บทที่ ๒
หลังจากใช้เวลาตัดสินใจอยู่ค่อนคืน แสงชัย แวะไปเอาที่อยู่กับแผนที่บ้านยายจวงแต่เช้า เขาคิดวางแผนการเดินทางครั้งนี้ว่าจะใช้เวลาสองวันตามหาลูกสาว แก้วมณี จากที่อยู่มุมจดหมายฉบับล่าสุดที่ถูกส่งมาให้ ด้วยความคิดคาดหวังต่างๆนานาทำให้เขาเผยรอยยิ้มเต็มอก การได้พบหน้าลูกสาวอีกครั้งหลังจากที่ไม่ได้เจอหน้ากันหลายปี เขาเดาไม่ออกว่าความรู้สึกในการประสานตากันครั้งแรกจะเป็นอย่างไร ควรจะพูดอะไรกับแก้วบ้าง และควรจะหาซื้ออะไรไปฝากดี
ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมาแสงชัยทบทวนเหตุการณ์ต่างๆที่ผ่านเข้ามาในชีวิต การจากไปอย่างฉับพลันของจันทร์ การจากไปของเทพ และการจากไปของคนรอบข้างทีละคน สองคน บทเรียนเหล่านี้มันทำให้เขาคิดสร้างโอกาสให้กับตัวเองก่อนที่จะสูญเสียมันไป เขาอยากพบหน้าลูกสาวอีกสักครั้ง ไม่รู้ว่าป่านนี้แก้วจะเป็นยังไงบ้าง สุขสบายดีหรือเปล่า มีครอบครัวหรือยัง ในจดหมายทุกฉบับที่แก้วเขียนมาหาเขา แก้วไม่เคยเล่าเรื่องชีวิตในกรุงเทพฯให้ฟังเลย
สายลมอุ่นยามเช้ากำลังพัดเอื่อย ใบไม้สีเหลืองกรอบกำลังหลุดโรยจากกิ่งก้าน มันกำลังทิ้งตัวดำดิ่งจากที่สูงลงสู่ผืนดินแห้งแข็ง แรงลมหมุนวนหยอกตัวละเล่นกับใบไม้แห้งจนหมุนเป็นเกลียวก่อนจะล่วงลงสู่พื้น
แสงชัยรับตั๋วจากช่องขาย เหลือเวลาอีกกว่าครึ่งชั่วโมงกว่ารถจะออก
จะไปไหนหรือลุงแสง เสียงชายหนุ่มร้องทักมาจากด้านหลัง
เขาเก็บตั๋วใส่กระเป๋าเสื้อ หันกลับมองต้นเสียง
อ้าว วิฑูรย์ เขาร้องทัก
ครับ สวัสดีครับลุงแสง นี่ซื้อตั๋วรถจะไปไหนล่ะ วิฑูรย์ยกมือไหว้ ถามไถ่ตามประสาคนรู้จักมักคุ้น วิฑูรย์เป็นข้าราชการหนุ่มรุ่นหลาน แสงชัยรู้จักวิฑูรย์มาหลายปีแล้วแต่ก็ไม่ถึงขั้นสนิทสนม
เขารับไหว้ที่หน้าอก ไปกรุงเทพฯ
ไปธุระกรุงเทพฯเหรอครับ
อึกอักคิกคำตอบที่เหมาะสม เอ่อ... ไปธุระ ไปงานศพตาสินน่ะ
ตาสิน ตาสิน ชื่อคุ้นหูจัง วิฑูรย์ขมวดคิดค้นคำตอบ
ก็ตาสินที่เกษียณไปเมื่อสามปีที่แล้วไง
สามปีที่แล้ว อ๋อ ตาสิน ตาสิน อ้าว ตาสินแกเสียแล้วเหรอ เป็นไปได้ยังไง
รถแหกโค้งชนต้นไม้เมื่อวันก่อน ตายทั้งตาสินทั้งเมีย
อะไรนะลุงแสง เมียแกตายด้วยเหรอ
อือ ตายทั้งผัวทั้งเมีย น่าสงสารจริงๆ นี่ข้าว่าจะไปช่วยงานศพที่กรุงเทพฯ
วิฑูรย์เผยสีหน้าสลดกับข่าวร้ายเรื่องตาสินกับเมีย ว่าไปก็ใจหายเหมือนกันนะลุงแสง คนเคยเห็นกันอยู่ ไปสบายเสียแล้ว
