หน้าร้อนที่อากาศร้อนจัด
เดือนเมษายนของแต่ละปี น่าจะเป็นเดือนที่ทรมานของฉันเสียจริงๆ แต่ละวันดูเหมือนว่าผิวหนังของฉันสะสมโรคมะเร็งผิวหนังไว้มากโขก แต่จะทำไงได้ล่ะ ในเมื่อมนุษย์เราเป็นคนที่ทำให้เป็นแบบนี้เอง สารเคมีสารพัดชนิดถูกส่งขึ้นชั้นบรรยากาศวันละมาก จนทำให้ชั้นบรรยากาศของโลกถูกทำลาย จนเดี่ยวนี้ชั้นโอโซนเกิดรูโหว่ทำให้รังสีอัลตราไวโอเลต (ที่เรียกกันว่า รังสีUV ) ไม่สะท้อนกลับออกไป ทำให้โลกของเราร้อนขึ้นทุกวัน ฉันจึงต้องก้มหน้ารับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้
ด้วยเหตุนี้ ฉันจึงไม่ต้องการออกนอกบ้านไปเจอกับแสงแดดที่เตรียมพร้อมจะแผดเผาตัวฉันทันทีที่ฉันออกจากบ้าน แต่แล้วฉันก็ต้องออกจากบ้านทุกวัน เนื่องจากหน้าร้อน นั่นก็คือ ซัมเมอร์ โรงเรียนปิด แต่นั่นล่ะค่ะเป็นเหตุผลที่ทำให้ฉันต้องออกจากบ้าน เพราะว่าฉันต้องเรียนกวดวิชา ซึ่งเป็นที่นิยมของเด็กวัยรุ่นช่วงมัธยม บางคนคิดว่าไม่จำเป็นต้องเรียนก็ได้ แต่สำหรับหัวสมองอย่างฉันแล้ว ดูเหมือนว่าเป็นเรื่องที่จำเป็นอยู่เหมือนกัน มันทำให้ฉันเข้าใจและได้รู้อะไรมากขึ้น เพราะตัวฉันเองเป็นคนที่ไม่รักการค้นคว้าซะเท่าไร
การที่ฉันต้องไปเรียนนี่แน่ะ ทำให้เจอกับผู้ชายคนหนึ่ง เค้าเป็นคนหน้าตาดี เรียนคอร์ดเดียวกับฉันแต่ฉันไม่รู้จักกันหรอก ฉันก็เฉยๆไม่ได้คิดอะไร เรียนตามเรื่อง เรียนเสร็จก็คุยกับเพื่อนนิดหน่อยแล้วต่างแยกย้ายกลับ
เธอ! เธอ! กระดาษนี่เป็นของเธอหรือเปล่า? ชายคนที่ฉันมองก่อนเข้าเรียนเอยกับฉัน
ฉันงงๆ นิดๆ แต่ในมือของเค้ามีกระดาษที่เป็นลายมือของฉันจดในชั่วโมงเรียน มันคงตกตอนที่ฉันหาเหรียญจะซื้อน้ำปั่น ขณะเดี่ยวกันฉันก็รู้ว่าเขามองหน้าฉันเพื่อรอคำตอบ
ขอบคุณค่ะ เป็นคำพูดดียวที่หลุดออกจากปากฉัน ไม่รู้จะทำหน้ายังดี รู้สึกแปลกๆ และเผลอยิ้มให้ ก่อนที่จะเดินไปซื้อน้ำปั่น
ขณะที่รอน้ำปั่น ฉันคิดถึงเหตุการณ์เมื่อครู่แล้วอดคิดไม่ได้ว่า เป็นเรื่องที่บังเอิญมากที่ชายหนุ่มคนที่มองก่อนเข้าเรียนจะเป็นคนเก็บกระดาษของฉัน เป็นเรื่องที่โชคดีมากในวันนี้
