ความคิดเห็นที่ 8
สวัสดีค่ะ -TSURUGI...อ้าวตายหมด เเล้วก็ได้ไปเจอกันไงคะ..ก็คือมณีดารยาก็ได้เจอกับชเลหลังจากที่ตายไปแล้วไงคะ.. -pp...ก็ตอนจบพวกเค้าได้เจอกันไง อิอิ(แม้ว่าตายกันไปหมดเเล้วนี่เเหละ..) -พี่บูด...ไททานิก ของอเมริกา..เรื่องนี้ก็คล้ายๆกันค่ะ..อินโดนีเซีย..เพื่อนบ้านเราเเค่นี้เอง
ไหนๆก็ไหนเเล้ว...ทำท้ายบทให้ด้วยดีฝ่า^^ เรื่องนี้ได้เค้าโครงมากจากประวัติศาสตร์ตอนหนึ่งของอินโดนีเซีย ช่วงปลายพุทธศตวรรษที18-19 ในช่วงราชวงศ์มัชปาหิต ที่มีศูนย์กลางอยู่ที่เกาะชวาตอนกลาง..ในรัชสมัยของพระเจ้าราชัสนคร..หรือ พระเจ้าหะยัมวุรุก (พ.ศ 1893-1932)ซึ่งนับเป็นยุคทองมัชปาหิต..ก็เพราะมีเสนาบดี คชา มดา คอยดูเเลพระองค์เเละกิจการของบ้านเมือง..ทำให้อาณาจักรชวามีอำนาจมากในช่วงนั้น
...เเล้วโครงเรื่องที่นำมาใช้ในเื่องนี้ ก็เกิดในตอนต้นรัชกาล ของพระเจ้าราชัสนคร..ดังปรากฏในจารึก บาตูตูลิส(batu tulis) กล่าวถึงประวัติศาสตร์ตอนนี้ไว้คร่าวๆว่า ..ในช่วงต้นรัชกาล..กษัตริย์เเห่งซุนดาได้ส่งธิดามาอภิเษกกับองค์ราชัสนคร ซึ่งกองทัพมัชปาหิตได้ยกมารับที่เกาะบูบัต..ด้วยทรงเข้าพระทัยว่าการอภิเษกจะเป็นไปด้วยความเสมอภาคทั้งสองฝ่าย..เเต่คชา มดาได้ประกาศว่า พระธิดาที่ส่งมา เป็นเพียงเครื่องราชบรรณาการเท่านั้น..จึงกกลายเป็นการรบพุ่งครั้งใหญ่..สุดท้ายพระราชาซุนดาเเละข้าราชบริพารก็ตายหมด..เเต่มิมีข้อความใดที่เอ่ยถึงเจ้าหญิงคนนั้นเลย..จึงสันนิษฐานว่า ควรจักสิ้นพระชนม์จากนั้นไม่นาน
ซุนดาจึงถูกรวมกับมัชปาหิตตั้งเเต่บัดนั้น..ด้วยประการฉะนี้
ข้อความจากหนังสือที่เกี่ยวกับปนะวัติศาสตร์ชวาในช่วงนั้นฮับ..เอามาฝาก(เหตุการณ์ตอนนี้เรียกว่า bubat blood bath )
Hayam Wuruk's reign (1350-1389) was the most glorious period in Java's history, thanks in part to the power behind the throne, Gajah Mada. Most of Hayam Wuruk's reign was a time of peace and cultural development, but it began with a dramatic incident.
In 1351 Hayam Wuruk asked the still-independent king of Sunda for a daughter to marry. Delighted at the prospect of becoming father-in-law to Indonesia's most powerful monarch
, the king agreed. He came with the princess and a splendid retinue to a Javan city named Bubat, where both kings agreed to have the wedding. But Gajah Mada did not approve of the marriage. Just before it was to take place
, he intervened and told the king of Sunda that the bride was not the object of a political alliance, but an object of tribute being given by a vassal to his overlord. Realizing that he had been neatly trapped, the king tried to back out of the marriage with the help of his guards, but the Majapahit guards were prepared for this. The king of Sunda and his retinue were overpowered and slain. No record tells us whether the bride lived through the massacre to take part in the marriage. If she did, she must have died soon afterwards, for she is never mentioned in later inscriptions.
ขอบคุณที่ติดตามนะคะ..^^
จากคุณ :
อชันฏา
- [
12 เม.ย. 47 08:27:09
A:203.151.206.82 X:203.149.36.31
]
|
|
|