คือสัญญา ตอนที่ 10

    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2740590/W2740590.html

    ตอนที่แล้ว

    =============

    ปฏิการยกมือตบหลังร่างสั่นเทาในอ้อมแขนเบา ๆ  น้ำตาของเธอไหลซึมจนเสื้อของเขาเปียกชื้น  ครู่หนึ่งเธอเริ่มมีสติรู้ตัว  และรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น  จึงขยับตัวถอยออกมา  ไม่มีใครที่จะทุกข์  เศร้า  เจ็บปวดได้ตลอดเวลาในปริมาตรความทุกข์ที่มีความหนาแน่นเท่ากันได้  เหมือนกราฟเมื่อขึ้นถึงจุดสุดยอด  ย่อมต้องค่อย ๆ ลดลง  ความทุกข์ของคนเราก็เหมือนกับน้ำร้อนจัด  ที่เมื่อตั้งทิ้งไว้ให้เวลาผ่านไป  น้ำนั้นย่อมไม่อาจคงความร้อนเท่าเดิมได้

    เขาจับมือเธอขึ้นมากุมไว้เบา ๆ

    “นะปริม  ไปทานข้าวกันนะ  ปรามจะได้ดีใจ  ปริมจะได้มีแรงด้วย  เดี๋ยวไม่สบายไปอีกคนจะทำไงล่ะ”  เขาขอร้องเธออีกครั้ง  เฝ้ารอคอยคำตอบที่เธอจะตอบตกลงไปทานข้าวกับเขาอย่างใจจดใจจ่อ

    ปริมพยักหน้าช้า ๆ  พลางยกมือป้ายน้ำตาข้างแก้ม  มองหน้าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า  ทั้งสีหน้า  แววตา  น้ำเสียง  ทุกสัมผัสของผู้ชายคนนี้  เต็มไปด้วยความห่วงใยเธอที่สุด  นอกจากพี่ปรามแล้ว  เขาทำให้เธอรู้สึกว่า  คน ๆ นี้เป็นอีกคนหนึ่งที่เป็นห่วงเธอกว่าใคร  

    ในระหว่างที่ปรามป่วยอยู่  ทุกปัญหาทุกเรื่องราวที่ผ่านเข้ามา  ปฏิการจะยื่นมือเข้ามาช่วยแก้ไข  ช่วยเหลือให้ผ่านไปได้ด้วยดีเสมอ   ทุกคำพูดของเขาแต่ละคำทำให้เธอได้คิด  และจนด้วยเหตุผลที่จะโต้แย้งใด ๆ    เธอจะต้องเชื่อมั่นว่าพี่ชายของเธอจะต้องปลอดภัย  เธอจะต้องไม่หมดหวัง   เธอจะต้องมีกำลังใจ  ตั้งใจว่าต่อไปนี้จะดูแลตัวเอง  เพื่อรอวันที่พี่ชายของเธอจะฟื้นขึ้นมาอย่างแน่นอน   จะทำหน้าที่ของเธอที่ควรทำให้ดีที่สุด  

    ใช่แล้ว!!  ที่เธอมัวทุกข์อยู่นี้  มัวเศร้าโศกอยู่นี้  มันเป็นแค่การคิดไปเองเท่านั้น   เหตุการณ์ที่เธอคิดมันอาจจะไม่เกิดขึ้นก็ได้  เธอมัวทุกข์อยู่กับความคิดของตัวเองที่มัวคิดไปเองทั้งนั้น   และมันไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้นเลยจริง ๆ

    “ปริม  ช่วงนี้ฉันขอไปรับไปส่งปริมนะ ได้มั้ย”  

    ปริมมองหน้าชายหนุ่ม
    “ขอบคุณนายมากนะ   ฉันรู้…ที่ผ่านมา  ฉันทำให้นายเป็นห่วง  นายก็มีงาน  ไหนจะเรื่องเรียน  ไหนจะกิจกรรมของชมรม  นายมีเรื่องที่ต้องทำมากอยู่แล้ว  อย่าลำบากเลยนะ  ฉันสัญญาว่าจะดูแลตัวเอง  ไม่ทำให้นายต้องเป็นห่วงอีกแล้ว”

