=[+] ฉิกจับอิด [+]= นิยายจีนร่วมแต่งแนวทดลอง : ตอนที่ พิเศษ "คดีแรกของฮั่นตง"

    ฉิกจับอิดตอนพิเศษ

    คดีแรกของฮั่นตง

    เรื่องราวนี้เกิดขึ้นเมื่อฮั่นตงอายุยี่สิบสองปี และพึ่งเข้าทำงานเป็นมือปราบ

    ทันทีที่รับตำแหน่งเขาก็ถูกสั่งให้มาทำคดีแรก ณ เมืองเสียนหยางทันที
    ฟังว่าระยะหนึ่งปีมานี้ปรากฏนักฆ่ารับจ้างผู้หนึ่ง มีพลังฝีมือสูงส่ง ไปมาไร้ร่องรอย ทำงานคราใดไม่เคยพลาด และทุกครั้งยังสามารถปกปิดความลับจากราชการมิชิด จนน่าสงสัยว่าอาจมีเส้นสายกับพวกมีอำนาจในเมืองอีกด้วย

    ผู้ออกคำสั่งให้ฮั่นตงมาสืบคดีนี้คือตุลาการเที่ยงธรรมซึ่งในขณะนั้นยังเป็นที่รู้จักกันแต่ในนามของมหาอำมาตย์เฉินซื่อ ฮั่นตงยังสงสัยว่าเหตุใดอำมาตย์ผู้นี้ต้องเจาะจงเลือกมือใหม่อย่างเขาในการทำงานสำคัญด้วย

    มือปราบหนุ่มนั่งดื่มน้ำชาอยู่ ณ เหลาหรูหราแห่งหนึ่งใจกลางเมืองเสียนหยาง ขณะนั้นเป็นเวลากลางคืน

    ที่ชั้นบนของเหลามีคุณชายกรุ้มกริ่มสองคนพาผู้หญิงอีกสิบกว่าคนกำลังนั่งรับประทานอาหารส่งเสียงดังเฮฮาไม่เกรงใจผู้อื่น ซึ่งอาจถือเป็นเรื่องปกติของเหลาระดับนี้

    อย่างไรก็ตามคราวนี้มีความพิเศษตรงที่ฐานะของคุณชายทั้งสองไม่ธรรมดาเลย โดยคนหนึ่งคือหวังลี่บุตรชายแม่ทัพปราบพายัพหวังหยันผู้เลื่องชื่อ ส่วนอีกคนคืออ๋องน้อยจูอู่เอี๋ยน บุตรฉินอ๋องจูคังพระอนุชาฮ่องเต้นั่นเอง

    จริงๆ ฮั่นตงนั้นไม่อยากมาที่นี่นัก หากที่เขาต้องมาเป็นเพราะได้เบาะแสว่านักฆ่าที่ตามจับมีเป้าหมายอยู่ที่คุณชายหนึ่งในสองคนนี้ จึงจำติดตามมาคุ้มกันอย่างลับๆ

    คำโบราณกล่าวว่าบุตรหลานตระกูลใหญ่มักไม่เอาถ่านนั้นนับว่ายังใช้ได้อยู่เลย ทั้งจูอู่เอี๋ยนและหวังลี่ต่างเป็นเป็นพวกเกียจคร้าน สำมะเลเทเมา เที่ยวกินเล่นกับหมู่สตรีไปวันๆ หลายคราวยังทำตนเป็นอันธพาลมิได้เกรงใจใครจนชาวเมืองเสียนหยางต่างระอากันทั่ว ฮั่นตงเองก็เหนื่อยหน่ายใจกับหน้าที่นี้นัก

    ขณะนี้ทั้งสองกำลังเล่นทายกันอยู่ว่าใครมีสัมผัสดีกว่า หลังลี่นั้นอวดอ้างว่าตนมีความสามารถในการปิดตาขว้างมีดให้ถูกเป้าได้ พวกผู้หญิงที่ติดตามมาก็แสร้งทำกิริยาตะลึงชื่นชมกันยกใหญ่