นั่นคงเป็นเหตุการณ์เดียวที่ทำให้เราสองคนพูดกัน วันต่อมาเค้าไม่ได้มาพูดกับฉันเลย และฉันก็เช่นกัน ฉันไม่รู้ว่าจะพูดเรื่องอะไร แล้วมีเหตุผลใดต้องพูดคุยกัน ถ้าเค้าไม่ต้องการพูดกับเราล่ะ เราจะไปเสนอหน้าพูดจ้อกับเค้าได้ไง เค้าคงคิดว่าฉันเป็นผู้หญิงน่ารำคาญพอดี พวกผู้ชายชอบคิดว่าผู้หญิงน่าเบื่อ น่ารำคาญ จุ้กจิก ด้วยเหตุนี้ฉันจึงเลิกพยายามที่จะหาเรื่องคุยกับเค้าอีกครั้ง
หลายวันแล้วที่ฉันมาเรียนกวดวิชา ฉันยังแอบคิดอยู่ว่าวันนึงเราคงได้คุยกันอีก แต่อีกใจหนึ่งฉันก็คิดว่าคงไม่มีหวังหรอก
พิม! หยุดสงกรานต์จะไปเทียวไหนจ๊ะ น้ำเพื่อนสนิทของฉัน และเรียนกวดวิชาคอร์ดกับฉันถามทันทีที่เจอฉัน และฉันก็มั่นใจว่าเค้าคนนั้นได้ยินน้ำเรียกฉัน เราสบตากันแวบเดียวเค้าก็กับไปคุยกับเพื่อนของเค้าต่อ
พิม ยังไม่รู้หรอก อาจไม่ไปไหนก็ได้ เดี่ยวดำกันพอดี พิมยิ่งดำๆอยู่ ฉันตอบอย่างเซ็งๆ
แหม่ พิม สงกรานต์ไม่ได้มีกันทุกวันหรอกนะ เปียกซะบ้างสิ สาดน้ำเล่นกันสนุกออกจะตาย และตัวพิมก็ไม่ดำ ถ้าพิมเรียกว่าดำแล้วเขาไม่นิโกรหรอเพราะผิวของพิมเป็นผิวสีแทน ส่วนผิวของฉันเป็นสีออกเหลือง จึงทำให้ฉันดูขาวเมื่ออยู่กับพิม อยู่บ้านอย่างเดียวเบื่อตายเลย อากาศก็ร้อนมาก น้ำพูดด้วยเสียงที่อยากให้ฉันไปเล่นน้ำด้วย
พิมไม่อยากให้ใครมาปะแป้งให้นะ กลัว ฉันตอบด้วยน้ำเสียงขอความเห็นใจ
ไม่ต้องกลัวเรื่องนั้นหรอก พี่ของน้ำเค้าจะดูแลให้นะ ไปเถอะนะ นะ น้ำพูดด้วยเสียงออนอ้อน
ไม่เอาหรอก เกรงใจน่ะ เอาอย่างนี้แล้วกัน ถ้าซีเปลี่ยนใจซีจะโทรไปบอกนะ
เออ เอาอย่างงั้นก็ได้ เปลี่ยนใจแล้วรีบโทรบอกนะ โอเค
วันหยุดสงกรานต์เป็นเทศกาลที่มีงานรื่นเริงมากมายตามแต่ละจังหวัด เนื่องจากวันหยุดหลายวันติดต่อกัน คนต่างจังหวัดจึงมีโอกาสกลับบ้านเกิดของตัวเอง บางคนเลือกที่จะพักผ่อนหรือไปเที่ยวกับครอบครัว แต่สำหรับฉันแล้ว ท่าทางปีนี้ฉันคงต้องอยู่กับบ้านเหมือนเดิม
วันแรกของการหยุดสงกรานต์ ฉันอยู่บ้านตามที่คิดไว้เปิดวิทยุฟังฟังคลื่นประจำของฉัน ตอนนี้มีคนโทรมาพูดหน้าไมค์ เล่าว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่ เธอบอกว่าเธอกำลังเล่นน้ำอยู่ที่ถนนข้าวสาร คนเยอะมากชาวต่างชาติออกมาเล่นสาดน้ำด้วย สนุกมาก ฉันฟังแล้วก็รู้สึกอิจฉานิดๆที่คนอื่นเค้าเล่นน้ำอย่างสนุกสนาน แต่ตัวเองกลับต้องนั่งทนความร้อนอยู่ในบ้าน แต่ฉันไม่อยากถูกใครปะแป้งตรงบริเวณที่มันไม่สำควรปะ เดี่ยวนี้สังคมเราไม่ปลอยภัยมีแต่ข่าวรุมโทรมหญิง ข่มขืน ฆ่าปาดคอ คนเดี่ยวนี้ไว้ใจไม่ได้เป็นประเภทว่า รู้หน้าไม่รู้ใจ หน้าตาดี้ดีแต่ข่มขืนเด็กอายุ15-18ปี มีถมไปสำหรับสังคมปัจจุบัน ฉันนั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อย จนพล่อยหลับ
