สมชายยอดนักสืบ ตอน โหมโรง

    เสียงกระจองอแงดั่งลั่นออกมาจากห้องเรียนดนตรีไทย นักเรียนชายกำลังสนุกสนานกับการวิ่งเล่นไล่จับกันระหว่างรอคุณครูเข้ามาสอน บางคนหยิบจับเครื่องดนตรีขึ้นมาดีดสีไม่เป็นสำเนียง นักเรียนหญิงรวมกลุ่มกันนินทาเมาท์แตกเรื่องโน้นเรื่องนี้เท่าที่จะสรรหามาเล่า


    เด็กชายสมชายนั่งเงียบมุมห้องมองกิจกรรมไร้สาระของเพื่อน ๆ ด้วยความเอือมระอา


    “----- ------------ ------------ -----------“ แว่นโผล่มาจากไหนไม่รู้ขมวดคิ้วอยู่ตรงด้านหน้า ทำปากพะงาบ ๆ พูดจาอะไรไม่รู้เรื่อง สมชายทำตาหรี่ตะแคงหูพยายามฟังคำพูดที่หลุดจากปากไอ้แว่น


    “---------- ------------- -----------“ แว่นทำปากพะงาบ ๆ พูดไม่รู้เรื่องต่อไป จนกระทั่งมือทั้งสองของมันเอื้อมเด็ดบางอย่างออกจากรูหูทั้งสองของสมชาย


    เพลงร็อคหนักแน่นกระจายดังติดมือไอ้แว่นออกมา สมชายไล่ตามองตามหูฟังสีดำ ส่งตาเขียวอาฆาตใส่คู่กรณี “ไอ้แว่นเอ็งดึงหูฟังออกทำไมวะ”


    “ก็ ๆ” แว่นทำเสียงอ่อย “ก็ซาวเบาว์เรา สมชายยืมไปฟังตั้งนานแล้วไม่ยอมคืนซะที เราอยากจะฟังบ้าง”


    สมชายดึงหูฟังกลับมายัดใส่หูทีละข้าง “ให้ข้าฟังก่อน เอ็งอยากจะไปทำอะไรก็ไป” เพลงล่าสุดกำลังโลดแล่นกระทบประสาทหู “เฮ้ย ๆ ๆ ๆ ไอ้แว่น มานี่ก่อนดิ๊”

    “อะไรอีกละ” แว่นทำหน้าเบื่อโลก

    “เพลงนี้ เอ็งเอามาจากไหน พึ่งโฆษณาไม่ใช่เหรอ” สมชายทำหน้าตื่นเต้นตกใจ

    “เพลงอะไร” แว่นทำหน้าสงสัย สมชายยื่นหูฟังให้ข้างหนึ่ง เมื่อได้ฟังเพลงก็ถึงบางอ้อ

    “อ้อเพลงนี้เอง เราอัดมาจากวิทยุ” แว่นหลับตาพริ้มไปกับเสียงเพลง สมชายกระชากหูฟังกลับรวดเร็ว “เอามานี่ ให้ข้าฟังก่อน เอ็งเอาไว้ฟังที่บ้านก็ได้” แว่นทำหน้าเบะเหมือนจะร้องไห้ คิดจะต่อสู้ขัดขืนแต่ก็ไม่กล้า สมชายหลับตาเคลิ้มไปกับเพลงใหม่ล่าสุดกรอกหู



    ล่วงเลยเวลาที่คุณครูจะเข้าสอนมาเป็นเวลากว่าสิบนาที ความสนุกสนานของนักเรียนในชั้นดูจะทวีความรุนแรงมากขึ้นหลายเท่าตัว เด็กผู้หญิงยังคงจับกลุ่มคุยกันสนุกสนาน เด็กผู้ชายกำลังยื้อแย่งอะไรบางอย่างตรงระนาดหน้าชั้น


    “เอามานี่ ข้าเป็นขุนอินเอง” เด็กชายแมนยื้อกระชากไม้ตีระนาดกับเด็กอีกสองสามคน


    “ไม่เอา ระพีจะเป็นขุนอิน” เด็กชายระพีไม่ยอมแพ้ ดึงจับปลายไม้ไว้


    “ข้าเป็นขุนอิน ข้าตีเป็น พวกเอ็งตีกันไม่เป็นอย่าทำสะเออะ” เด็กชายวายุเบียดแทรกในกลุ่มด้วยไพ่ที่เหนือกว่า


