Cafe' Today
"แกนี่มันก็คิดถึงแต่ตัวเอง"
เธอว่า ขณะที่เสียงเพลงยังคงดังอื้ออึงจนแทบจะกลบเสียงทุกเสียง ผมหยุดเม้มปากคิดกับคำพูดที่เธอพูดออกมา จังหวะทุ้มหนักยังคงกดประสาทดัง ตึ่บๆ แสงไฟวูบวาบส่องสะท้อนหน้า เพียงชั่วเอะใจ ถี่แต่ไม่เป็นจังหวะพอให้รู้สึกหวือหวาฟู่ฟ่า แก้วเบียร์วางเกลื่อนกลาด บนโต๊ะเล็กๆ จาน สองสามใบที่พอเหลือเศษชิ้นของอาหารบอกให้รู้ว่า เป็นกับแกล้มยังคงวางอยู่กลางโต๊ะ ผู้คนมากหน้าหลายตาเดินเข้ามาใช้เวลาค่ำคืนของวันหยุดสุดสัปดาห์เบียดเสียดยัดเยียดกัน ในสถานที่เล็กๆ คับแคบและน่าอึดอัดแห่งนี้ หากแต่ว่ามันกลับเป็นที่รวมตัวของคนราตรีชั้นดี
"ชั้นมัน อาจจะเป็นคนเลว
ไม่รู้สิ"
ผมยกแก้วเบียร์จิบน้ำแอลกอฮอล์ที่ปรุงแต่งสีรสซะดีเยี่ยม แต่ก็ขยับราคาให้ยอดตามมาไม่แพ้กัน เก้าอี้รอบโต๊ะเราว่าง ชายหนุ่มอีกคนที่นั่งอยู่โต๊ะเดียวกันนั่งเงียบตาปรือซึมเพลียเสียฟอร์มอย่างที่มันไม่ควรจะเป็น มันไม่ได้เมาหากแต่ว่าอาจจะเหน็ดเหนื่อยกับวันที่ผ่านมามากเกินกว่าจะใช้ชีวิตยามราตรีได้ ถัดไปด้านข้างตรงทางเดินเป็นกลุ่มสามสาว ที่ขยับเยื้อย่างร่างกายตามจังหวะกระตุกกระชากตามแนวดนตรี ของสมัย หนึ่งในนั้นเป็นเพื่อนสนิทชนิดไล่เตะกันได้ กำลังเต้นแร้งเต้นกาอย่างที่มันชอบ หากแต่ว่าหาเวลาให้ว่างจากกระแสชีวิตของสังคมมาปลดปล่อยได้ไม่บ่อยนัก ช่างไม่ยี่หระต่อสิ่งมีชีวิตรอบข้าง มองเหมือนสาวห้าวมั่นใจฉายเสน่ห์แบบแปลกๆ ยืนอยู่ข้างๆ กันเป็นเพื่อนอีกคนที่รักกันจนแถบจะกอดกลมทุกครั้งที่ได้เจอหน้า จับมือถือแขนหอมแก้มกันได้อย่างไม่แคร์สายตาใคร ดูท่าทางเก้งก้างเกะกะแต่ผิวพรรณหน้าตา และความจริงใจที่แสดงให้เห็นได้ไม่ยากนักเชื่อได้ว่า น้อยคนที่จะกวาดสายตาเลยผ่านไป ส่วนอีกนางหนึ่งสุดท้ายเป็นใครก็ไม่รู้จักหากแต่ว่าติดสอยห้อยตามสาวคนที่สองมาอีกที ท่าทางเป็นมิตรชิดชอบดี ซึ่งนั่นก็ไม่ใช่ปัญหาต่อการท่องราตรีแต่อย่างใด และสุดท้ายนอกเหนือจากกลุ่มที่ขยับจังหวะให้เป็นเป้าสายตาหนุ่มๆ อยู่นั้น คนที่นั่งอยู่ข้างๆ เป็นสาวน้อยร่างเล็กแก้มแต่งตึงใสฉายแววสาว ส่องวัยอ่อนอย่างเห็นได้ชัด เป็นเพื่อนสนิทอีกคนหนึ่งที่แม้ไม่ค่อยได้เจอกันบ่อยนักแต่ครั้งหนึ่งก็เคยมีเวลาให้ใช้ร่วมกันอย่างเหลือเฟือ
"ใช่
แกนี่มันโคตรเลว ไม่คิดถึงน้องเขาบ้าง"
