โลกไม่เคยหยุดหมุน (บทที่ ๕)

    บทที่ ๕
    เช้านี้เป็นอีกวันที่แหวนมาตอกบัตรเข้างานเฉียดเส้นตายพอดี วันนี้สีหน้าเพื่อนร่วมงานทุกคนมีแต่ความสุขสดชื่น เพราะว่าเป็นวันเงินเดือนออก นิสาเดินเข้ามาคุยกับแหวนที่โต๊ะทำงาน ถามถึงเรื่องเมื่อวานว่าเป็นยังไงบ้าง มีอะไรคืบหน้าหรือเปล่า แหวนบอกกับนิสาว่าไม่มีอะไรคืบหน้า สีหน้าของเธออมทุกข์ทันทีที่นึกย้อนถึงเรื่องร้ายๆ นิสาเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของแหวนเลยรู้สึกผิดที่ชวนคุยให้เพื่อนไม่สบายใจตั้งแต่เช้า นิสาเปลี่ยนเรื่องคุยทันที เธอพยายามหันเหความสนใจของแหวนไปทางอื่น จะได้ล้างลืมเรื่องเมื่อวานให้หมดสิ้นไป



    “แหวนวันนี้เงินเดือนออก คืนนี้ไปเที่ยวกันไหม”


    แหวนนั่งเงียบไม่ตอบคำถาม แต่นิสาก็พอจะรู้ว่าเพื่อนกำลังปฏิเสธจากดวงตา


    “เถอะน่า ไปเหอะกลับไม่ดึกหรอกวันนี้เงินเดือนออกด้วย พรุ่งนี้ก็วันหยุด จะรีบกลับไปนอนคลุมโปงที่บ้านทำไมล่ะ เซ็งตายชัก”


    “ไม่ดีกว่า ครั้งนี้ขอตัวแล้วกัน นิสาไปเถอะ แหวนไปด้วยพาลจะทำให้กร่อยเปล่าๆ”


    “คิดมากไปได้ไม่กร่อยหรอก ไปด้วยกันเยอะๆ สนุกดี” นิสาออกลูกตื้อนิดๆ


    “แหวนขอเคลียร์งานก่อนแล้วกันนะ ส่วนเรื่องไปเที่ยวคืนนี้ขอคิดดูก่อนแล้วกัน”


    นิสามองแหวนที่กำลังพยายามทำตัวให้เหมือนยุ่งกับงานอย่างท้อใจ เธอถอนหายใจเหนื่อยหน่ายแล้วเดินกลับไปที่โต๊ะทำงาน


    แหวนหยุดการกระทำวุ่นวายเมื่อนิสาเดินกลับไป เธอหยิบกระดาษเปล่าวางไว้บนโต๊ะหนึ่งแผ่น เขียนค่าใช้จ่ายคร่าวๆที่ต้องใช้สำหรับเดือนถัดไป ค่าห้อง ค่าน้ำ ค่าไป ค่ารถ ค่าอาหาร ฯลฯ แหวนเอามือกุมขมับเมื่อบวกลบคุณหารเงินเดือนกับค่าใช้จ่ายแล้วตัวเลขบรรทัดสุดท้ายมันติดลบ เธอนึกท้อใจกับงานที่ทำตลอดเก้าชั่วโมงที่เธอทำงานจันทร์ถึงศุกร์ผลตอบแทนที่เธอได้รับไม่เคยเพียงพอ ค่าใช้จ่ายประจำวันที่มีแต่จะถีบตัวสูงขึ้นทุกวัน ๆ ทำให้รู้สึกว่าเงินเดือนที่เคยได้รับทุกเดือนมันมีค่าน้อยลงทุกที สิ่งของที่เธอต้องการได้มาครอบครองมันกลับมีราคาสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ เธอขยำเศษกระดาษทิ้งลงถึงขยะใต้โต๊ะ ถ้าขืนเป็นอย่างนี้ต่อไปเห็นที่คงต้องหางานพิเศษทำเหมือนกับแก้ว แต่เมื่อจินตนาการคิดถึงศักดิ์ศรีที่จะเสียไป ผู้หลายมากหน้าหลายตาที่มีแต่ความใคร่กับเงินในกระเป๋า เธอตัดสินใจเปิดแฟ้มเอกสารก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไป




