ต่างคน ต่างรัก : the end

    = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =

    กลุ่มของเราต้องตื่นเดินทางกันตั้งแต่ตีสี่ เพราะอยากไปเห็นพระอาทิตย์ขึ้นบนทะเลหมอก ซึ่งก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เมื่อเทียบกับความเหนื่อยล้าจากการที่ต้องตื่นแต่เช้า จากการเดินเท้าขึ้นไป มันหายเป็นปลิดทิ้งเมื่อเห็นภาพตรงหน้านั้น มันช่างสวยเหลือเกิน เหมือนลูกไฟดวงเล็ก กลิ้ง ไปมา บน เมฆหมอก กลุ่มใหญ่ ..............ถ้าอารมณ์ของผมไม่ขุ่นมัวผมก็คงดื่มด่ำกว่านี้ แต่อย่าให้บรรยายเลย มันเศร้า

    ผมได้ขอร้องพี่ชาย ให้ช่วยให้ผมได้คุยกับปริมโดยลำพังสักหนึ่งชั่วโมงก็ยังดี
    “นายไปทำอะไรเข้าล่ะ” พี่ชายผมถามขึ้นภายหลังจากที่คำร้องขอของผมจบลง
    “ก็....ปากเสียนิดหน่อย”
    “คงไม่หน่อยละมั้ง เล่นไม่มองหน้าแกเลย” พี่ชายผมเย้าเพราะรู้นิสัยพูดมาก ปากเสียของผม แต่ก็ยังดีที่รับปากว่าจะพยายามช่วยแต่จะสำเร็จหรือไม่ มันอีกเรื่อง

    แล้วโอกาสก็เป็นของผม พี่ชายผมแยกปริม กับ เพื่อนๆ ได้สำเร็จ ...ไม่รู้ไปร่ายคาถา ท่าไหน แต่นั่นไม่อยู่ในความสนใจของผม ผมสนแต่เพียงว่า ผมได้เวลาต่อลมหายใจ แล้วผมก็จำทำให้ดีที่สุด... ผมเดินไปหาปริม ซึ่งกำลังง่วนอยู่กับการถ่ายภาพคนเดียว.....

    “ปริม ยังโกรธกันย์อยู่เหรอ” ปริมยังคงสวมวิญญาณช่างภาพมือหนึ่งอยู่ ทำท่าไม่สนใจผม ราวกับผมเป็นสิ่งไม่มีชีวิต ....ผมก็เลยสวมวิญญาณคนเถื่อน น้อย ๆ ดึงกล้องจากมือปริม แล้วจัดการเก็บใส่กระเป๋าอย่างวิสาสะ โดยไม่สนกับการยื้อยุดฉุดกระชากของปริม
    “เอาคืนมานะ..” น้ำเสียงบวกกับ ท่าทีขู่ฟ่อนั้น มันก็น่ากลัวอยู่เหมือนกัน.... แต่มาถึงตอนนี้ มันก็ต้องวัดดวงกันหน่อย

    “แล้วกันย์จะคืนให้ แต่ต้องหลังจากที่เราตกลงกันก่อน แล้วปริมต้องทำตัวน่ารัก ๆ คุยกันดี ๆ ไม่เอาอารมณ์ก่อนหน้านี้มาตัดสิน..ตกลงนะ ”
    ผมจ้องปริมเพื่อที่จะบอกว่าผมพูดจริง คิดจริง แล้วก็คิดดีด้วย แต่ปริมทำท่ามองไม่เห็นความนัยจากสายตาผม ส่งเสียงฮึดฮัด ไม่พอใจ..ก็เลยมีการใช้กำลังนิดหน่อย...แค่ลากไปคุยกันที่อื่น ที่ ๆปลอดคน ...

    “กันย์ขอโทษ ปริมจะให้กันย์ทำยังไง ..กันย์ไม่ทนหรอกที่จะให้คนอื่นมาใกล้ปริม แล้วก็ไม่คิดว่าจะทนได้ด้วย ...กันย์คิดยังไง รู้สึกยังไง ปริมก็รู้ หรือว่า ปริมไม่เคยรับรู้เลย” ผมพูดหลังจากที่เดินห่างออกมาจากกลุ่มคน ที่เริ่มจะเดินขึ้นมาถึงบนภู...

    แต่ปริมก็ยังเป็นปริมคนเดิม ความเงียบคือตัวแทนของปริม แต่ถ้าไม่พูดออกมา แล้วใครจะรู้
    “ปริม ถ้าปริมจะพูดบ้าง ว่ากันย์บ้าง ก็ยังดีกว่านี้ กันย์จะดีใจด้วยซ้ำถ้าปริมบอก พูด ว่าปริมรู้สึกอะไร คิดอะไร…”
    “เราเป็นเพื่อนกันเถอะ” ....ให้ตายเถอะจอรจ์ ผมไม่ได้ต้องการคำพูดอย่างนี้เลย
    “แล้วปริมคิดว่ากันย์อยากเป็นเพื่อนเหรอ ที่ผ่านมาถึงแม้จะมีอะไรไม่ถูกต้องบ้าง..... กันย์ยอมรับผิด แต่...กันย์ขอโทษ กันย์ไม่อยากเสียปริมไป กันย์รู้แล้วการมีปริมกับไม่มี มันต่างกัน กันย์อยู่กับปริม กันย์มีความสุข เราเข้ากันได้ดี ที่สำคัญกันย์ก็ไม่เคยพูดว่ากันย์จะเป็นเพื่อนกับปริม” ผมก็พูด พล่ามของผมไปเรื่อย แต่ความเรื่อย ๆ นั้นแฝงความจริงจังอยู่ ปริมก็ยังทำหน้าที่เป็นผู้ฟังที่ดี แต่จะไม่ดีก็ตรง ผู้ฟังดันร้องให้เป่าปี่นี่สิ
    .....ผมสารภาพอย่างไม่อายหรอกว่าผมตกใจ เสียใจทำทำปริมร้องให้ ...หัวตาผมเริ่มร้อน ผมรู้สึกว่าผมกำลังจะร้องให้....ร้องทำไมนะเหรอ ... โกรธตัวเองมั้ง อีกอย่างก็สงสารตัวเองนะสิ...จะโดนเค้าทิ้งตกภูชี้ฟ้ามั้ยเนี่ย...