    “เฮ้ย เจ้าไปฝึกมาจากไหน” จูอู่เอี๋ยนถามอย่างไม่เชื่อ

    หวังลี่ยักคิ้ว “ข้ามีความสามารถนี้แต่กำเนิด ไม่เชื่อจะลองทำให้ดู” เขาให้คนเอาผ้าและมีมาให้ แต่จูอู่เอี๋ยนขอตรวจสอบผ้าดูก่อน

    เมื่ออ๋องน้อยทดลองเอาผ้านั้นมาทาบตาก็หัวเราะ “ฮาฮา ผ้านี่ดูเผินๆเหมือนหนาทึบ แต่จริงๆมองลอดได้ เจ้าตั้งใจอำพวกเรานี่หว่า” คราวนี้พวกผู้หญิงหัวเราะตามครืนเป็นผลให้หวังลี่อับอายลุกขึ้นร้องว่า
    “หากมีเป้าหมายอยู่ที่ศีรษะของเจ้า แม้ข้ามองไม่เห็นก็ต้องขว้างมีดถูกเป้าแน่นอน!!!”

    จูอู่เอี๋ยนไม่กล่าวอะไรเพียงแต่พยักหน้าเป็นเชิงรับคำท้า

    ฮั่นตงฟังอยู่ตลอดก็กัดฟันคิดในใจว่าพวกนี้เล่นอะไรบ้าๆอีกแล้ว ครั้นจะปล่อยให้ตายก็กระไรอยู่ เขาจึงจดจ้องคนทั้งสองอย่างจริงจัง คิดว่าหากหวังลี่บังเอิญปามีดถูกเป้าจริงๆก็จะใช้วิชาตัวเบาช่วยจูอู่เอี๋ยนไว้

    หากเมื่อหวังลี่เปลี่ยนผ้าผืนใหม่ให้จูอู่เอี๋ยนตรวจสอบ จูอู่เอี๋ยนกลับส่ายหน้ากล่าวว่าถ้าจะให้เชื่อมั่นจริงๆต้องดับไฟในเหลาให้หมดจึงจะแน่ใจว่าหวังลี่ไม่เห็นอะไรขณะปามีด หวังลี่โมโหก็รับให้ทำอย่างนั้น

    การนี้ทำให้ฮั่นตงอารมณ์เสียนักเพราะการใช้อำนาจดับไฟในเหลาแม้ชั่วคราวก็เป็นการรบกวนแขกคนอื่นอย่างยิ่งนอกจากนั้นยังทำให้เขาไม่สามารถมองเห็นและไม่สามารถเข้าไปช่วยหากเกิดการผิดพลาดขึ้นด้วย
    “ถ้าอยากตายขนาดนั้นก็ตามใจ” ฮั่นตงคิด และตัดสินใจจะไม่สนเรื่องราว

    สักครู่คุณชายทั้งสองก็บังคับให้ทางเหลาดับไฟ มีเสี่ยวเอ้อออกมาขอโทษขอโพยแขกทั้งปวง ซึ่งเนื่องจากชาวเมืองเสียนหยางต่างทราบนิสัยและฐานะของสองคนนี้ดี จึงไม่มีใครกล้าว่าอะไร ได้แต่เพียงสาปแช่งอยู่ในใจเท่านั้น

    เมื่อถึงเวลาหวังลี่ถือมีดเตรียมพร้อมและจูอู่เอี๋ยนยืนนิ่งไม่ไหวติงโดยไม่มีใครกล้ายืนใกล้เขาเลย ไฟก็ถูกดับลงหมด หากท่ามกลางความมืดนั้นฮั่นตงได้ยินเสียงฉึกเล็กๆดังขึ้น
    มือปราบหนุ่มลืมตาโพลง รีบหยิบชุดไฟส่วนตัวมาจุดขึ้น สิ่งที่เขาเห็นคืออ๋องน้อยจูอู่เอี๋ยนถูกมีดแทงเข้าที่คอหอยกำลังนอนจมกองเลือดอยู่กับพื้น!!!