    งานบนโต๊ะเคลื่อนตัวไปช้า ๆ แหวนมัวแต่กังวลเรื่องค่าใช้จ่ายที่จำเป็นต้องใช้ในเดือนถัดไป จะโทรศัพท์ไปขอเงินพ่อแม่ที่บ้านก็ใช่เรื่อง เพราะความจริงต้องเป็นเธอต่างหากที่ต้องส่งเงินกลับไปให้ทางบ้าน และความจริงอีกเช่นกันที่นาน ๆ ครั้งแหวนถึงจะได้มีโอกาสส่งเงินไปให้ เธอได้แต่คิดเข้าข้างตัวเองว่าพ่อแม่น่าจะเข้าใจว่าลูกคนนี้ยังไม่มีเงินมากพอที่จะแบ่งส่งไป



    ตอนพักเที่ยงระหว่างทานข้าว นิสาตื้อเรื่องไปเที่ยวกลางคืนกับแหวนอีกหลายรอบจนแหวนใจอ่อนรับปากรับคำที่จะไปด้วย



    “จริงนะ แหวนรับปากแล้วนะ ห้ามเบี้ยวด้วย”


    “ไม่เบี้ยวหรอก”



    “ดี ๆ ไปเที่ยวซะบ้าง ชีวิตจะได้มีรสชาติบ้าง ไม่ใช่วัน ๆ เอาแต่นั่งทำงาน กลับบ้าน ทำงาน กลับบ้าน น่าเบื่อจะตาย”



    แหวนบดเคียวข้าวด้วยฟันกราม มันกำลังแหลกละเอียดระหว่างช่องฟัน ต่อมรับรสบนสากลิ้นพยายามซึมซับรสชาติอาหาร แปลกที่เธอไม่รู้สึกว่ามันไม่มีรสชาติความอร่อยเลย รสชาติชีวิตในวันนี้ไม่ได้แตกต่างจากเมื่อวานแม้แต่นิดเดียว




    ก่อนเลิกงานเล็กน้อยพนักงานทุกคนต่างกระวนกระวายที่จะพุ่งทะยานออกจากออฟฟิต ภารกิจมากมายกำลังรอเงินอุ่นๆที่พึ่งโอนเข้าบัญชีได้สังสรรค์กับมัน ผู้ชายหลายคนในออฟฟิตพากับซุบซิบภารกิจและสถานที่ที่กำลังจะไปในคืนนี้ ชื้อน้องเอ้ น้องแน็ท น้องจิ๊ด และอีกมากมายหลายสิบน้องกระเด็นเข้าหูแหวน ส่วนเพื่อนๆผู้หญิงรวมถึงนิสาต่างก็มีจุดหมายที่จะไปก่อนที่จะไปตระเวนราตรีตามประสาสาวทำงานวันเงินเดือนออก นิสาชวนแหวนไปช๊อปปิ้งที่ห้างสรรพสินค้าเพื่อจะหาซื้อชุดที่จะใส่ในคืนนี้ แหวนปฏิเสธบอกว่าขอกลับบ้าน แล้วคืนนี้จะไปตามร้านที่นัดกันเอาไว้



    “ไม่ไปจริงเหรอ ไปเถอะวันเงินเดือนออกทั้งที ไม่ต้องซื้ออะไรก็ได้ แค่ไปเดินเล่นเฉย ๆ”



    แหวนยิ้มปฏิเสธอีกครั้ง “ไปกันเถอะ ฉันขอตัวกลับห้องก่อนดีกว่า ว่าจะไปนอนพักซะหน่อย รู้สึกปวดหัวนิด ๆ”



    “เอาอย่างนั้นเหรอ แล้วเป็นอะไรมากหรือเปล่า”



    “ไม่เป็นอะไรมากหรอก กลับไปนอนพักสักนิดก็คงหาย”


    “จริงนะ แล้วคืนนี้ไปไหวนะ”


    “ไหวสิ รับปากแล้วนิ”




    เลิกงานพนักงานต่างเรียงคิวกันหน้าเครื่องตอกบัตร วันนี้ไม่มีใครคิดที่จะทำงานเกินเวลาเลิกงานเลยแม้แต่คนเดียว แต่ละคนก็มีจุดหมายที่ต่างกันไป แหวนเดินไปตอกบัตรออกงานเมื่อแถวหางงูหมดไป นิสาออกไปจากออฟฟิตตั้งแต่เมื่อไหร่เธอก็ไม่ทันสังเกตเห็น เครื่องตอกบัตรค่อยๆขย่อนบัตรออกจากช่างช้าๆ และมันก็หยุดกึกเมื่อบัตรตอกถูกส่งออกมาแค่ครึ่งใบ



    “อ้าว เป็นอะไรอีกเนี่ย” แหวนพยายามดึงบัตรออกจากช่อง มันถูกยึดไว้แน่นราวกับติดผนึกรวมกันเป็นเนื้อเดียว เธอพยายามใช้แรงดึงอยู่สักพักจนเสียงกึกกักดังขึ้น บัตรขาดยุ่ยติดมือแหวนออกมา มองไปที่ตัวเครื่องรู้สึกเหมือนกับว่าตอนนี้มันจะใช้งานไม่ได้แล้ว เหลียวซ้ายแลขวามองไปรอบๆตัว วันนี้เธอคงจะเป็นคนใช้เครื่องนี้เป็นคนสุดท้าย







