โลกไม่เคยหยุดหมุน (บทที่ ๖)

    บทที่ ๖


    แสงไฟสีเขียวสีแดงกระพริบรัวรับจังหวะกับเสียงเพลงท่วมหู ในความสลัวของแสงไฟบริการเดินยกขวดเหล้า น้ำเปล่า โซดาส่งตามโต๊ะขวักไขว่ นักเที่ยวหลายคนกำลังยักย้ายส่ายสะโพกรับเสียงเพลงด้วยความสนุกสนาน ฤทธิ์สุราซึมซับเข้ากระแสเลือดจนทำให้ทุกคนที่ได้ลิ้มรสรู้สึกเคลิ้มว่ากำลังมีความสุขสนาน เสียงไชโยโห่ร้องดังขึ้นเมื่อดีเจตะโกนประโยคฮิตกรอกไมด์


    “ใครยังไม่มีแฟนขอเสียงหน่อยยยยยยยยย”


    นิสากับเพื่อนในโต๊ะตะโกนโหวกเหวกด้วยความสนุกสนานและมึนเมา นิสาเต้นอย่างลืมเป็นลืมตายจนเหงื่อไคลไหลชุ่มเสื้อผ้าชุดหวิว แหวนนั่งจิบเหล้าเบา ๆ ดูนิสาเต้น


    “แหวนทำไมไม่เต้นล่ะ” นิสาเดินกึ่งเต้นก้มคอตะโกนข้างหู


    “ไม่เอาหรอก เต้นไม่เป็น นั่งดูอย่างเดียวดีกว่า” แหวนตะโกนกรอกหูกลับ


    นิสาเบือนศีรษะด้วยความเซ็ง ชวนแหวนออกมาเที่ยวทั้งทีทำไมไม่ปล่อยอารมณ์ให้สนุก มัวแต่นั่งเฉย ๆ อย่างนี้ได้ยังไง เธอพยายามชวนแหวนให้เต้นอีกครั้งด้วยการดึงแขนให้ลุกขึ้นจากเก้าอี้ แต่มันก็ไม่สำเร็จแหวนยังคงยื้อยุดส่ายหน้าปฏิเสธลูกเดียว และนิสาก็คิดแผนอะไรออกบางอย่างเธอผสมเหล้าแก้วใหม่ให้แหวนกิน


    “เอ้า แหวน ชนแก้ว” นิสาเอาแก้วที่ชงใหม่ส่งให้แหวน


    แหวนมองหน้านิสาด้วยความแปลกใจ พลางชี้แก้วเหล้าของเธอบนโต๊ะ “แหวนมีแก้วแล้ว”


    นิสามองแก้วเหล้าของแหวน ยิ้มเจ้าเล่ห์บอกกลับไปว่า เอาแก้วนี้แล้วกันพึงผสมใหม่ จะได้ดื่มพร้อม ๆ กันไปเลย พร้อมส่งแก้วยัดใส่มือ แหวนรับมาอย่างปฏิเสธไม่ได้


    “เอ้า หมดแก้ว ๆ” นิสาชูแก้วเหล้าตะโกนบอกคนในโต๊ะ ทุกคนต่างชูแก้วขึ้นมากระทบกันดังกริ้งกรั้ง
    ชั่วอึดใจเหล้าทุกแก้วเหลือแต่ความว่างเปล่า ยกเว้นแก้วของแหวน น้ำสีอำพันในนั้นยังพร่องไม่ถึงครึ่งแก้ว นิสาเขม่นมองแก้วในมือแหวน กระเถิบตัวประชิดเข้าไปใกล้คะยั้นคะยอให้แหวนดื่มให้หมด แหวนทำหน้าเป็นบ๋วยอยู่นานกว่าจะจิบเหล้าในแก้วจนหมด


    “เป็นไงบ้าง อร่อยไหม” นิสายืนตัวเซถามข้างหู


    “อร่อยบ้าอะไร ขมปี๋เลย” แหวนหยิบขวดน้ำเปล่ามาเทใส่แก้วกระดกลงคอล้างความขม


    “เดี๋ยวก็สนุก” นิสาพูดคำสุดท้ายก่อนจะหันไปโยกย้ายสะโพกตามจังหวะเพลงดีเจกำลังแทรกเสียงถามนักเต้นในร้าน


