รัฐกุ๒ : สำเริงสำราญกาลแห่งรัฐกุ

    สำเริงสำราญกาลแห่งรัฐกุ

    นโยบายของรัฐกุจะกระตุ้นให้ผู้คนออกมาสังสรรค์ เพื่อรับกระแสใหม่ๆที่เปลี่ยนแปลงไปทุกวัน ทั้งดนตรี การแสดง แสงสี ตลอดจนสินค้าใหม่ๆ เพื่อสร้างกำลังการบริโภค บริโภค และบริโภค

    ผมเคยคิดเล่นๆว่า หากวันใดวันหนึ่งประชากรทั้งรัฐต่างพากันหยุดการออกมารื่นเริง กลับบ้านอาบน้ำนอนหลับสัก 8-10 ชั่วโมง กระแสแห่งนโยบายรัฐและกระแสแห่งการบริโภคจะหยุดชะงักอย่างน้อย 8-10 ชั่วโมง กิจการบันเทิงต่างๆจะขาดทุน สินค้าขายไม่ออกไป 8-10 ชั่วโมง นั่นแปลว่า มนุษย์งานต่างๆต้องหยุดทำงานไป 8  ชั่วโมงเพื่อสร้างสมดุล ไม่ให้สินค้าและบริการล้นตลาด ซึ่งจะก่อให้เกิดภาวะล้นการบริโภค และเศรษฐกิจชะงักงันไปทั่วทั้งรัฐ

    แต่นั่นเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เกิดมาหลายร้อยปีแล้ว รัฐกุมีนโยบายพิเศษโดยเฉพาะเพื่อป้องกันสถานการณ์ในลักษณะนี้อย่างดี หากวันใดวันหนึ่งที่ผมหยุดนิ่ง เช้ารุ่งขึ้นมาผมเหมือนตายไปแล้วในสังคมทันที เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานได้หมดกระแสไปแล้ว ผมต้องดิ้นรนก่อร่างสร้างตัวและไหลไปตามกระแสให้เป็นสองเท่าเพื่อชดเชยชั่วโมงที่ขาดหายไปนั้นๆ เป็นความน่าละอาย เป็นความขี้เกียจ และ ใช้ไม่ได้อย่างไม่น่าให้อภัย เพราะฉะนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงทั้งบรรทัดฐานของสังคม และ ความเหนื่อยยากที่จะไขว่คว้าไล่ตามกระแสให้ทัน คนส่วนใหญ่จึงเลือกที่จะอยู่นอกบ้านและบริโภคข่าวสาร และที่สำคัญสื่อทุกสื่ออยู่ในมือรัฐ

    บ้านผมเป็นอาคารระฟ้าตั้งอยู่ในเขตหมอกควันที่ 8 ซึ่งเป็นย่านที่ถือได้ว่าเกือบชานเมือง อย่างไรก็ดีในฐานะระดับผมบ้าน หรือ ห้องสี่เหลี่ยมมีอุปกรณ์ครบครัน เป็นได้ทุกอย่างที่ใจผมปรารถนา ทั้งกิน ทั้งพักผ่อน ทำงาน และมีที่นอนแสนสบาย ก็ถือว่าดีเกินพอแล้ว

    โถงกลางของอาคารมีสวนสาธารณะและสปอร์ตคลับพร้อมสรรพ แต่น่าแปลกที่ผมกับเพื่อนบ้านไม่ค่อยได้อยู่ติดบ้านกันสักเท่าไร ชีวิตส่วนใหญ่ของเราจะอยู่นอกบ้าน บ้านเป็นเพียงสถานที่ใช้อาบน้ำหรือฉาบสารป้องกันตน เปลี่ยนเสื้อผ้าให้เป็นไปตามแฟชั่น พักผ่อนนอนหลับเพียงแค่ชั่วครู่ชั่วยามเท่านั้น

    บ้าน = ที่ซุกหัวนอน

    ช่วงที่ผ่านมาผมและเพื่อนตระเวนตามสโมสรต่างๆตามกระแส

    งานรื่นเริงถือเป็นเหตุการณ์ธรรมดาในนครรัฐกุ ทุกค่ำย่ำเย็น ชาวนครรัฐกุจะแวะเวียนตามแหล่งบันเทิงตามแต่ใจปรารถนา เครื่องดื่มประเภทแอลกอร์ฮอลราคาถูกยิ่งกว่าน้ำดื่มบริสุทธิ์  

