4)
ข้างฝ่ายฐากรกุฑณ์ อันเป็นบิดาของเด็กสาวผู้เฉิดโฉมแลเป็น
เจ้าเมืองนั้น พลันได้ยินคำจากบ่าวผู้หนึ่งที่กระหืดกระหอบเข้ามาราย
งานถึงการปรากฎตัวของศินรสิงห์อันเป็นเจ้าของดาบอ่อนและฝีมือขว้าง
มีดสั้นอันไม่มีใครในแผ่นดินเทียบติดได้ ก็สั่งมือดีจำนวนสิบคนมา
ประชุมพร้อมหน้ากัน กล่าวว่าในที่สุดแล้วข่าวที่เราได้รับมานั้นก็เป็น
เรื่องจริง ทัพของเจ้าเด็กน้อยผู้โอหังได้แอบเคลื่อนมาประชิดติดพันถึง
ชายป่าแห่งนี้ดั่งว่า มันคงกระหยิ่มยิ้มย่องว่าการคืบหน้าของมันจะไม่
เป็นที่ล่วงรู้ถึงหูเรา นี่แหละหนาที่เขาว่าอันขิงอ่อนนั้นฤๅจะสู้กับขิงแก่
ซึ่งเผ็ดกว่าได้ ฉะนั้นเลยเราจะซ้อนแผนมันแลลวงขยี้พวกมันให้แหลก
ยับคามือ ยิ่งตอนนี้เราก็ทราบแล้วว่าเจ้าศินรสิงห์มันได้ปรากฏตัวขึ้น ณ
ที่ใด แลหาได้มีความระแวดระวังใดไม่ ต่อให้มันมีสิบกรดาบร้อยเล่ม
ฟาดฟันในคราวเดียวมันฤๅจะพ้นมือพวกเราได้ ดูนี่เจ้ามานพ เอ็งกะ
สมุนทั้งหลายอีกเก้าคน รีบรุดไปจับตัวมันมาให้ได้ไม่ว่าเป็นหรือตาย
เมื่อจับมันมาได้แล้วให้รีบพามันมาหาข้าโดยเร็ว
ฝ่ายมานพ อันเป็นสมุนมือขวาฝีมือเยี่ยมของฐากรกุฑณ์ ผู้ซึ่ง
มีจิตปฏิพัทธ์ธิดาแสนสวยของเจ้านายมาตั้งแต่เริ่ม หัวอกให้ครุกรุ่น
ด้วยแรงริษยาหึงหวงเมื่อได้รู้จากข่าวนางอันเป็นหัวใจได้แอบลอบไปหา
เจ้าหนุ่มอันเป็นศัตรูตัวฉกาจนั้น เมื่อได้ยินคำสั่งดั่งนั้นก็ตวาดเสียงดัง
สนั่นให้สมุนทั้งหลายติดตามกระชั้นชิด รุดหน้าเข้าราวป่าไปอย่างรวดเร็ว
ข้างฝ่ายเจ้าชายศินรสิงห์ หลังจากช่วยชีวิตหญิงสาวผู้ถวิลหา
ทุกทิวาราตรีจากกรงเล็บพยัคฆ์ร้ายมาได้อย่างหวุดหวิดแล้ว หารู้ไม่ว่า
ตัวเองถูกพบเห็นจากการเผยดาบอันเสมือนสัญลักษณ์คู่กายนั้นออกมา
ถลาเข้าประคองนางจากพื้นปัดป่ายวัชพืชเศษธุลีออกจากลำตัว ละล่ำลักถามไถ่อาการบาดเจ็บอยู่อึงมี่ สร้างความพิพักพิพ่วนให้กับนางเป็น
ยิ่งนัก ส่วนเจ้าไอยราสุนัขดำขนปุยนั้นเล่า ก็กระโดดโลดเต้นอยู่รอบ
ตัว ในความอางขนางนั้นจึ่งเต็มไปด้วยความปิติสำเริงใจ โดยแยกไม่
ถูกว่าดีใจในสิ่งใดมากกว่าแน่ อีกทั้งอาการขวัญหนีอันเกิดจากภัยสัตว์
ร้ายก็ยังมิหายไปจากหัวอก จึ่งได้แต่นั่งนิ่งในอ้อมมือของเจ้าหนุ่มที่ใช้