    พวกผู้หญิงเห็นภาพนั้นก็กรีดร้องดังลั่น ส่วนหวังลี่ยืนตัวสั่นกับที่

    ขณะนั้นในเหลามีคนหนึ่งอ้างตัวว่ามีความรู้ทางแพทย์มาตรวจศพจูอู่เอี๋ยนก็ประกาศว่าเขาสิ้นชีวิตแล้ว ฮั่นตงไม่วางใจวิ่งขึ้นชั้นบนไปจับชีพจรของอ๋องน้อยก็พบว่าไม่เต้นจริงๆ!!
    เขาเจ็บใจที่เมื่อครู่ตนเองประมาทจนปล่อยให้คนๆหนึ่งต้องตาย เหลียวหน้ามาทางหวังลี่เห็นกำลังหน้าซีดขาว
    ระล่ำระลักด้วยความหวาดกลัว “ข้า... ข้า... ตั้งใจแค่ปาเฉียดๆเท่านั้น นี่ต้องเป็นฝีมือของคนอื่นที่มาใส่ร้ายแน่...”

    ฮั่นตงฟังดังนั้นก็โกรธจัดลุกขึ้นกระชากปกเสื้อหวังลี่ยันไปติดผนังเต็มแรง “เจ้าบ้า!!! มีดที่ปักคอจูอู่เอี๋ยนเป็นของเจ้าชัดๆ เจ้าฆ่าคนๆหนึ่งด้วยความคึกคะนองแบบโง่ๆแล้วรู้ไหม!!!”

    “จะ... เจ้าเป็นใคร” หวังลี่ถาม

    “ข้าเป็นมือปราบที่มาคุ้มกันพวกเจ้าอย่างลับๆโว้ย แต่นึกไม่ถึงก่อนจะมีใครมาฆ่าพวกเจ้ากลับฆ่ากันเองเสียก่อน!!!” ฮั่นตงร้อง

    หวังลี่ไม่เคยถูกดีต่ามาก่อน พอถูกมือปราบหนุ่มขู่เล็กน้อยก็ตกใจร้องไห้กล่าวว่า “ตะ... แต่ข้าไม่เคยปามีดมาก่อนในชีวิต จะปาถูกคอหอยเขาจังๆได้อย่างไร ...พ่อข้ากับฉินอ๋องมีเรื่องขัดแย้งกัน นี่ต้องเป็นฝีมือของคนที่ต้องการใส่ร้ายแน่...”

    ฮั่นตงฟังดังนั้นก็ฉุกคิดว่ามีนักฆ่ากำลังเพ่งเล็งคุณชายสองคนนี้อยู่ และนี่อาจเป็นการจัดฉากฆาตกรรมจริงๆ เขาจึงหันไปถามคนตรวจศพว่า “สภาพมีดที่ปักคอหอยเป็นอย่างไร?”

    คนตรวจศพตรวจเห็นเป็นมือปราบก็ยอมร่วมมือ กล่าวว่า “มีดที่ฆ่าอ๋องน้อยนั้นผ่าไปเรียบมาก และดูจะมีกำลังแรง ผู้ใช้น่าจะมีวรยุทธสูงส่งทีเดียว”

    “เจ้าแน่ใจรึ?”

    “แน่ใจ ข้าหลิวเต๋อเหว่ยเป็นหมอชันสูตรมาสิบกว่าปี รับรองไม่พลาดแน่” คนชันสูตรที่ชื่อหลิวเต๋อเหว่ยกล่าว “คนชันสูตรเก่งเท่าข้าไม่มีอีกแล้วเว้นแต่ เหลียงเฉาฉือ กับโจวชิงหัว ยอดหมอชันสูตรที่อยู่ทางใต้และตะวันออกตามลำดับ”

    ฮั่นตงฟังดังนั้นก็ได้แต่ขมวดคิ้ว หวังลี่เป็นคนไร้วรยุทธจะปามีดเช่นนั้นได้อย่างไร อย่าว่าแต่เรื่องขัดแย้งระหว่างแม่ทัพหวังหยันกับฉินอ๋องจูคังก็น่าสงสัย

    เหลียวมองซากศพจูอู่เอี๋ยนแล้วมือปราบหนุ่มก็สลดใจ จริงๆฮั่นตงเคยรู้จักกับจูคังมาก่อน ไม่นึกว่าวันนี้จะต้องมาเห็นบุตรชายของเขาตายอย่างอนาถเช่นนี้

    ...  ...  ...

    จากคุณ : เชษฐา - [ 21 เม.ย. 47 19:03:12 ]