    “ปริมต้องทำให้ฉันเห็นก่อนว่า  ปริมเข้มแข็ง  ดูแลตัวเองได้  ทำให้ฉันมั่นใจก่อน  แต่ตอนนี้ฉันยังไม่เชื่อหรอก  ต้องขอเวลาพิสูจน์ก่อนนะ   ช่วงนี้ขอไปรับไปส่งก่อนละกัน  โอเคนะ”  เขาแกล้งทำหน้าเครียด  พูดเชิงบังคับอยู่ในที  แต่แอบอมยิ้มอยู่ในใจ

    เธอรู้สึกอับอายขายหน้าเขาเหลือเกิน  ที่เอาแต่อ่อนแอ  ขี้แยให้เขาเห็นอย่างนี้  แถมยังถูกเขากอดไว้ก่อนหน้านี้อีก  รู้สึกตำหนิตัวเองอย่างแรง  ที่ไม่เข้มแข็งและไม่เอาไหนเสียเลย

    หญิงสาวขยับมือออกจากการกุมไว้ของชายหนุ่ม   แต่ถูกเขายึดมือเธอไว้ไม่ยอมคืนให้

    “ว่าไงล่ะ”  เขารอเธออนุญาต  ราวกับว่าถ้าไม่ตอบตกลงจะไม่ยอมปล่อยมือเธอ

    “ก็ได้!!  ยุ่งกับชีวิตฉันจังเลย!!”  เธอแกล้งบ่นอย่างรำคาญเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกอาย ๆ  ที่อยู่ ๆ ก็ก่อร่างสร้างตัวขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้  ไม่อาจปฏิเสธความรู้สึกของตัวเองได้เลยว่าตลอดเวลาที่ได้อยู่ใกล้ ๆ เขา  คน ๆ นี้ทำให้เธอรู้สึกดี  อบอุ่น  และสบายใจ   ปริมรีบกระชากมือตังเองคืนมาแล้วเดินหนีไป  ก่อนที่เขาจะจับความรู้สึกที่แท้จริงของเธอได้   เดินเลี่ยงไปที่เตียงผู้ป่วยกลางห้อง  แล้วกระซิบบอกพี่ชายเบา ๆ

    “พี่ปราม…ปริมไปกินข้าวก่อนนะคะ  แล้วจะมาเยี่ยมใหม่  คราวหน้าพี่ห้ามนอนหลับแบบอีกนี้นะ  ต้องตื่นขึ้นมาพูดคุยกับปริมด้วย   ไม่งั้นปริมไม่ยอมด้วยล่ะ”

    ปฏิการยิ้มออกอย่างโล่งอกโล่งใจ  ที่เห็นเธอดูร่าเริงขึ้น  และหวังว่าเธอจะดีขึ้นเรื่อย ๆ  ความเป็นห่วงกังวลใจค่อย ๆ  เลือนหายไปบางส่วน  เขาเองก็อยากให้เพื่อนรักฟื้นขึ้นมาเร็ว ๆ เหลือเกิน  แต่ไม่กล้าแสดงความเป็นห่วงกังวลออกมา  กลัวว่าจะทำให้ปริมรู้สึกแย่มากไปกว่านี้  เขาต้องเข้มแข็งเพื่อเป็นหลัก  เป็นที่พึ่ง  เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจให้เธอ

    ==============  

    ใต้ร่มไม้หน้าชมรมดนตรี  แดดยามสายสะท้อนเงาต้นไม้ใหญ่ทาบลงบนพื้นคอนกรีต   ลมพัดเย็นสบาย  กระดาษสีขาวยับย่นเล็กน้อยสิบกว่าแผ่นอยู่ในมือชายหนุ่มไหวเล็กน้อย  กลางหน้ากระดาษเขียนว่า  รายชื่อผู้เข้ารอบในการแข่งขันวงดนตรียอดเยี่ยม  ปฏิการพลิกดูรายละเอียดแต่ละหน้าอย่างคร่าว ๆ    ก่อนจะปล่อยจิตใจดิ่งจมลงกับเหตุการณ์วันก่อนที่เขาต้องคิดถึงแล้วคิดถึงอีก และไม่รู้สึกเบื่อที่จะคิดถึงเลย…แม้เหตุการณ์นั้นจะผ่านมานานเป็นเดือนแล้วก็ตาม

