มิตรร่วมทาง-มันร่วมทาง

    มิตรร่วมทาง

    วันนี้ผมตื่นตั่งแต่เช้าไปทำงานเหมือนทุกวัน ไม่รู้ว่าทำไมพักนี้ชอบชีวิตยามเช้าเป็นพิเศษ บรรยากาศยามเช้าวันจันทร์ พระอาทิตย์กำลังเคลื่อนขึ้นจากเส้นขอบฟ้าพร้อมกับไอหมอก และควันสีเทาจากท่อไอเสีย ผมดันเนคไทด์ให้กระชับปกเสื้อ แขนเสื้อจีบหลังถูกรีดกลีบคมกริบเจริญตา ต้องขอขอบคุณบริการซักอบรีดเจ้าประจำจริง ๆ


    วันนี้รถเมล์มาตรงเวลาเช่นเคย ผมเดินเนิบนาบขึ้นรถอย่างไม่รีบเร่งอะไรนัก บางครั้งผมก็รู้สึกว่าต้องมีคนเมืองกรุงหลายล้านคนต้องอิจฉาผมแน่ ๆ เลย ที่มีบ้านอยู่ใกล้ ๆ กับต้นสายรถเมล์ วันนี้เป็นอีกวันที่รถเมล์คนยังไม่แน่นเท่าไร (จะมีคนได้ยังไงล่ะ ก็เพิ่งออกจากอู่มาป้ายเดียว) ผมได้นั่งริมหน้าต่างฝั่งคนขับ ช่วงกลางรถ มันเป็นทำเลที่ผมชอบนั่งที่สุด มองออกไปนอกกระจกใส รถเมล์ค่อย ๆ เคลื่อนออกจากป้าย ทิวทัศน์ด้านนอกกำลังแล่นผ่านตาไปช้า ๆ



    ผมนั่งมองเพลิน ๆ จนเกือบลืมจ่ายค่ารถเมล์ กระเป๋ารถเป็นป้าแก่ ๆ เดินมาเก็บสตางค์ ผมยื่นค่าโดยสารให้บอกจุดหมายว่า “สีลม” เธอผยักหน้าบ่นพึมพำเขย่ากระบอกเก็บสตางค์ดังก๊อกแก๊ก ๆ แล้วยื่นตั๋วรถให้ ผมยังกระดาษแผ่นเล็ก ๆ เก็บใส่กระเป๋าเสื้อ บิดคอมองด้านนอกรถอีกครั้ง


    เมื่อเวลากงล้อพามาถึงกลางทาง สภาพเมืองหลวงผุดเต็มสองตา การจราจรเริ่มติดขัดกลายเป็นจลาจล คนบนรถเมล์เพิ่มทวีคูณขึ้นเรื่อย ๆ ผมรู้สึกว่าจะมีแต่คนขึ้นไม่มีคนลงสักคนเดียว จากรถที่เคยโล่งตรงป้ายที่ผมขึ้นตอนนี้กลับแน่นขนัดไปด้วยผู้คนห้อยโหนเต็มตารางนิ้ว คล้ายกายกรรม มองไปด้านนอกล่าสุด รถยนต์ลานตาจอดเรียงกันเป็นแนวแถว มีน้อยคันที่จะได้อภิสิทธิ์เคลื่อนตัวไปข้างหน้า หรือหลุดออกไปจากแถว ไฟแดงยังคงเสนอหน้าให้เห็นที่หัวแถวอยู่ชินตา



    รถเคลื่อนตัวออกจากป้ายอีกครั้ง ด้านซ้ายมือของผมมีหญิงชราคนหนึ่งแทรกมายืนเบียดเกาะพนักพิงด้านหลัง ผมเหล่ตามองพร้อมแอบถอนหายใจเหนื่อยหน่าย ฮึดตัดสินใจอยู่หลายอึดใจก่อนจะลุกให้นั่ง เธอมองหน้าผมยิ้ม ๆ กล่าวขอบคุณแล้วนั่งมองออกไปนอกหน้าต่าง เหมือนกับที่ผมชอบทำไม่มีผิด