มือปัดโน่นนี่วุ่นวาย แลเมื่อตั้งสติได้ก็ประจักษ์ถึงอาการเปลี่ยนของเจ้า
หนุ่มผู้คมคายนั้น แต่แรกที่พบกันคราวถูกงูยักษ์รัดกาย อาการเย็น
ชาที่แสดงออกมาเมื่อครานั้นได้หายไปหมดจนสิ้นแล้ว เหลือแต่เพียง
ดวงตาอาทรห่วงใยทีแสดงออกมาอย่างเต็มที่ ข้างตัวเองเล่าก็ใช่จะ
เหมือนเดิม การได้พบกับเขาอีกครั้งในครานี้หัวใจราวถูกกระตุกวูบสู่
ความกำซาบใจที่อธิบายไม่ได้ ความรู้สึกนี้มันได้แปรเป็นความร้อนที่ซู่
ขึ้นที่ผิวแก้มแล้วลามไปสู่ร่างกาย วาบวับในฤดีเหลือที่จะกล่าว
จะด้วยเป็นเฉกเช่นนางที่ตั้งสติได้ อีกทั้งการไม่เข้าใจในรู้สึกตัว
ปากของเจ้าหนุ่มก็ไพล่ไปกล่าวในสิ่งที่นางก็คิดไปไม่ถึง ว่าก็นางเอย
ไฉนเลยเจ้าถึงพาไอ้พยัคฆ์ร้ายตัวนั้นมาด้วยเล่า พบกันคราวใดจะต้อง
มีสัตว์ร้ายเข้ามากรายใกล้มุ่งทำร้ายเจ้าทุกที หรือตัวเจ้านี้ต้องการเรียกร้องความสนใจประดามีจากข้าอยู่เสมอ ทั้งที่เจ้าผิดสัญญาปล่อยให้ข้า
ดูแลหมาของเจ้าอยู่ถึงเจ็ดทิวาราตรี เหมือนกับมอบภาระที่ข้ามิได้ก่อ
ให้กับข้าจนข้าไม่สามารถจะทำธุระของข้าต่อได้ ดูทีรึนี่ก็ทำให้ข้าต้อง
เหนื่อยแรงต่อสู้กับพยัคฆ์ร้าย จะหาคำขอบใจสักนิดจากเจ้าก็ไม่มี
ธิดางามได้ยินดั่งนั้นก็รู้สึกฉุนขึ้นมาแทนที่ ใจคำนึงว่าดูรึเรา
อุตส่าห์เร้นกายด้วยความยากลำบากถึงเพียงนี้ สุ่มเสี่ยงต่อภยันตราย
จากอำนาจบิดาและพงไพร มาเพื่อจะแสดงซึ่งไมตรีและขอบคุณจาก
หัวใจในสิ่งดีที่เขาทำให้แก่เรา แต่แล้วเมื่อแรกพบก็ปรามาสกันต่อหน้า
เป็นคำแรกเยี่ยงนี้ เสียทีที่มอบรู้สึกดีให้ตั้งแต่ต้น รำพึงดังนั้นจึงลุก
ขึ้นทำตัวแข็งเชิดคออันระหงขึ้น วางท่าเต็มฐานันดรที่ได้รับจากเล็กแต่
น้อย ริมฝีปากน้อยเชิดรั้นด้วยความโกรธ นัยตาลุกวาวเขม็งมองเจ้า
หนุ่มตรงหน้า ก่อนกล่าววาจาเผ็ดร้อนพอ ๆ กัน
ดูฤาเจ้าหนุ่มผู้มิรู้ต่ำสูง การที่ข้ามาพบในครั้งนี้ข้าได้หาเต็มใจ
มาไม่ เพียงแต่ข้าห่วงใยสัตว์เลี้ยงของข้าจะหายดีหรือตายสิ้นไปอย่าง
ไรนั้นต่างหากคือเหตุผล และการที่ข้าจะเอ่ยขอบใจใครนั้นข้านี้ก็จน
ด้วยว่า ข้านั้นก็ได้ยื่นเงินเป็นสิ่งตอบแทนให้แก่เจ้ามาตั้งแต่ต้น อัน