    ปริมหันมามองทันที  ที่เขาเปิดประตูเข้ามาในห้องผู้ป่วย  ก่อนจะลุกขึ้นเดินมาหาเขาด้วยรอยยิ้มสดใสของคนมีความสุขเหลือเกิน  ประกายสายตาไม่มีความกังวลหม่นหมองฉายอยู่อีกแล้ว   รอยยิ้มของเธอทำให้เขาพอจะเดาออกว่า  เพราะอะไร?

    “การ…พี่ปรามฟื้นแล้วล่ะ!!”  เธอบอกเขาด้วยน้ำเสียงดีใจสุดขีด   พลางจับมือเขาบีบไว้แน่นอย่างลืมตัว   ราวกับเก็บสะสมความรู้สึกดีใจเอาไว้อย่างมากมาย  เพื่อรอที่จะบอกกล่าวกับเขาให้รับรู้

    “จริงหรอ!!”  หนุ่มผมยาวทำหน้าตาตื่นเต้นไม่แพ้กัน   แล้วพากันเดินเร็ว ๆ ไปยังเตียงคนไข้ที่อยู่กลางห้อง  เขารู้สึกโล่งจิตโล่งใจ  เหมือนยกภูเขาหนักอึ้งออกจากอก  เหมือนโซ่ตรวนแห่งความกังวลใจถูกปลดออกแล้ว

    ต่างคนต่างหันมายิ้มให้กันอย่างดีอกดีใจ   เพื่อส่งผ่านความรู้สึกดีดีให้แก่กันและกัน

    “พ่อมาตรวจแล้ว  บอกว่าสมองไม่มีอะไรกระทบกระเทือนด้วยล่ะ  ฉันดีใจที่สุดเลย”

    “เห็นมั้ย  บอกแล้วว่าปรามจะไม่เป็นอะไร”  เขามองเธอยิ้มแย้มอย่างมีความสุข  ไม่ได้เห็นเธอยิ้มอย่างเต็มยิ้ม  ยิ้มออกมาจากหัวใจที่มีความสุขแบบนี้นานแล้ว…นานเหลือเกิน…

    เขาอยากขอบคุณเธอที่ให้ความเป็นกันเอง  ให้ความสนิทสนม  เชื่อใจ  ไว้ใจกับเขาขนาดนี้ มองมือของเธอที่จับมือของเขาเอาไว้แน่น  อยากให้เราต่างรู้สึกดีดีแบบนี้ต่อกันตลอดไป

    มีสิ่งหนึ่งแวบขึ้นมาในจิตใจ  และสิ่งนั้นเองบอกกับเขาอย่างมั่นใจและแน่ใจที่สุดว่า  เขาค้นพบหัวใจของตัวเองแล้ว  และคน ๆ นี้เองที่เขาอยากดูแลเธอตลอดชีวิต  ตลอดช่วงเวลาที่เขายังมีลมหายใจอยู่  

    เขาชอบเธอจริงหรือ?  หรือแค่เพียงต้องการเอาชนะเธอเท่านั้น?  

    ตอนนี้เขารู้คำตอบของคำถามนี้แล้ว  เขาตอบคำถามนี้ได้แล้ว   มีความรู้สึกบางอย่างเกิดขึ้นในจิตใจของเขา  เขารู้ว่า… เขาไม่ได้ชอบเธอแล้วขณะนี้  แต่…เป็นความรู้สึกที่มีมากกว่านั้น…

    “ฉันรักเธอ…ปริม….”  