    ผมดันเนคไทด์สุดคออีกครั้ง จีบเสื้อที่คมกริบกำลังเลือนหายไปตามแรงเบียดของคนรอบข้าง รถเมล์ค่อย ๆ กระเถิบตัวไปข้างหน้าทีละจึก ไปได้ไม่ถึงสองเมตรแล้วก็จอด เป็นอยู่อย่างนี้ไม่จบสิ้น ผู้ชายด้านหลังดันร่างชิดมาเบียดผมอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ยังดีหน่อยที่ด้านหน้าผมเป็นผู้หญิงออฟฟิต เสื้อผ้าสีสดดูสะอาดตา ริ้วผมยาวสยาย กลิ่นชมพูสระผมของเธอปลิวเข้าจมูกจนปล่อยใจเคลิ้มลอย สึกนึกตัวอีกทีก็รู้สึกแปลก ๆ กับบางสิ่งที่ไหลคืบมาจากด้านหลัง
    มือแปลกหน้าไม่ระบุสัญชาติสอดลอดมาจากด้านหลัง ผมเขม่นคิ้วด้วยความสงสัยว่าเป็นมือใคร และ มันกำลังทำอะไรอยู่ เพียงสังเกตความเคลื่อนไหวอยู่ไม่ถึงอึดใจก็พบความจริง มือแปลกหน้านั้นค่อย ๆ เคลื่อนฝ่ามือไปแนบทาบที่สะโพกของสาวผมหอมด้านหน้า ผมตีหน้างง ตกใจ แปลกใจและก็โมโห


    ผมพยายามดันตัวเองถอยหลังให้เจ้าของมือโสโครกด้านหลังรู้สึกตัวว่าผมรู้นะว่าคุณกำลังทำอะไรอยู่ ผมกำลังจับตามองอยู่นะ แต่ก็ไม่มีความละอายหรือความสะทกสะท้านใด ๆ ตอบกลับมาเลย มือนั้นยังคงดำเนินกิจกรรมของมันต่อไป สังเกตปฏิกิริยาของสาวผมหอม รู้สึกว่าตอนนี้เธอจะยังไม่รู้ตัว


    สัญชาติญาณบางอย่างกำลังบังคับให้ผมทำอะไรสักอย่าง เพื่อไล่ไอ้มือโสโครกนี้ออกไป ผมสูดหายใจเข้าเต็มปอดรวบรวมความกล้าทั้งหมด ตัดสินใจหันกลับไปหวังจะต่อว่ามัน แต่เพียงสบสายตาชายคนนั้นก็มุดหน้าแทรกตัวหนีไปด้านหลัง เมื่อรถเมล์จอดป้ายเขาลงไปทันที เหตุการณ์ทั้งหมดผ่านไปโดยที่มีผมเพียงคนเดียวเท่านั้นที่รับรู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้น ดูเหมือนว่าสาวผมหอมยังไม่รู้สึกตัวว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับเธอ


    คนด้านหลังคนใหม่แทรกดันเข้ามาแทนที่ชายมือไวเมื่อสักครู่ ผมถูกดันจนชิดสาวผมหอมด้านหน้า รู้สึกว่าตอนนี้ผมและเธอจะแนบชิดกันกว่าเมื่อสักครู่มาก กลิ่นผมของเธอทำให้ผมล่องลอยอีกครั้ง คล้ายกับเป็นความหอมที่สูดดมเท่าไรก็ไม่มีวันเบื่อ ผมพยายามสูดหายใจกักตุนไว้เต็มปอด และโดยสัญชาติญาณมือที่ว่างเปล่ากำลังสัมผัสส่วนโค้ง นูน เว้า ด้านหน้า ความสุขจากไออุ่นและเนื้อนิ่มไหลเวียนเข้าร่างกายอีกครั้ง รู้สึกว่าเธอจะยังไม่รู้สึกตัว


    ผมยืนท่าบังคับจนถึงป้ายที่เธอขยับตัวเดินลงรถเมล์ไป “สีลม” ป้ายเดียวกับผมเลย

    จากคุณ : เรือ่ยเปื่อยไปวันๆ - [ 24 เม.ย. 47 11:39:38 A:203.147.26.3 X:203.147.26.123 ]