ถือว่าเป็นการทดแทนในสิ่งที่เจ้าอุตส่าห์ทำให้แก่ข้าโดยคุ้มแล้ว เพียง
แต่ด้วยน้ำใจที่หยิ่งยโสอวดดีของเจ้าที่ทำให้เจ้าไม่รับเงินของข้า เจ้าจะ
มาหาว่าข้าไม่สนองตอบน้ำใจของท่านนั้นจึงผิดสิ้นแล้ว อีกประการ
หนึ่งเล่าการที่ข้าต้องผจญกับสัตว์ร้ายมาถึงสองครั้งครานั้นก็ใช่ว่าข้าจะ
เรียกหรือขอความช่วยเหลือจากเจ้าแต่อย่างใด การที่ข้าจะเป็นหรือ
ตายข้าก็มิได้อาศัยให้เจ้ายื่นมือเข้ามาจัดการให้ แต่ถ้าเจ้าจะเอา
ประเด็นที่ข้าร้องขอเมื่อท้ายของคราวที่แล้วให้ช่วยดูแลสัตว์เลี้ยงของข้า
มาเป็นข้ออ้าง ข้าก็จะยอมกล่าวคำว่าขอบใจเจ้าสักหนึ่งครั้ง เป็นการ
ทำลายล้างไมตรีที่ข้าคิดว่าจะมีระหว่างเราไปเสียให้สิ้นเรื่อง
จากนั้นนางก็หันมาเรียกเจ้าไอยราให้เข้าใกล้ ก้มกายลงอุ้มขึ้น
แนบอุระ เสกรีดน้ำออกจากปลายเนตรด้วยความคับแค้นบางประการ
หันหลังได้ก็เดินดุ่มทิ้งให้เจ้าหนุ่มยืนนิ่งอยู่หนหลัง ฝ่ายเจ้าหนุ่มได้ยิน
ดังนั้นก็ให้นึกแปลกใจตัวเองอยู่ ว่าเหตุใดปากของเราจึงพูดไปเช่นนั้น
ได้ ทั้งที่หัวใจก็ร่ำร้องอยู่ทุกเมื่อเพื่อให้ได้เห็นหน้านาง ประหนึ่งพง
หญ้าแห้งสลดซบเรียกร้องร่ำรอน้ำฝนหยาดจากฟ้า หากเมื่อฝนฟ้าตก
พรำมาต่อหน้ากลับชูก้านยิ่งยโสเข้าใส่ กระไรเลยเรานี่เองจะต้องขอ
โทษและขอบใจนางจึงจะถูก ในแง่ที่ปากเสียโดยใช่ที่ แลในแง่ที่นาง
อุตส่าห์มาให้เราเห็นให้ชุ่มฉ่ำใจ
แต่จะด้วยสาเหตุใดไม่ปรากฏ เท้าของเจ้าหนุ่มยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม
ปากที่เตรียมอ้าตะโกนเรียกเพื่อรั้งกลับก็ชะงักค้างอยู่เช่นนั้น อยู่ ๆ ใน
ความคิดก็เต็มไปด้วยภาระหนักหนาสาหัสที่แบกรับไว้โดยชาติกำเนิด
ภาพบิดาที่ต้องคมอาวุธนอนเจ็บอยู่เป็นแรมเดือนกว่าจะสิ้นใจ เสียงสั่ง
เสียให้กู้แผ่นดินคืนยังดังก้องอยู่ในจิตสำนึกไม่เว้นวาย นั่นจึงเป็นหนึ่ง
ในเหตุที่ฉุดเจ้าไว้มิให้ทำในสิ่งที่หัวใจร่ำร้องดังว่า
ทรุดกายลงนั่งเหม่อมองนางจนลับตา ลิบ ๆ นั้นยังเห็นดวงตา
ของเจ้าไอยราส่งมาประสบฉายแววไม่เข้าใจ ลิ้นแดงห้อยออกมาขณะ
ชูคอมองเขาเหมือนจะสั่งลา เจ้ามองตามจนภาพจางบางบดด้วยสิ่งอื่น
