สุขาวดี : สุดขอบฟ้าข้าคือลิขิตสวรรค์ ตอนที่๔ สินธุกับอาร์เคเดีย

    กลับมาจากเที่ยวและทำงานที่แพร่+น่านแล้วครับ แต่พฤหัสกับศุกร์นี้อาจจะชีพจรลงเท้าอีกคงไม่ได้แปะไว้ให้  เลยหาเรื่องมาแปะล่วงหน้าก่อนคืนนี้

    ลิงก์ตอนก่อนๆ
    ตอนที่๐และ๑ http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2753239/W2753239.html

    ตอนที่๒ http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2758164/W2758164.html

    ตอนที่ ๓ http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2766241/W2766241.html

    เพิ่งจะมีบุญได้เป็นสมาชิกกะเขาก็วันนี้แหละครับ เลยทำลิงก์ได้

    ==================


    ตอนที่ ๔ สินธุกับอาร์เคเดีย

    บ่ายวันถัดมาสินธุถูกนำตัวมาส่งที่ท่าอาร์เคเดีย   เรือเวตาลลำหนึ่งค่อยๆลดระดับลงจากท้องฟ้าลงมาจอดบนผิวน้ำใกล้กับห้องทำงานของบิชอพซอมบ์   การลงจอดของมันแม้จะนิ่มนวล แต่ก็กีดขวางการจราจรของโลงศพที่มาจากโลกมนุษย์ในชั่วโมงเร่งด่วนพอดี   โลงศพสีขาวประดับไม้ขอบสีทองสี่ห้าโลงที่ลอยมาตามสายน้ำต้องเบี่ยงหลบท้องเรือจนฝาโลงเฉี่ยวชนกันดังโครมก่อนจะเร่งความเร็วแซงผ่านไปอย่างฉุนเฉียว

    อาจารย์หนุ่มฟ้อหน้าตาดีตนหนึ่งที่ก้าวลงจากเรือเป็นตนแรกตรงเข้าไปคำนับบิชอพซอมบ์ที่กำลังเปิดประตูออกมา

    “ท่านบิชอพครับ   ผมศาสตราจารย์ดอยล์จากมหาวิทยาลัยจิตกาธานครับ   ศาสตราจารย์ฟิลม่อนมอบหมายให้ผมเป็นผู้ดูแลสินธุตอนอยู่ที่มหาวิทยาลัยและผมอาจจะนั่งเรือมาส่งเขาเป็นบางวันครับ”

    บิชอพพยักหน้าช้าๆ   “ที่มหาวิทยาลัยเมื่อเช้าเป็นอย่างไรบ้าง”

    “เมื่อเช้าผมพาเขาไปแนะนำในห้องเรียนวิชาจิตวิทยามนุษย์ในภาวะคับขันแล้วครับ   พวกนักศึกษาสนใจมาก   ผมให้เขาลำดับเหตุการณ์ก่อนและหลังอาการตายหลอก   ประสบการณ์ของเขายืนยันกับทฤษฎีของเราได้เป็นอย่างดี   หลังจากนั้นผมก็ทดลองให้เขาเข้าไปในเครื่องวัดค่าวิญญาณ   ก็ได้ผลรายงานว่าวิญญาณของเขายังสามารถให้พลังงานกับร่างกายต่อไปได้อีกอย่างน้อยยี่สิบปี    แสงออโรร่าจากร่างของเขายังเข้มข้นและหนามากครับ”

    “ถ้ามีตัวอย่างแบบนี้มากๆที่ปรโลกนี่ก็ดีเหมือนกันนะ   ใครๆก็ชอบบอกว่ามนุษย์ทำให้ที่นี่วุ่นวายเดือดร้อน   แต่ฉันว่าเป็นประโยชน์กับพวกมหาวิทยาลัยดีออก   แล้วท่าเทียบโลงนี้ก็ได้ภูติหลอกๆมาช่วยอีกตนหนึ่งด้วย  ถ้าสักพักแล้วเรื่องเงียบลงก็น่าจะส่งเขาไปเรียนหนังสือเหมือนภูติทั่วไปได้แล้วนะ”