คิดได้อย่างนั้นก็ดี คนไปน่ะมันสบายแต่คนอยู่นี่สิ แสงชัยถอนหายใจเบาๆ แววตาเผยความหม่นหมองเล็กๆ แล้วเอ็งละวิฑูรย์ จะไปไหน ไปกรุงเทพฯเหมือนกันหรือเปล่า
อ๋อ เปล่าๆ ผมไม่ได้ไปกรุงเทพฯหรอก มารับคน พอดีน้องผมนังเอมขึ้นมาจากกรุงเทพฯ มันลางานได้สามวัน มันก็กลับมาเยี่ยมบ้านตามประสา ไม่รู้ว่ามันจะคิดถึงบ้านอะไรกันนักหนา ปีนึงกลับมาไม่รู้กี่รอบ เปลืองสตางค์ค่ารถเปล่าๆ
แสงชัยอมยิ้มเศร้าๆเมื่อย้อนมองชีวิตของตัวเอง มันกลับมาก็ดีแล้ว ดีกว่าไม่กลับมาเลย
อะไรนะลุงแสง ลุงว่ายังไงนะ วิฑูรย์ถามใจความสิ่งที่เขาพูดแผ่วออกจากริมฝีปาก
อ๋อ เปล่าไม่มีอะไร เอ่อ คือรถทัวร์กำลังจะออกแล้ว ลุงขอตัวก่อนแล้วกัน เขาเกลื่อนสีหน้าเรียบใส่
ครับ สวัสดีครับ เดินทางดีๆนะลุง วิฑูรย์ล้วงหยิบบางอย่างออกจากกระเป๋าสตางค์ เอ่อ นี่ลุงแสง ผมฝากเงินช่วยงานศพตาสินกับเมียแกด้วยแล้วกัน ฝากแสดงความเสียใจกับลูกๆแกด้วยนะ วิฑูรย์ยื่นสตางค์ใส่มือเขา แล้วเดินจากไป
แสงชัยมองวิฑูรย์เดินไปตรงท่าเทียบ รถโดยสารคันหนึ่งเพิ่งเข้ามาจอดเทียบ คนสาวคนหนึ่งแบบกระเป๋าใบใหญ่ลง วิฑูรย์แสดงสีหน้ายิ้มแย้มเมื่อเดินเข้าไปรับกระเป๋าจากมือเธอ คนทั้งสองพูดคุยอะไรกันบ้างเขาก็ไม่อาจได้ยินเพราะยืนอยู่ในระยะห่างพอสมควร แต่สังเกตจากสีหน้าและกริยาท่าทาง มันแสดงความสุขออกมาเปี่ยมล้นเมื่อได้พบหน้ากัน พวกเขาคงมีเรื่องมากมายพอที่จะคุยกันได้ทั้งคืนแน่ๆ
กระชับหูหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้าขนาดย่อมไว้ในอุ้งมือ ถึงเวลาที่ต้องออกเดินทางแล้ว ภาพความสุขที่ผ่านตาไปเมื่อสักครู่ สร้างรอยยิ้มเล็กๆให้เขาได้เป็นครั้งแรกในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ถ้าความสุขตรงจุดนั้นแทนที่ด้วยเขาและแก้วลูกสาว เขาคงจะกลายเป็นชายแก่ที่มีความสุขที่สุดในโลก
รถโดยสารสตาร์ทเครื่องเพื่อรอเวลาที่จะออกจากท่า ชาวบ้านหลายคนหอบหิ้วกระเป๋าพะรุงพะรังเก็บในช่องเก็บท้องรถ เด็กรถช่วยจัดการอย่างขยันขันแข็ง เขาหิ้วกระเป๋าใบเสื้อผ้าเดินขึ้นไปบนรถ วางมันไว้บนชั้นวางเหนือศีรษะแล้วกระเถิบตัวเข้าไปนั่งริมหน้าต่าง อีกไม่นานรถคงออก
