “รึว่าแต่งขึ้นมา!!!”

       เจ้าของเรื่องพิสดารได้แต่ยิ้มน้อยๆ จากนั้นจึงถอดแว่น

    “ก็เพราะ…..” เธอจ้องเข้าไปในดวงตาเด็กสาวทั้งสอง ทันใดนั้นตาดำของเด็กหญิงก็กลายเป็นสีแดงชาด ทำให้ร่างของผู้ถูกจ้อง 2 คนกระตุกอย่างแรงราวกับช็อค ก่อนจะนิ่งค้างไปในท่านั่ง….พร้อมกับดวงตาที่ว่างเปล่า
    “ฉันเป็นพวกนั้นด้วยนะสิ….” เด็กหญิงพูดเบาๆ “เงื่อนไขของฉันก็คือ…เมื่อฉันเล่าความจริงที่ฉันคิดว่ามันไม่น่าเชื่อที่สุดให้คนอื่นฟัง ฉันจะสามารถสะกดจิตได้…” ปากของเธอพูดไป มือก็กวาดของมีค่าตามโต๊ะต่างๆไปด้วย
    “ขอบคุณมากนะสำหรับของ นั่งไปสักพักเถอะ แล้วพวกเธอจะลืมเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด” ว่าแล้วก็สวมแว่นกลับไปบนดั้งจมูก มือยัดถุงสิ่งของเข้าไปใต้เสื้อ

       เด็กหญิงก้าวเท้าเตรียมเดินออกจากห้อง แต่แล้วก็มีเสียงกึ่งถามกึ่งล้อเลียนดังขึ้น

    “เสร็จแล้วใช่ไหม? นางสาวปานวาด!” เด็กหญิงยิ้มน้อยๆ พลางหันไปทางกระดานดำ

    “เรียกรหัสก็ได้ คามีเลียน” เธอตอบ ทันใดนั้น ร่างหนึ่งโผล่ออกมาจากกระดานดำ คล้ายกับคน…เพียงแต่มีสีเดียวกับกระดานดำทั้งหมด! ส่วนที่เหมือนจะเป็นขา ค่อยๆเหยียบลงพื้น แขนทั้งสองทิ้งนิ่งข้างกาย จากนั้นสีร่างกายซึ่งแต่เดิมพิลึกพิลั่น ก็ค่อยอ่อนลง ส่วนหัวของร่างคนจึงเริ่มมองเห็นเป็นอวัยวะต่างๆ ไม่นานนัก….ตัวพิลึกหน้ากระดานดำก็กลายเป็นเด็กหนุ่มผู้หนึ่ง ตัวสูงสมส่วนไม่น้อย ผิวขาว เขายกมือขึ้นล้วงกระเป๋ากางเกง….

    “ตอนแรกนึกว่าเธอจะพลาดเสียแล้ว….ไอฟูล”

    “ฉันไม่พลาดหรอดน่า คามีเลียน ได้นายเป็นสายให้นี่นา” เด็กหนุ่มผู้มีรหัส ‘คามีเลียน’ ยิ้มน้อยๆ

    “ได้ตังอีกงาน…แต่ไปกันเถอะ” คามีเลียนหันหน้าไปทางประตู “มีคนกำลังจะกลับมา”

    “อือ” ปานวาดร้องรับในลำคอ เธอเดินเข้าไปหาเด็กหนุ่มซึ่งอ้าแขนออกรับ คามีเลียนโอบเอวของเด็กหญิงแน่น จากนั้นก็ก้าวไปยังหน้าต่างบานใหญ่ของห้องเรียน เด็กหนุ่มก้าวเท้าขึ้นเหยียบขอบหน้าต่าง

    “กอดแน่นๆนะ สาวน้อย จะไต่ตึกแล้ว” ว่าแล้วคามีเลียนก็ยิงเอ็นเส้นหนึ่งจากข้อมือขึ้นเกี่ยวกับหลังคาอาคารเรียน แล้วร่างทั้งสองก็โหนหายไปจากหน้าต่าง…เป็นเวลาเดียวกับที่ ‘ฝ้าย’ เดินกลับมา

    “เอิง…ไหม….เราซื้อ…..” เด็กสาวมองเพื่อนสาวซึ่งนั่งบนเก้าอี้ด้วยแววตาว่างเปล่า… เธอถลันเข้าไปหาเพื่อนทั้งสอง หล่อนเขย่าร่างเพื่อน

    “ไหม! เอิง! อ๊ะ! เครื่องเล่นซีดีหาย!”

    …….
    …….
    …….

    วันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 25xx

    โรงเรียนเกษมราชูทิศ

    เกิดของหายอีกครั้ง ณ ห้อง 4/7 ครั้งที่ 13 นับจากวันที่ 12 พฤษภาคม

    ทั้งๆ ที่มีเด็กหญิง 2 คนเฝ้าห้องอยู่ตลอดเวลา…พวกเธอยืนยันว่า…ไม่มีใครเข้ามาแม้แต่คนเดียว….

    ……รายการของที่หาย……
    ……กระเป๋าสตางค์ 8 ใบ
    ……โทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง
    ……กล้องถ่ายรูป 1 กล้อง
    ……Talking Dic 1 เครื่อง
    ……เครื่องเล่นซีดี พร้อมแผ่น 1 เครื่อง……

    ทางฝ่ายอาจารย์ฝ่ายปกครอง…และคณะกรรมการสารวัตรนักเรียน คาดว่า…เป็นฝีมือพวกเดียวกัน

    ……นสพ. เกษมราชูทิศ นิวส์ จบข่าว…..


    จากคุณ : สิงหราคาวี - [ 4 เม.ย. 47 17:17:05 ]