    เย็นวันนี้แหวนใช้เวลารอรถเมล์เป็นเวลานานเช่นเคย รถเมล์มาเป็นช้าเช่นเคย เธอรู้สึกเซ็งและเบื่อหน่ายเช่นเคย และเมื่อรถเมล์สายเก่าเคลื่อนใกล้เข้ามา เธอเห็นคนเบียดแน่นเต็มคันเช่นเคย แหวนหัวเราะในลำคอด้วยความสมเพชตัวเอง ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะหลุดพ้นจากวังวนเหล่านี้ เมื่อไรจะมีเงินมาก ๆ เมื่อไรจะมีรถขับเป็นของตัวเอง เมื่อไรชีวิตจะสบายเสียที




    แหวนดันตัวเองขึ้นไปบนรถยากเย็น ด้วยประสบการณ์ทำให้เธอกระชับกระเป๋าถือไว้ในอ้อมอก มันทำให้เธอรู้สึกว่าปลอดภัย คนในรถยืนเบียดเสียดแน่นขนัด รถเคลื่อนตัวได้อย่างช้าๆเพราะความไม่สมดุลกันระหว่างถนนกับจำนวนรถ แหวนพยายามชะเง้อคอดูสัญญาณไปเขียวที่ลิบๆสุดตา ไม่ทันกระพริบตาครั้งที่สองมันก็เปลี่ยนเป็นสีเหลืองและก็สีแดง เธอจ้องมองสัญญาณไฟสีแดงอยู่เนิ่นนาน พยายามไล่มันพ้นไป สิ่งนี้เป็นการตอกย้ำความเชื่อที่ว่า ความไม่เท่าเทียมกันมีอยู่ทุกที่ในสังคม ไม่เว้นแม้แต่สัญญาณไฟจราจร




    รถเมล์ค่อยๆเขยื้อนตัวอืดอาด ไปได้สองสามเมตรก็เบรกหยุดนิ่ง แหวนรู้สึกว่ายืนทรงตัวได้ยากกว่าทุกวันเพราะแรงเบียดดันจากคนด้านหลัง เธอพยายามมองไปรอบๆรถคาดคะเนจากปริมาณคนมันไม่น่าจะเบียดกันขนาดนี้




    แหวนยืนอึดอัดอยู่ได้สักระยะ ก็เริ่มรู้สึกอึดอัดมากกว่าเดิมเมื่อรู้สึกว่าด้านหลัง มีอะไรบางอย่างมาประกบตรงชายกระโปรงแล้วค่อยๆเลือนมาขึ้นมาที่ต้นขา สิ่งนั้นไหลเคลื่อนมาหยุดตรงสะโพก เธอรู้สึกถึงแรงสัมผัสของวัตถุบางอย่าง มันค่อยๆแนบแน่นจนคล้ายมีกาวตราช้างเกาะยึดสะโพกเธอไว้กับมัน แหวนพยายามรวบรวมสติกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น เธอแน่ใจเป็นอย่างยิ่งว่าตอนนี้กำลังเจอโรคจิตบนรถเมล์ หลังจากทนแรงสัมผัสตรงสะโพกได้ไม่ถึงอึดใจ ลมหายใจอุ่นๆจากโพรงจมูกด้านหลังก็พ่นกระทบบริเวณต้นคอ แรงโน้มตัวตามจังหวะรถเบรก ขั้นตอนการปฏิบัติการสุดแนบเนียนบ่งบอกถึงความช่ำชองของโรคจิตได้เป็นอย่างดี




    คนที่ยืนห้อยโหนอยู่รอบ ๆ แหวนดูเหมือนจะไม่สังเกตเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอเลย แหวนสูดลมหายใจถี่เร้าด้วยความกลัวและความโกรธแค้น เธอควรจะร้องโวยวายให้คนช่วยหรือว่าควรจะเงียบแล้วแทรกหนีไปไปพ้น แหวนพยายามบิดมองไปทางซ้ายขวา ไม่มีใครสนใจกับท่าทางลุกลี่ลุกลนของเธอเลย เจ้าโรคจิตด้านหลังยังคงคุกคามต่อไปเหมือนกำลังได้ใจ

    จากคุณ : เรือ่ยเปื่อยไปวันๆ - [ 9 เม.ย. 47 16:56:20 A:203.147.26.123 X:203.147.26.55 ]