ทอดถอนใจเอนหลังลงบนพื้นหญ้า เหม่อมองฟ้ายามนั้นด้วยหัวใจที่
เจ็บปวดแปลบปลาบ ฉับพลันนั้นก็มีสิงหนึ่งปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า
มันคือว่าวจุฬาสีกลืนกับท้องนภา ส่ายซ้ายขวาไปมาแล้วพยัก
ยื่นถลากลับเป็นความนัย สัญญานนี้เป็นที่เข้าใจของเจ้าหนุ่มว่าส่งมา
จากทัพใหญ่ที่แอบซุ่มเคลื่อนที่มาด้วยความเงียบ ถอดแปลออกมาได้
ว่ากำลังถูกโจมตี
เจ้าหนุ่มถลาขึ้นด้วยความตกใจเหลือที่จะกล่าว อะไรเล่าทำให้
เจ้านครแห่งนี้ได้รับรู้ก่อนการณ์ที่กำหนดไว้หลายวันว่าทัพตนจะล้อมนคร
แต่ก่อนที่จะค้นหาคำตอบขึ้นมาได้ เจ้าก็ถูกรุมล้อมไว้ด้วยฉกรรจ์เก้า
คน แต่ละคนมีดาบคมวับกระชับมั่น กระเหี้ยนกระหือรือหมายมั่นปั้น
มือจะเข้าโจมตี หากแต่รีรอสิ่งหนึ่งสิ่งใดอยู่ จากนั้นก็เกิดเสียงกรีดร้อง
ของสตรีขึ้นในราวป่า ผสมกับเสียงตวาดดังคำรามก้องของชายผู้หนึ่ง
เจ้าหนุ่มจำได้ดีถึงเสียงสตรีนั้น เป็นนางในหัวใจของตนนั่นเอง บัดนี้
เกิดอะไรขึ้นกับนาง และเจ้าพวกเหล่านี้เป็นใคร อารามตกใจทำให้เจ้า
หนุ่มสิ้นคิด วิ่งฝ่าวงล้อมนั้นออกไปทันที
ฉกรรจ์ทั้งเก้าเหล่านั้นมีหรือจะปล่อยให้ไปโดยง่าย เงื้อมีดฟัน
หมายแสกหน้ามาด้านหนึ่ง อีกด้านหนึ่งฟันขวางมาหว่างเอว ยังมีอีก
ผู้หนึ่งถึงกับสวนแทงตรงเข้ายอดอกหมายจะบั้นชีวีให้ดิ้นไป
เจ้าใจหายวาบ พลิกศีรษะหลบคมดาบแรกเฉียดฉิวจนถากแก้ม
สะกิดโลหิตเป็นทางราวยางมะตูม อีกด้ามหนึ่งถูกผ่านพ้นด้วยการ
หมุนตัวแล้วดีดขาจนเตะปลายดาบให้ไถลได้ แต่ดาบที่แทงตรงมานั้น
เล่าก็ยากเหลือเกินที่จะหลบพ้นด้วยเหล่าพวกมันลงมือโดยพร้อมเพรียง
กัน สัญชาตญานและการฝึกปรือทำให้มือขวาป่ายวูบเพียงพริบตาดาบ
อ่อนก็ลั่นเปรี้ยะก่อประกายไฟจากแรงปะทะของดาบนั้น ทั้งสามดาบ
เมื่อเสียแม่ไม้ก็จู่ลู่รวมกลุ่มกันอีกครั้ง ครานี้พวกมันบุกเข้ามาทุกทิศ
ทาง บ้างควงดาบเป็นจักรผัน บ้างแทงตรงจากซ้ายมาขวา บ้างฟัน
ขวาง บ้างลอบเรี่ยดินหมายตัดขาของเจ้าให้ขาดกลาง เจ้าหนุ่มรั้งสติ
ทุ่มเทสมาธิเต็มที่กับการรับศึกครั้งนี้ มองแต่ไกลราวแมลงปอว่อนเหนือ
เกสรนุ่นที่ปลิวไสวเข้ามาทุกทิศทาง
จากคุณ :
แทน
- [
16 เม.ย. 47 22:16:50
A:202.57.186.170 X:
]