    “ไม่เอา ๆ ในแนทเป็นขุนอินแนทอยากเป็นขุนอิน” เสียงเจื้อยแจ้วของเด็กหญิงผมเปียตัวน้อยก็แสงความเป็นหนึ่งไม่แพ้กัน


    “ไม่ได้แนทเป็นขุนอินไม่ได้ แนทเป็นผู้หญิง ขุนอินเป็นผู้ชาย” เด็กชายแม้นกร้าวเสียงใส่


    “ทำไมจะเป็นไม่ได้ แมนเป็นขุนอินได้ได้แนทก็เป็นได้”


    “แนทเป็นไม่ได้ ขุนอินต้องเป็นผู้ชาย” เด็กชายระพีเสริมเพื่อจะตัดคู่แข่ง


    “แนทเป็นได้ ขุนอินหัวล้าน พวกแมนหัวไม่ได้ล้านสักกะหน่อยยังเป็นได้เลย” แนทเถียงน้ำขุ่น ๆ


    เหตุการณ์ชุลมุนยื้อแย่งยังคงดำเนินต่อไป หาขอสรุปมิได้ จนกระทั้งสิ่งไม่คาดฝันเกิดขึ้น


    “ป๊อก” เสียงบางอย่างดังขึ้นท่ามกลางความเงียบกริบของเด็กทั้งสี่ เด็กทั้งห้องหยุดหันมามอง


    “แมนไม่ได้ทำนะ แมนจับเบา ๆ” เด็กชายแมนแก้ตัวเป็นคนแรก


    “แนทก็ไม่ได้ทำนะ แนทตัวนิดเดียวทำไม่ได้หรอก” เด็กหญิงแนทแก้วตัวเป็นคนที่สอง


    “แมนนั้นแหละทำ แมนกระชากไม้แรงที่สุด” เด็กชายระพีพูดสีหน้าเจื่อน


    เด็กชายวายุหันซ้ายหันขวารีบเดินหลบออกจากวงชุลมุน “วายุนั้นแหละทำ อย่างหนีไปไหนนะ” เด็กชายแมนชี้มือไล่ไปทางเด็กชายวายุ


    “วายุไม่ได้ทำ ระพีนั้นแหละเป็นคนทำ” เด็กชายวายุโต้เสียงสั่นกลับ ความโกลาหลวุ่นวายปะทุตัวอีกระลอก



    “อะไรกัน เสียงดังอะไรกัน ได้ยินไปถึงนอกห้อง” เสียงคุณครูวิชัยดังมาจากประตูห้อง


    ทั้งห้องเงียบกริบไม่ได้ยินแม้เสียงลมหายใจ คุณครูวิชัยค่อย ๆ เดินเข้ามาจุดเกิดเหตุ “เกิดอะไรกัน ครูมาช้านิดเดียววุ่นวายกันขนาดนี้เลยเหรอ” ก้มมองเศษไม้สองชิ้นที่พื้นหน้าชั้นเรียนพร้อมเสียงกร้าว “ใครทำไม้ตีระนาดหัก”


    นักเรียนทั้งห้องหุบปากนิ่งนั่งตัวลีบ ไม่มีใครกล้าสบตาคุณครูวิชัย


    “ใครเป็นคนทำ” คุณครูวิชัยกวาดตามองทั่วห้อง “ยอมรับมาซะดี ๆ ไม่อย่างนั้น” เหมือนตาขวาคุณครูกำลังกระตุก “ถ้าไม่มีคนยอมรับครูจะหักคะแนนจิตพิสัยทั้งห้อง”


    นักเรียนหลายคนพากันเหล่ตามองทางตัวการทั้งสี่คน ไม่มีใครกล้าพอที่จะยืดอกรับ


    “แมนค่ะ คุณครู แมนเป็นคนทำ” เด็กหญิงผมสั่นคนหนึ่งชี้นิ้วไปทางเด็กชายแมน


    เด็กชายแมนก้มหน้าหลบตากลัวความผิด คุณครูวิชัยมองไปทางแมนโดยยังไม่ได้พูดอะไร


    “แล้วก็ระพีกับวายุด้วยค่ะ” เธอฟ้องต่อ


    คุณครูวิชัยกวาดตามองเด็กทั้งสามคน “แมน ระพี วายุ ออกมาหาครูหน้าชั้นเรียน”