    ดอยล์ยิ้มบางๆเป็นพิธีแล้วหันไปมองสินธุที่กำลังก้าวลงมาจากเรือมายืนบนท่า   มีภูติสามสี่ตนใกล้ๆที่เดินผ่านไปมาหยุดมองอย่างสนใจ   สภาพของสินธุวันนี้ดูดีกว่าวันก่อนมาก   เขาแต่งตัวในชุดผ้าคลุมสีเทาเหมือนภูตินักศึกษามหาวิทยาลัยจิตกาธาน  ผมเผ้าหวีเรียบร้อย   และไม่มีท่าทางตื่นตระหนกนอกจากหันไปมองสภาพรอบข้างตลอดเวลาอย่างอยากรู้อยากเห็น   บิชอพซอมบ์โอบไหล่เขาอย่างรักใคร่ “มากับเราทางนี้   ลูกชาย......”  

    ทั้งสามเดินไปตามทางเดินจากโถงอาคารไปยังท่าเทียบโลงด้านนอกสุด   ที่นั่นมีมาดามลิกซ์กำลังเดินตรวจงานยมทูตฝึกหัดจำนวนหนึ่งอยู่

    “ลิกซ์   ฉันขอฝากพ่อหนุ่มตนนี้ไว้ฝึกงานที่ปีกนี่นะ   ท่าปลายสุดของพวกชลรีชายังขาดภูติอีกตนใช่ไหม   อ้อ....นี่ศาสตราจารย์ดอยล์ที่ดูแลสินธุของเราที่มหาวิทยาลัย   คุณคงเคยได้ยินเรื่องที่มีภูติดาวรุ่งได้ทุนไปเรียนต่อที่โลกมนุษย์ใช่ไหม   นี่แหละเขาละ”

    มาดามลิกซ์รับคำนับจากศาสตราจารย์หนุ่มอย่างสำรวม   แต่พวกภูติสาวรุ่นแถวนั้นกลับชะเง้อชะแง้ดูดอยล์และหันหน้าซุบซิบกันใหญ่   ศาสตราจารย์ดอยล์เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะอาจารย์ชื่อดังของคณะมรณศาสตร์   พอๆกับใบหน้าคมคายหมดจดและผมสลวยสีทองประกายนั้น   เมื่อยืนเคียงข้างกันแล้ว   สินธุที่ว่าหน้าตาไม่ได้หล่อเหลามากมายจึงยิ่งดูธรรมดาลงไปถนัดตา

    มาดามลิกซ์หูไวไม่ใช่เล่น   เมื่อเธอได้ยินว่าภูติสาวๆกระซิบกระซาบกันเรื่องอะไรก็กระแอมข่มเสียงดังจนภูติฝึกหัดที่เกาะกลุ่มด้านหลังเงียบลงแล้วจึงหันไปปรึกษากับบิชอพซอมบ์ครู่หนึ่งว่าจะส่งสินธุไปฝึกกับภูติพี่เลี้ยงตนไหน   ส่วนดอยล์นั้นแสดงนิสัยเจ้าชู้ใช่เล่นออกมาเมื่อหันไปโบกมือยิ้มน้อยใหญ่กับภูติสาวรุ่นแถวนั้นไปพลางๆ   มาดามลิกซ์มองศาสตราจารย์หนุ่มด้วยหางตาและมีท่าทางไม่ชอบใจนัก

    ครู่หนึ่งมาดามลิกซ์ก็แยกพาสินธุมายังท่าริมสุดที่มียมทูตใหม่สามตนประจำอยู่    ยมทูตชายตัวจ้อยเมื่อเห็นทั้งสองเดินเข้ามาใกล้ก็อุทานเสียงดัง  “โอ้ย......  จะให้ฉันฝึกงานกับมนุษย์เนี่ยเหรอ....”  แต่ก็ถูกยมทูตสาวท่าทางแก่นใกล้ๆกันนั้นถองเอวเข้าให้เงียบลง   ส่วนยมทูตสาวอีกตนที่อยู่ริมน้ำได้แต่ยืนมองด้วยสายตาแปลกใจ   มาดามลิกซ์ผายมือไปที่ยมทูตทั้งสามแนะนำให้รู้จักสมาชิกใหม่