กริ๊งๆ กริ๊งๆ กริ๊งๆ ฉันสะดุ้งตื่นทันที และเดินไปรับโทรศัพท์ซึ่งอยู่ที่โต๊ะข้างโซฟา
ฮัลโหล ฉันพูดเสียงง่วงเงีย เพราะยังไม่อยากตื่นตอนนี้
พิมใช่ไหม นี่พี่พริ้งนะ
พี่คนกลางของฉันเองทำงานต่างจังหวัด แต่กลับบ้านทุกอาทิตย์ ฉันสนิทกับพี่พริ้งมาก ถึงอายุจะห่างกัน 6 ปีก็ตาม แต่พี่พริ้งก็จะรู้ใจฉันเสมอ ส่วนพี่พอลพี่ชายคนโตห่างกับฉัน 7 ปีตอนนี้ทำงานอยู่ที่สิงคโปร์เปิดร้านอาหารไทยอยู่ที่นั้น ขายดีมากพี่พอลบ่นกับฉันว่าถ้าหางานทำไม่ได้มาช่วยพี่ที่ร้านก็ได้ ไอ้พริ้งไม่ยอมมาช่วยพี่เลย รักแต่จะทำเกี่ยวกับเกษตร ฉันก็ช่วยพูดว่า พี่พริ้งเค้าอุตสาห์เรียนมาเค้าก็อยากใช้ความรู้ของเค้าล่ะมั้ง
มีไรค่ะ จะคุยกับม่ามี่หรอ
เปล่า ถามว่าสงกรานต์นี่จะไปเที่ยวพัทยากับพี่ไหม
มีใครไปบ้างล่ะ
มีแต่เพื่อนพี่น่ะ ก็มี แจม โค้ก บีม แอน แค่นี้มั้ง พิมก็รู้จักหมดแล้วไม่ใช่
โอเคค่ะ พิมไปด้วย แล้วจะมารับวันไหนอ่ะ
พี่ว่าจะไปกันพรุ่งนี้ จะไปรับเราก็ตอนประมาณ 9 โมงนะ อย่าลืมบอกแม่นะ
ค่ะ ถ้างั้นแค่นี้แล้วกัน บาย
เย้ ๆ ๆ ๆ ๆ พรุ่งนี้จะได้ไปพัทยา จะได้ไปเปิดโลกอีกครั้ง หลังจากไม่ได้ไปไหนไกลอย่างนี้มานานแล้ว เช้านี้ฉันตื่นตามปกติ ฉันไม่ค่อยตื่นเต้นเท่าไร เพราะเคยไปมาแล้ว ไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์Ripleys เล่นน้ำที่ชายหาด ท่าเป็นไปได้ฉันจะขอให้พี่พริ้งพาไปเที่ยวที่พัทยาพาร์ค ไม่รู้ว่าจะได้หรือเปล่าแต่ต้องลองขอดู ฉันเตรียมกระเป๋าใบเล็กเรียบร้อย ทุกอย่างพร้องพร้อมหมดแล้ว ทั้งกระเป๋าเงิน โทรศัพท์มือถือ การดาษทิชชู ครีมกันแดด เสื้อผ้าชุดหนึ่งสำหรับเล่นน้ำ คงไม่มีอะไรขาดแล้วมั้ง ฉันบอกกับตัวเอง จึงยกกระเป๋าลงมาข้างล่างแล้ววางไว้หน้า แม่บอกฉันว่า อย่าดื้อกับพวกพี่ๆนะแล้วนี่เอาไปทานบนรถ พร้อมส่งกล่องแซนวิซไส้แฮมกับทูน่าของโปรดของฉัน ฉันรับแล้วนำไปวางข้างกระเป๋า ครู่เดียวเท่านั้น
ปี้ป ๆ ๆ ๆ เสียงแตรรถของพี่พริ้งดังขึ้นหน้าบ้าน
จากคุณ :
deathsea
- [
23 เม.ย. 47 10:04:34
A:203.155.115.167 X:
]