    เด็กชายทั้งสามคนเดินคอตกออกมาหน้าชั้นเรียน ทั้งห้องเรียนเงียบกริบ


    “เธอทั้งสามคนทำอย่างที่เพื่อนเขาบอกจริงไหม ” คุณครูวิชัยเค้นคำตอบ เด็กชายทั้งสามก้มหน้ามองพื้น “ถ้าไม่ตอบแสดงว่าเป็นฝีมือของพวกเธอ” สีหน้าของเด็กชายทั้งสามซีดเผือกอย่างเห็นได้ชัด


    คุณครูวิชัยเดินไปหยิบไม้เรียวที่วางไว้หน้าห้อง เตรียมพร้อมจะลงโทษผู้กระทำผิด


    “ช้าก่อนครับคุณครู” เสียงเด็กชายสมชายตะโกนลั่นออกมาจากหลังห้อง


    “อะไรของเธอสมชาย”


    “มันจะดูเป็นสิ่งโหดร้ายไปหน่อยที่จะตีคนผิดทั้งสามคนนั้น ทั้งที่จริงมีคนทำผิดอีกคนที่ยังไม่ได้เปิดเผยตัว” เด็กชายสมชายเดินเก็กแมนแหวกกลุ่มนักเรียนออกมาจากหลังห้อง


    “มีใครอีก”


    เด็กชายสมชายมองไปทางเด็กหญิงแนท “ก็แนทยังไงล่ะครับ”


    เด็กหญิงแนทนั่งตัวสั่นทำท่าเหมือนจะร้องไห้ออกมา


    “จริงไหมแนท” คุณครูวิชัยเขม่นตาถาม เด็กหญิงแนทไม่ตอบอะไรได้แต่ร้องไห้ออกมา คุณครูและเพื่อนในห้องทุกคนมองเด็กชายสมชายเป็นตาเดียวกัน


    “สมชายมาหาครูหน้าห้องหน่อยสิ”


    เด็กชายสมชายเดินยิ้มกระหยิ่มออกไปหน้าชั้นเรียน “มีอะไรเหรอครับคุณครู”


    คุณครูวิชัยยิ้มตากระตุก “เรียนเสร็จ แมน ระพี วายุแล้วก็แนทไปหาครูที่ห้องพักครู” หันมองหน้าสมชายและลดตามองบางอย่างที่เหน็บไว้ข้างเอว “ส่วนเธอสมชาย เอาชาวเบาว์มาให้ครู”


    “อ้าววววว” เด็กชายสมชายงงกับสิ่งพลิกผันที่เกิดขึ้น


    “ในวิชาเรียนเอาซาวเบาว์เข้ามาฟังได้ยังไง เอามานี่” คุณครูวิชัยยื่นมือขอซาวเบาว์ เด็กชายสมชายค่อย ๆ ดึงออกจากเข็มขัดส่งให้ ที่มุมห้องด้านหลังไอ้แว่นมองตาเขียวด้วยความแค้น



    หมดชั่วโมงนักเรียนทั้งสี่รวมถึงสมชายกับแว่น ไปหาคุณครูวิชัยที่ห้องพักครู คุณครูวิชัยทำโทษแมน ระพี วายุแล้วก็แนทด้วยการว่ากล่าวตัวเตือนและตัดคะแนนจิตพิสัย ส่วนเรื่องซาวเบาว์คุณครูวิชัยตัดคะแนนจิตพิสัยเช่นกันแล้วให้สมชายมาเอาคืนตอนโรงเรียนเลิก


    “ที่หลังเราไม่ให้สมชายยืมแล้ว เห็นไหมโดยริบไปเลย” แว่นพาลใส่สมชาย


    “เรื่องแค่นี้เอง ไม่ต้องซีเรียส เข้าใจไหม ไม่ต้องซีเรียส เดี๋ยวตอนเย็นไปเอาคืนให้” สมชายตบบ่าแว่นทำท่าเห็นใจแบบหลอกลวง