    ปริมคงตกใจเหมือนกันคิดไม่ถึงว่าคนอย่างผมร้องให้เป็นด้วยเหรอ .............(ปริมไม่รู้หรอกว่ามันเป็นไม้ตาย)
    “ถ้ากันย์บอกว่ากันย์รักปริม..... ไม่ใช่เพราะแค่ว่าเรามี....เอ่อ .....มี..อะไรกันแล้ว ....แต่กันย์รักปริม จริง ....ปริมจะว่ายังไง” ผมรวบรวมกำลังใจทั้งหมดที่มี ในการเอ่ยประโยคนี้ออกมา คำว่า “รัก” ใครว่าพูดกันง่าย ๆ .....แต่ผมก็ได้พูดมันออกไปแล้ว....
    เหมือนกับว่าผมได้ทิ้งไพ่ในสุดท้ายที่มีในมือ หากผมจะแพ้ในเกมนี้ ผมก็คงแพ้เพราะปริม ไม่รู้สึกรู้สากับผมจริงๆ ไม่ใช่เพราะมีคนอื่น .................คนไม่รักจะให้ทำยังไง

    “ก็ไม่ว่ายังไงหรอก..มีคนรักมันก็ยังดีกว่ามีคนเกลียด...แต่เงียบก่อนสิ ปริมอายแทน” ปริมหัวเราะคิด แล้วเท่านั้นแหละผมก็ทรุดตัวนั่งลงบนพื้นเพราะ ยางอายยังทำหน้าที่อยู่ ผู้คนเริ่มเดินมาทางผมกับปริม ผมต้องรีบหันหลังให้ชาวบ้าน คงไม่มีคนทันได้เห็นฉากรักฉากนี้หรอกนะ ..ผมหันมามองสบตากับปริม เพื่อจะบอกว่า ผมรู้สึกอย่างที่ผมพูด ปริมหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนสวยจากกระเป๋า แล้วมาซับน้ำตาของผมเบา ๆ (ผู้ชายร้องให้และผู้หญิงเช็ดน้ำตาให้มันแปลกตรงไหน)

    “ให้เวลาตัดสินดีกว่า”...ปริมบอกกับผมหลังจากที่เราสองคนเป่าปี่จนจบหนึ่งเพลงรัก ยิ้มของปริมทำให้ใจผมชื้นขึ้น ผมอดใจไม่ไหว สองมือของผมเลื่อนขึ้นมาประคองดวงหน้านั้นไว้ ทำราวกับกลัวว่ามันจะหลุดลอยไป ผมประทับจูบลงบนเรือนผม เรื่อยมาหน้าผาก ก่อนจะจบลงที่ริมฝีปากแดงเรื่อย จูบของผมคราวนี้เต็มไปด้วยสัมปัชชัญญะครบถ้วน มันมากกว่า รัก มากกว่าความห่วงหา มากกว่าความห่วงใย และมากกว่าคิดถึง ขอบคุณที่ปริมไม่ปฏิเสธผม แม้ว่าปริมจะยังไม่ได้บอกออกมาเป็นคำพูดก็ตาม ผมก็รู้ว่าปริมก็คิดเหมือนกันกับผม............................
    “แต่ ......กันย์ขึ้หึงนะ” นั่นเป็นคำพูดที่ออกมาภายหลังจาก จูบแรกอันแสนหวานของผมกับ
    ปริม แล้วก็เช่นเดิม มีเพียงรอยยิ้มเท่านั้นที่ผมได้รับ..................................................ผมเตือนคุณแล้วนะ

    คำพูดนั้นของปริมยังอยู่ในใจผมแม้ว่ามันจะผ่านมาเกือบ 4 ปีแล้วก็ตาม...................แม้ว่าความรักผมมันจะแปลกกว่าทุกคน ความรักที่เกิดจากความผิดพลาด เกิดจากการก้าวข้ามขั้นตอนไปหน่อย แต่มันคงเป็นเพราะคนบนฟ้าเค้าลิขิตมาให้เป็น....

    ....ทุกวันนี้ผมกับปริมยังคงเป็นเงาของกันและกัน เห็นปริมที่ไหน เดาได้เลยว่าไม่นานจากนั้นคุณจะต้องเห็นผม ................วันหนึ่ง ยามเช้าหากว่าคุณผ่านไปทางถนนสายหน้ามหาวิทยาลัย ถ้าคุณสังเกตให้ดี คุณจะเห็นคุณหมอสาว สวยคนหนึ่ง มาตักบาตรกับไ อ้ตี๋ เถื่อน ๆ ท่าทางถ่อย ๆ หน้าตาธรรมดาคนหนึ่ง แล้วคุณจะพูดกับตัวเองหรือกับเพื่อนร่วมทางว่า
    “มันมาด้วยกันได้ไงวะ” หรือ
    “คุณหมอไปเก็บไ อ้ ตี๋นี่มาจากไหน”
    แล้วคำตอบที่ได้อาจะ
    “มากับคนสวนมั้ง ไม่ก็คนขับรถ”

    the end

    จากคุณ : หลงรัก...ความรัก - [ 11 เม.ย. 47 06:06:48 A:203.151.206.81 X:172.17.28.144, 61.19.199.142 ]