เป็นเวลาไม่นานมากนักที่เราต้องแยกย้ายกันออกไปค้นหาแนวทางชีวิตของตัวเอง หาวิธีสร้างหลักปักฐานให้ชีวิตหลังจากที่เคยหันมาหาแนวทางร่วมกันอยู่พักใหญ่ถึงสี่ปี แต่ยิ่งเป็นเวลาไม่นานกลับยิ่งกระตุ้นเร้าให้เรากระเหี้ยนกระหือรืออยากจะมาใช้ชีวิตร่วมกันอีกครั้ง แม้ว่าจะไม่ได้มีอะไรสนทนาแลกเปลี่ยนความคิดกันเลยก็ตาม เพราะตั้งแต่มาก็ไม่เห็นว่าจะมีใครถามอะไรเกี่ยวกับทุกข์สุขกันสักคน เห็นแต่ว่า กินเบียร์ให้หนำใจออกเรี่ยวออกแรงปล่อยแก่กันให้สุดๆ ที่เหลือคงปล่อยให้สื่อสารกันด้วยสีหน้าที่แสดงถึงความปิติในโอกาสที่ได้เจอกัน ปล่อยเรื่องราวหนักอกเอาไว้กับแสงของกลางวันไม่พกมาฝากเพื่อนๆ ท่ามกลางแสงของราตรีอย่างนี้ ผมดีใจแถบเนื้อเต้นที่ได้รับคำเชิญอย่างปัจจุบันทันด่วนเป็นเสียงจากโทรศัพท์ให้มาร่วมรำลึกความหลังกันอีกครั้ง ที่ สถานบันเทิงยามราตรีแห่งหนึ่งที่เราเคย มากำซาบกันแม้ไม่บ่อยครั้งแต่ก็เป็นความทรงจำอันดีเมื่อครั้งก่อน ผมแถบไม่ต้องคิดตัดสินใจเมื่อได้ยินว่า เพื่อนผู้หญิงที่ผมรักที่สุดสามคน มาอยู่พร้อมหน้ากัน อีกหนุ่มเป็นเพื่อนไม่สนิทนักแต่ทำหน้าที่เป็นสารถีขับรถ นำทางนางฟ้าทั้งสามมาถึงเมืองแห่งแสงสีแห่งนี้ ซ้ำยังกำชับว่า ไม่ต้องชวนใครอื่นอีกซึ่งไม่เป็นที่น่าเป็นห่วงเพราะนั่นไม่ใช่นิสัยผมอยู่แล้ว
"ใช่ซี่
ชั้นมันไม่เคยดีมาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว ถามจริงตั้งแต่คบกันมาเคยคิดจะชมชั้นสักคำมีมั้ย"
เสียงเพลงดังเร่งเร้าจังหวะคนดนตรี แต่ผมกลับหยุดพักนั่งนิ่งติดเก้าอี้จุดควันพิษสูดบ่อนทำลายสุขภาพอย่างเนิบๆ เนื่องด้วยว่า หากผมจะลุกขึ้นไปสบัดแข้งสะบัดขาวาดลวดลายบ้างจะต้องประกอบไปด้วยอารมณ์ที่สร้างถึงขีดพอดีๆ และ ดนตรีเสียงเพลงที่ถูกใจ ผิดกับเพื่อนซี่เท้าไฟสาวห้าวของผมที่เมื่อใด ที่ลุกออกไปกลางแสงไฟกระพริบแล้วไม่ว่าเพลงอะไรก็ปลดปล่อยสำนึกแห่งความป่าเถื่อน และอิสระเสรีของมนุษย์ได้อย่างไม่มีพัก สาวผิวสวยเก้งก้างยังคงพาเพื่อนที่ติดสอยห้อยตามขยับไปด้วย เรียกได้ว่า วาดลวดลายเป็นเพื่อนกัน คงไม่มีใครปล่อยให้ใครต้องแกร่วอยู่กลาง ฟลอคนเดียว โชคดีที่อีกสาวนั่งลงตรงข้างๆ เพราะหยุดพักตั้งหลักให้หายเพลียเมื่อล้าก่อนจะออกไปร่วมวงอีกครั้ง จึงเป็นโอกาสอันดีที่ผมและเธอจะได้มีโอกาสพูดคุยเล่าเรื่องราวความเป็นไปส่วนตัวบ้าง หลังจากที่ไม่ค่อยได้มีโอกาสอย่างนี่สักเท่าไหร่
จากคุณ :
zylo (zylo@hotmail.com)
- [
23 เม.ย. 47 16:09:23
A:203.144.247.90 X:
]