    หลังเลิกเรียนสมชายกับแว่นไปหาคุณครูวิชัยที่ห้องพักครูตามนัด แต่คุณครูวิชัยไม่อยู่ แว่นรอไม่ไหวเพราะได้เวลารถนักเรียนมารับจึงกลับไปก่อน พร้อมทั้งกำชับให้สมชายรอจนคุณครูวิชัยมา สมชายรับมั่นเต็มปากเต็มคำ แต่พอแว่นเดินหลุดหายไปตรงมุมตึกสมชายก็เดินสบายใจกลับบ้านโดยไม่คิดจะรีรอ



    เช้าวันรุ่งขึ้นนักเรียนในห้องกำลังล้อมวงจับกลุ่มซุบซิบเรื่องอะไรบางอย่าง สมชายอยากรู้อยากเห็นเบียดเสนอหน้าเข้าฟัง


    “ฉันว่าแล้วว่าในห้องนั้นต้องมีผีสิง” เสียงเด็กหญิงคนหนึ่งในกลุ่มแสดงความคิดเห็น


    “ต้องเป็นเพราะเรื่องเมื่อวานแน่ ๆ”เด็กชายคนหนึ่งโพลงขึ้น


    “คุยเรื่องอะไรกันเหรอ” สมชายแทรกถาม


    เด็กทั้งกลุ่มมองหน้าสมชาย “ก็เรื่องเมื่อวานไง ที่พวกแมนทำไม้ตีระนาดหักน่ะ” เด็กหญิงเล่าด้วยน้ำเสียงระทึก


    “แล้วยังไง” สมชายสงสัยถามต่อ


    “ตอนเย็นมีคนได้ยินเสียงดนตรีไทยจากห้องนั้นด้วยแหละ”


    “เหรอ เป็นไปได้ยังไง มีคนแอบเข้าไปเล่นหรือเปล่า”


    “ไม่มีคนแอบเข้าไปเล่นหรอก เพราะมันตอนเย็นแล้ว มีนักเรียนอยู่แถวนั้นไม่กี่คน”


    “ฉันว่าต้องเป็นไม้ระนาดผีสิงแน่ ๆ เลย พอพวกแมนทำไม้หักวิญญาณก็ถูกปลดปล่อยออกมา” เด็กชายกล่าวอย่างมั่นใจ สมชายส่ายหัวด้วยไม่เชื่อสิ่งที่เพื่อน ๆ เล่า เดินหลบเข้าห้องเรียน


    ที่โต๊ะของสมชาย แว่นนั่งทำท่าเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ ทวงถามหาซาวเบาว์สมชายบอกปัดไปว่าเมื่อวานรอคุณครูวิชัยตั้งนานแต่ก็ไม่เจอ


    “รอจนถึงเย็นเชียวนะ” สมชายโกหกหน้าตาย


    “จริงหรือเปล่า แล้วคุณครูวิชัยหายไปไหนล่ะ” แว่นทำเหมือนไม่เชื่อคำพูดสมชาย


    “ไม่รู้สิ แต่ฉันสาบานได้นะ ว่ารอตั้งนาน แล้วมีเรื่องจะเล่าให้ฟัง” สมชายขับแววตาจริงจัง “เมื่อวานนะเอ็งเชื่อปะ ตอนที่ข้ารอคุณครูวิชัยอยู่ ข้าได้ยินเสียงแว่ว ๆ อะไรบ้างอย่างที่ห้องดนตรีด้วย”


    “เสียงอะไรวะ”


    สมชายหันซ้ายหันขวา “เอ็งรู้แล้วอย่างเอาไปบอกใครเชียวนะ คือว่า ...ข้าได้ยินเสียงดนตรีไทยดังมาจากในห้องนั้นวะ ขนนี่ลุกชันไปทั้งตัวเลย” สมชายทำท่าทางประกอบ


    “แล้วเอ็งทำไงต่อ” แว่นเสียงอยากรู้อยากเห็น


    “ข้าก็เดินเข้าไปใกล้ ๆ ใช่ปะ เสียงค่อย ๆ ดังขึ้น ๆ เต็มสองหูเลย” น้ำเสียงตื่นเต้นขึ้นเรื่อย ๆ

    จากคุณ : เรือ่ยเปื่อยไปวันๆ - [ 12 เม.ย. 47 13:32:50 A:203.151.206.82 X:203.147.26.29, 203.147.26.123 ]