    “ขอเสียงคนยังไม่มาวววววววววว หน่อยยยยยยย” เสียงโห่ร้องดังกระหึ่มลั่นร้านอีกครั้ง





    หลังจากเหล้าแก้วนั้นนิสาหาเรื่องชนแก้วกับแหวนอยู่เป็นระยะจนแหวนรู้สึกเมา ความคิดกังวลปัญหาประดังมากมายในหัวค่อย ๆ จางหายไป ความสนุกของเสียงเพลงเริ่มแทรกเข้ามาในชีวิตทีละนิดตามปริมาณของ แอลกฮอล์ที่เพิ่มจำนวนในกระแสเลือดขึ้น แหวนเริ่มมีวิวัฒนาการลุกขึ้นเต้นข้างนิสา ความเขินอายในตอนแรกกระจายหายไปหมดสิ้น



    “เป็นไงสนุกไหม” นิสาถามพร้อมออกสเต็ปท่าเต้นแปลกตา


    แหวนหันมองนิสาแต่ไม่ได้ยินเสียงที่พูดออกมา ขยับร่างกายเต้นท่าแปลก ๆ ตามนิสา เธอพึ่งรู้สึกตัวว่ามีความสุขกับชีวิตหลังจากในสองวันนี้ต้องเจอแต่เรื่องชวนปวดหัว


    ดีเจแทรกเสียงเพลงอีกครั้ง คนทั้งร้านร้องตะโกนตอบรับเป็นเสียงเดียวรวมทั้งแหวน


    ยิ่งดึกเสียงเพลงดูเหมือนจะเร่งจังหวะและดังขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าตัว ขณะนี้ทุกคนในร้านต่างเบียดเสียดกันเต้นจนแทบจะไม่มีที่ให้หายใจ


    แผ่นหลังแหวนทั้งผืนเปียกชุ่มไปด้วยสาปเหงื่อ เธอปาดเม็ดน้ำที่กำลังไหลลาดลงจากหน้าผาก อากาศตอนนี้ช่างร้อนอบอ้าวและอึดอัดไม่ต่างจากบนรถเมล์ แหวนเดินเลี่ยงจากโต๊ะเพื่อไปเข้าห้องน้ำระหว่างทางคนรอข้างเบียดเสียดเธอจนให้ความรู้สึกคุ้นเคยเหมือนกำลังโหนรถเมล์มาทำงน เธอขย่อนตัวมาถึงหน้าห้องน้ำ ผู้หญิงหลายสิบคนต่างรอคิวกันหน้าประตูห้องน้ำ บางคนสูบบุหรี่ บางคนคุยโทรศัพท์ บางคนกำลังแต่งหน้าทาปากอยู่หน้ากระจก


    แหวนยืนปิดซ้ายขวากระวนกระวาย ความมึนเมาผสมกับอาการอั้นปัสสาวะทำให้เธอทำท่าโคลงเคลงไปมาจนเป็นเป้าสายตาคนรอบ ๆ ข้าง เสียงโอกอ้ากดังลั่นออกมาจากห้องน้ำด้านใน แหวนกระจุกคอหลังจากได้ยินเสียงนั้น เธอรู้สึกว่ามีบางอย่างถูกผลักดันขึ้นมาจากท้องน้อยรอเวลาทะลัก มองไปหน้าประตูทุกบานไม่รู้เมื่อไรคนข้างในนั้นจะออกมาซะที มือทั้งสองข้างยกขึ้นมาปิดปากกดอั้นปากสิ่งที่กำลังจะพุ่งออกมาจากช่องปาก ลำคอสะอึกอึกอักพร้อมลมหายใจบู้บี่ เธอไม่รู้ว่าจะอันสิ่งนั้นไว้ในร่างกายได้นานแค่ไหน


    ความอดทนของร่างกายดูเหมือนจะน้อยกว่าที่แหวนคิดเอาไว้ ด้วยสัญชาติญาณเธอพุ่งตัวไปตรงอ่างล้างหน้า น้ำสีขมุกขมัวเหลวข้นถูกขย่อนออกมาจากกระเพาะผ่านช่องปาก เสียงโอกอ้ากลั่นตามมากระชั้นชิด แหวนพยายามสูดหายใจเข้าออกด้วยความยากลำบาก หัวใจเต้นแรงเหมือนกำลังถูกกระชากออกจากอก โลกกำลังหมุนวนไรทิศทางจนสองขาแหวนพยุงตัวไว้ไม่อยู่ เธอพยายามใช้ท่อนแขนทั้งสองท้าวอ่างล้างหน้าไว้ น้ำประปาจากก๊อกทะลักไหลผสมกับของเหลวข้นในอ่างล่างหน้า