    เขาได้แต่แอบบอกเธออยู่ในใจ   เหตุการณ์ที่ผ่านมาสอนเขาว่าเขาควรจะเงียบมากกว่าที่จะต้องบอกความรู้สึก  ความต้องการข้างในให้เธอรับรู้   เพราะทุกครั้งที่เขาพยายามจะบอกเธอ   เธอต้องแสดงความอึดอัดรำคาญใจทุกครั้ง   เธอต้องไม่พอใจ   โกรธเขาทุกที   และต่อไปนี้เขาตั้งใจแล้วว่า   จะไม่บอกเธออีกเลย  จะเก็บความรู้สึกที่แสนดีนี้เอาไว้  จะเก็บไว้ในใจเงียบ ๆ คนเดียว  แค่ได้รักเธอแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว

    เขาไม่รู้ว่าความรักของคนอื่นคืออะไร  แต่รู้ว่าความรักของเขาคือ  การที่ได้เห็นคนที่เขารักมีความสุข  ยิ้มได้  หัวเราะได้   อยากทำให้คนที่เขารักมีความสุข  อยากทำให้เฉย ๆ  อยากทำให้จริง ๆ แค่อยากทำให้  ไม่คิดว่าต้องได้รับอะไรตอบแทน  แค่รู้สึกว่าอยากทำให้รู้สึกดีดีเท่านั้นเอง

    เหมือนเธอจะรู้และสัมผัสความรู้สึกของเขาได้  สายตาของเขาที่มองมาสร้างความหวั่นไหวในหัวใจของเธอไม่น้อยเลย   ไม่มีคำพูดใด ๆ   แต่รู้สึกเหมือนสายตาของเขาบอกหลายสิ่งที่มากมายกว่าคำพูดเสียอีก    ปริมหลบสายตาชายหนุ่ม   พยายามเก๊กหน้าเรียบเฉย  ทำไม่รู้ไม่ชี้   พยายามทำหน้าตาให้ปกติที่สุด  รีบถอนมือตัวเองกลับไป  แต่ถูกชายหนุ่มรั้งเอาไว้

    “นี่!!  รู้นะว่าคิดอะไรอยู่”  แกล้งทำเสียงเอาเรื่องกลบเกลื่อนความรู้สึกเขินอายที่ปะทุขึ้นมาอีกแล้ว  ไม่รู้ทำไมต้องรู้สึกอย่างนี้ด้วยนะ  แต่ก็ไม่อาจปกปิดความรู้สึกดังกล่าวได้มิด

    “รู้อะไร  ไหนลองบอกมาซิ  ถ้ารู้ผิดล่ะก้อ…ต้องถูกลงโทษนะ”   เขาอมยิ้มแกล้งถาม  สายตามองปฏิกิริยาของเธอตลอดเวลา  เวลานี้เธอดูน่ารักเหลือเกิน

    “ไม่รู้แล้ว  ตอนนี้คิดไม่ออก  ไปห้องน้ำก่อนนะ”  เธอรีบผลุนผลันเดินหนีเข้าห้องน้ำไปหน้าตาเฉย

    ============  

    “พี่การรรรรรรรรรร!!!”  เสียงรุ่นน้องในชมรมดนตรีมายืนเรียกอยู่ข้างหู  ลากเสียงยาวเฟื้อย  หลังจากเห็นรุ่นพี่นั่งอมยิ้มคนเดียวอย่างเหม่อลอย

    ชายหนุ่มสะดุ้ง!!  ตื่นจากภวังค์ทันที!!

    “ใจลอยน้า…พี่การ   จะได้เวลาประกวดการแข่งขันแล้วพี่  เข้าประจำโต๊ะกรรมการได้แล้ว”

    ปฏิการยิ้มอย่างเขิน ๆ พูดอะไรไม่ออก  รีบกระวีกระวาดลุกขึ้นหยิบกระดาษขาวเดินตามรุ่นน้องไปทันที


    จากคุณ : ริเศรษฐ์ - [ 16 เม.ย. 47 14:56:09 ]