    แน่ล่ะ เพราะกระบวนการทำน้ำดื่มบริสุทธิ์นั้นยากกว่าการเอาผัก พืชผลไม้มาดองเป็นไหนๆ แล้วคนก็ติดการบริโภคน้ำพวกนี้ได้ง่ายกว่าน้ำเปล่า ทั้งนี้การเน้นให้คนดื่มสุราทำให้รัฐได้รายได้จากภาษีสรรพสามิต และส่งเสริมให้ประชากรบริโภคสินค้าและบริการที่แฝงมาพร้อมกันมากขึ้น เพิ่มขึ้น

    ผมกับเพื่อนช่วงหลังมานี้เริ่มเอียนกับเครื่องดื่มแอลกอร์ฮอล์ เราเริ่มสวนกระแสโดยการหาน้ำเปล่ากิน ซึ่งก็โดนมองมาด้วยสายตางุนงง บางรายมองผมแบบพวกบ้านนอกเข้ากรุง ออกจะเหยียดหยาม ถ้าผมไม่เอ่ยอ้างไปก่อนว่า ผมและเพื่อนมีปัญหาสุขภาพ ได้รับการแนะนำจากแพทย์ให้ดื่มน้ำบริสุทธิ์

    ผมกับเพื่อนแอบริกันเล่นๆว่าจะลองเปิดสโมรน้ำเปล่ากันดูประไร เราเชื่อว่าคนทั่วไปมาสถานบันเทิงเพื่อ 3 วัตถุประสงค์ คือ
      1. มาเพื่อจับและตามกระแส
      2. มาเพื่อบริโภคสินค้าและบริการ
      3. มาเพื่อพักผ่อนโดยแท้ (ซึ่งน้อยมากเกินกว่าจะคิดได้เป็นจุดทศนิยม 3 หลัก)
    จากวัตถุประสงค์สามประการดังกล่าว คิดคร่าวๆแล้ว ผู้คนมาเพื่อบริโภคสุราแค่เพียงไม่ถึงครึ่ง ดังนั้นหากจะสร้างบรรยากาศดีและ ดึงเอาคนที่เด่นดังในสังคมมาสร้างกระแสให้เยอะ ก็จะเป็นธุรกิจที่ได้กำไรเจริญงอกงาม

    ผมเพียงแค่คิด แต่เพื่อนผมเอาจริง แรกเริ่มที่เปิดร้าน เล่นเอากระแสทั้งหมดพุ่งมาที่ร้านน้ำเปล่าเป็นจุดเดียว รุ่งขึ้นร้านเหล้าทุกร้านต้องมีน้ำเปล่าขาย วันต่อมามีคนแห่มาขอซื้อเฟรนไชน์เพื่อนผมมหาศาล ไม่ถึงสามวันร้านน้ำเปล่าผุดขึ้นทุกหนทุกแห่งทั่วนครรัฐ สายตาที่รังเกียจรังงอนของบริกรและบุคคลต่างๆในสังคมแปรเปลี่ยนไป ทุกคนเห็นดีเห็นงามกับ น้ำเปล่า มีเพียงแต่รัฐกุเท่านั้นที่ออกจะไม่กินเส้นกับกระแสนี้

    ในสองสัปดาห์ รัฐกุต้องลดอัตราธรรมเนียมสรรพสามิตเพื่อให้อุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอร์ฮอล์สามารถดำรงอยู่ได้ แต่มาตรการนี้ก็ไม่เพียงพอ รัฐกุต้องหาทางแก้ให้พวกสินค้าการเกษตร วัตถุดิบที่โรงงานผลิตเหล้างดการสั่งซื้อโดยด่วน

    สามวันหลังจากนั้น ร้านน้ำผักผลไม้ก็กลายเป็นกระแสใหม่ น้ำเปล่าตกกระแสไป  ร้านเพื่อนผมก็เจ๊งไปตามระเบียบ
    แต่ไม่เห็นต้องกลัวอะไร

    "เพราะ ผมพาเพื่อนไปขึ้นทะเบียนคนเจ๊งได้ทุกเวลาอยู่แล้ว เดี๋ยวรัฐกุก็หามาตรการช่วยเหลือ"

    จากคุณ : กระเฉดน้อย - [ 7 เม.ย. 47 09:09:04 ]