    ขณะที่แหวนกำลังจะหมดแรงทิ้งตัวกองกับพื้น มีสองมือโอบพยุงเธอจากด้านหลัง


    “ว่าแล้ว เห็นหายไปตั้งนาน ที่แท้ก็แอบมาอ้วกตรงนี้นี่เอง” เสียงนิสาแว่วเข้าหู แหวนเงยหน้ามองคนข้างหลังผ่านกระจกสะท้อน


    “นิสาเองเหรอ” แหวนพูดด้วยสำเนียงลากยาว นิสาส่ายศีรษะด้วยอารมณ์เปื้อนรอยยิ้ม


    “เป็นยังไงเมาเหรอ” นิสาพยุงแหวนไปอ่างล้างหน้าถัดไป เปิดน้ำกวัดชะโลกราดศีรษะและใบหน้าแหวน “ดีขึ้นไหม” นิสาถามด้วยรอยยิ้ม แหวนพยักหน้ารับส่งยิ้มหวานคืน


    “อย่างนี้แสดงว่ายังไหว งั้นปะ ไปกินต่อที่โต๊ะ เพลงกำลังมันส์เลย” นิสาค่อย ๆ ประคองร่างแหวนเดินออกจากห้องน้ำ น้ำจากปลายผมไหลหยดเป็นทาง


    เมื่อทั้งสองเดินมาถึงโต๊ะเพลงช้าก็ถูกบรรเลงเปลี่ยนบรรยากาศให้สบายหู นิสารินน้ำเปล่าส่งให้ แหวนรับมาดื่มรวดเดียวหมดแก้ว นิสาหัวเราะกับสภาพของแหวน


    “เป็นยังไงดีขึ้นไหม”


    แหวนพยักหน้ารับ ยิ้มตาเยิ้มด้วยความเมา


    “กินต่ออีกไหม” นิสาถามแหย่


    แหวนส่ายศีรษะปฏิเสธ “นั่งอย่างเดียวก็แทบจะไม่ไหวอยู่แล้ว” เธอตอบเสียงยาน




    เพลงช้าบรรเลงเนิบนาบระคนหู ชายหญิงหลายคนเริ่มจับคู่กันเต้นช้า ๆ เสียงหัวเราะต่อกระซิกปนรอยยิ้มเหล่านั้นกำลังทิ่มแทงสองตาแหวน มองไปทางนิสาชายแปลกหน้ามาจากไหนก็ไม่รู้กำลังกระซิบพูดคุยอะไรบางอย่างที่ข้างหู นิสาหัวเราะร่ากับคำพูดที่แหวนไม่ได้ยิน กวาดตามองไปโต๊ะข้าง ๆ ทั้งใกล้และไกล ทุกคนต่างมีคู่เป็นของตัวเอง ย้อนดูตัวเองหวังในใจอยากจะหาใครสักคนมาช่วยให้ความเหงาจางหายไป เพียงใครสักคน



    แหวนปล่อยอารมณ์ตามไปตามเพลง หวนนึกถึงความรักครั้งสุดท้ายที่จากไปแสนนาน พร้อมกับความเจ็บช้ำที่ฝากไว้กับความทรงจำ คำที่ออกจากปากของชายคนนั้นในทางโทรศัพท์ยังคงกึกก้องอยู่ในหัวเธอจนถึงทุกวันนี้


    “ขอโทษนะแหวน บอยไม่ได้รักแหวน” แหวนปล่อยเสียงออกมาเบา ๆ พร้อมกับเม็ดน้ำตาซึมตรงหางตา


    นิสาเข้ามาสะกิดบ่าทำให้แหวนสะดุ้งออกจากความหลัง “แหวน ๆ มีคนอยากรู้จัก”


    แหวนพยายามข่มรอยน้ำให้ไหลกลับสู่ต้นกำเนิด “อะไรเหรอนิสา”


    “ฉันบอกว่า มีคนอยากรู้จัก” นิสาชี้ตามองไปยังโต๊ะข้าง ๆ


    “ใครเหรอ”


    “ก็โต๊ะนั้นไง พอดีเขาเป็นเพื่อนกิ๊กของนิสา เห็นแหวนแล้วอยากรู้จัก” นิสาส่งยิ้มไปทางโต๊ะนั้น

    จากคุณ : เรือ่ยเปื่อยไปวันๆ - [ 11 เม.ย. 47 09:56:01 A:203.151.206.82 X:203.147.26.43, 203.147.26.123 ]