    “พวกเธอทุกๆตนฟังทางนี้   สินธุจะได้รับมอบหมายให้มาฝึกงานที่นี่กับพวกเธอตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป   ขอให้พวกเธอดูแลและให้คำแนะนำเขาด้วย   เอ้าสินธุ...... นี่คือเกรเทล   นี่รูบี้   แล้วก็ชลรีชา”  
    มาดามลิกซ์สะดุดลงเมื่อได้ยินเสียงดอยล์ผิวปากเบาๆอยู่ข้างหลัง   เธอผายมือไปที่เขาโดยไม่หันไปมอง “อ้อ.....ลืมแนะนำไป   นี่ศาสตราจารย์ดอยล์จากมหาวิทยาลัยจิตกาธาน   พวกเธออาจจะยังไม่เคยเห็นเขาเพราะเขาเพิ่งเรียนจบจากโลกมนุษย์และได้รับแต่งตั้งให้มาเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยต้นปีนี้เอง”

    ศาสตราจารย์ดอยล์เปิดผ้าห่อศพส่วนที่คลุมหัวออกเผยให้เห็นผมสลวยและยิ้มกรุ้มกริ่มชัดถนัดขึ้น  พร้อมๆกับที่ส่งยิ้มหวานให้เกรเทลกับชลรีชา    เกรเทลเองแทบจะระเบิดเสียงกรี๊ดออกมาให้ได้ในขณะที่ชลรีชาเพียงแต่แก้มแดงขึ้นเล็กน้อยเท่านั้น   “สวัสดีครับยมทูตน้อยทั้งสอง”  เขาทักทายเสียงนุ่มนวล

    “สามต่างหาก”  รูบี้แย้งโกรธๆ    ดวงตาหวานเยิ้มของดอยล์เลือนหายไปทันที

    “อ้อ....ขอโทษด้วยนะพ่อหนุ่มน้อย”  เขายืนประสานมือไว้ที่หลัง  ท่าทางสำรวมมากขึ้น “อย่างไรก็ขอฝากดูแลสินธุด้วยนะครับ    ทุกๆเช้าเขาจะต้องไปมหาวิทยาลัยก่อน  แล้วตอนบ่ายผมถึงจะมาส่งเขาที่นี่   ขากลับให้เขานั่งรถม้าเข้าไปในเมืองแล้วแวะไปส่งที่หอพักอาจารย์มหาวิทยาลัยก็ได้ครับ   เขาพักอยู่ที่นั่น”

    “ทุกอย่างที่นี่คงเรียบร้อยแล้วล่ะค่ะ”  มาดามลิกซ์ตัดบท  “คุณจะพักดื่มเลือดอุ่นในอาคารก่อนไหม”

    “โอ   อย่าลำบากเลยครับมาดาม   ผมคงขอมารบกวนเท่านี้ดีกว่า   วันนี้ผมมีสอนอีกชั่วโมงตอนเย็น   ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”

    “ฉันจะเดินไปส่งค่ะ”  มาดามลิกซ์เสนอตัวเพราะเกรงว่าระหว่างทางนั้นเขาอาจจะไปโปรยยิ้มเสน่หากับใครเข้าอีก   ดอยล์เดินตามยมทูตหญิงอาวุโสไปโดยดี   แต่ก็ยังไม่ลืมหันมาส่งยิ้มละลายหัวใจให้กับเกรเทลและชลรีชาอีกรอบ   เกรเทลทำท่าเหมือนจะเป็นลมแต่ชลรีชายันตัวเอาไว้ได้ทัน

    “หล่อมากเลย.....  จบนอกด้วย   เป็นอาจารย์อีกต่างหาก   เมื่อกี้เธอเห็นไหมว่าเขาหันมายิ้มให้ฉันด้วยแหละ”  เกรเทลหน้าแดงซ่านหายใจหอบหนักตื่นเต้นเหมือนเพิ่งพบตัวจริงของดาราที่รอคอยมานาน   รูบี้หันไปมองชลรีชาแล้วถอนใจยาว   ส่วนสินธุยืนห่างออกไป   ชลรีชาเห็นดังนั้นก็หยิกเพื่อนสาวเพื่อดึงสติคืนมา  “พอๆ  พอก่อนเกรเทล   อย่าเพิ่งฝันหวานถึงพ่อยอดไก่แจ้นักเลย   มาช่วยกันสอนงานสินธุเขาก่อนดีกว่า”

    จากคุณ : ธามาดา - [ 21 เม.ย. 47 20:15:18 ]