วงล้อสีดำกำลังเหวี่ยงตัวคลุกฝุ่นสีแดงส้มอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ทุกๆรอบของแรงหมุนทั้งสี่ล้อ มันกำลังนำพาหลายชีวิตบนรถโดยสารเคลื่อนตัวออกห่างจากชีวิตชนบท มุ่งสู่แหล่งความเจริญของอารยะธรรมสูงสุดของประเทศ กรุงเทพมหานคร
แสงชัยเหม่อตามองภูเขา ต้นไม้ใบหญ้า ที่วิ่งผ่านตาไปอย่างรวดเร็วประดุจเวลา ความเร็วของการเคลื่อนตัวผ่านมันทำให้เขาไม่อาจสามารถสังเกตเห็นอะไรบางอย่างข้างทางได้ชัดเจนนัก บางครั้งเขาต้องชะโงกหันกลับไปมองสิ่งที่เพิ่งผ่านตาไปเมื่อสักครู่ แต่เมื่อมองกลับไป มันกลายเป็นเพียงภาพอดีตที่ผ่านสายตาไปแล้ว มันค่อยๆลับตาหายไปทุกทีเมื่อรถเคลื่อนตัวไปข้างหน้าด้วยความรวดเร็ว คล้ายกับเวลาชีวิตของเขา ภาพอดีตข้างทางที่ผ่านมาไม่เคยชัดเจนเลย จนเมื่อเขาสูญเสียมันไป จนเมื่อเขาก้าวผ่านมันไป เขาได้แต่เฝ้าอาลัยมองกลับหลังกับอดีตที่เรียกกลับคืนมาไม่ได้ เวลากำลังพาเขาก้าวชีวิตไปข้างหน้าเรื่อยๆ พร้อมให้เขาทิ้งบางสิ่งบางอย่างที่สำคัญในชีวิตไว้กลางทาง เขาได้แต่มองย้อนกลับไปทุกครั้งเมื่อความเหงาทำให้คิดถึงอดีตหนหลัง และเวลาก็ค่อยๆหอบเขาให้ห่างออกไปทุกทีๆ ไกลตราบเท่าที่ความทรงจำจะสิ้นสุด
สายลมตีปะทะหน้าเป็นระยะ พระอาทิตย์กำลังเคลื่อนตัวขึ้นเหนือหลังคารถ แสงชัยพักสายตาจนเคลิ้มหลับไป
ในความฝันภาพหลังม่านตาทำให้เขาล่องลอยในความสุขจนแทบจะไม่อยากจะหลุดออกจากวังวนนั้น ภาพครอบครัวที่อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา พ่อแม่และลูกๆทั้งสอง ล้อมวงนั่งกินข้าวกันกลางบ้าน กับข้าวธรรมดาๆสองสามอย่าง ทุกคนเผยแต่ใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ไออุ่นแสนหอมฟุ้งตลบอบอวลไปทั่วบ้านหลังไม้หลังน้อย แต่เพียงพริบตาเดียวที่เขาตักข้าวเข้าปาก แม่จันทร์ก็หายไปทิ้งไว้แต่จานข้าวที่ว่างเปล่า ตามด้วยเทพลูกชาย แล้วสุดท้ายแก้วก็แวบหายไปอีกคน ในวงอาหารตอนนี้เหลือแต่เขาเพียงคนเดียว ความเงียบเหงาว่างเปล่าเดียวดายไหลซึมเข้ามาในห้วงอารมณ์อีกครั้ง
แสงชัยสะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยเหงื่อชื้นเต็มหลัง แสงอาทิตย์ทำมุมตกกระทบกับที่นั่งเขาพอดี มันกำลังเคลื่อนตัวต่ำลงไปทางทิศตะวันตก อากาศตอนบ่ายร้อนระอุไม่แพ้ความกลัดกลุ้มในทรวงอกเลย
จากคุณ :
เรือ่ยเปื่อยไปวันๆ
- [
7 เม.ย. 47 11:11:12
A:203.147.26.123 X:203.147.26.88
]