เป็นฉันได้ไหม..ในใจเธอ...(ตอนที่ 5)

    ตอนที่ 5

        “โอ๊ะ..แค่ก ๆ” เขาสำลัก น้ำหูน้ำตาไหล

        “พูดมาก กลัวว่าจะหิวน้ำ” มิ้มว่าหน้าตาเฉย

        “ฮ่า ๆ ๆ ๆ พี่คลีเปียกแล้ว..พี่คลีเปียกแล้ว” น้องแจ๊คกระโดดดึ๋งดั๋งอย่างถูกใจ “มาเล่นกันพี่คลี มันส์ดี ฉลองสงกานตร์ล่วงหน้ากันดีกว่า....ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ “

        โจ้งหัวเราะก๊าก แต่ชาคลีไม่ขำด้วย เขาโน้มตัวโดดทีเดียวถึงตัวยายตัวแสบ ก่อนจะแย่งสายยางมาจากมือขาว ๆ นั่น

        “เล่นพิเรนนัก นี่ ๆ ๆ ๆ ” ว่าแล้วเขาก็ฉีดน้ำจากสายยางลงไปบนหัวซึ่งมีผมยาว ๆ เปียกมะล่อกมะแล่กปกคลุมอยู่อย่างไม่ยั้ง แล้วมันก็เลยกลายเป็นสงครามแห่งน้ำ..และฟองแชมพู จนเละเทะไปทั้งสี่คนซะฉิบ

        ครึ่งชั่วโมงถัดมา รถมาสด้าก็สะอาดเอี่ยมอ่องและสงครามน้ำก็สิ้นสุดลงในที่สุด

        “โอ้ย หนุกว่ะ ไม่ได้หนุกอย่างนี้มานานแล้ว มาแจ๊ค ไปเปลี่ยนเสื้อกันดีกว่า เดี๋ยวแม่กลับมาจากร้านเห็นเราสภาพนี้เข้า จะโดนดุกันทั้งบ้าน” โจ้งลากคอเสื้อเจ้าตัวเล็กให้ตามเข้าไปในบ้าน ทิ้งให้มิ้มนั่งหอบแฮ่ก ตาแดงเสื้อยืดกางเกงยีนส์ขาสั้นเปียกซ่กอยู่บนพื้นซีเมนต์ใกล้ ๆ ชาคลีนั่นเอง

        “หน้าตานายตอนเปียก ๆ นี่ตลกดี” มิ้มหัวเราะ..เมื่อได้สังเหตุหน้าตาผมเผ้าของชายหนุ่ม

        “หน้าคุณผมคุณก็เปียกไม่น้อยไปกว่าผมหรอกน่า” เขาหัวเราะ พลางมองหน้าหล่อนนิ่งนาน จนมิ้มใจเต้นตึ้กตั้กขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ

        ..มองหน้าชั้นทำไมยะ....มองหน้าชั้นทำไม
                                                                                                                มิ้มทำตาโต เมื่อเห็นเขายื่นมือมาที่แก้มหล่อน ก่อนจะบรรจงปาดฟองสบู่ฟองเล็ก ๆ ออกจากแก้มใสนั่นอย่างเบามือ                                                                                                      
        โอ้ยย..หัวใจจะวาย

        มิ้มหน้าร้อนผ่าว..นี่เค้าจะเห็นว่าหล่อนหน้าแดงมั้ยเนี่ย บ้าชะมัด

        “เอ้อ..ชั้น..ชั้นว่าชั้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าดีกว่า เดี๋ยวเป็นหวัด” มิ้มพูดได้แค่นั้นก็รีบวิ่งจี๋เข้าบ้านไปทันที ทิ้งให้ชายหนุ่มนิ่วหน้าอย่างแปลกใจในอาการของหญิงสาวแต่เพียงลำพังอยู่ตรงนั้น

                                 .................................

        “พลอยว่า พี่คลีมาทำงานกับพ่อพลอยดีกว่าค่ะ พ่อพลอยเคยชวนพี่คลีแล้วไม่ใช่เหรอคะ” เสียงโทรศัพย์จากทางปลายสายเจื้อยแจ้วมาตั้งแต่สองทุ่ม จวบจนกระทั่งสี่ทุ่มแล้ว เด็กสาวก็ยังไม่ยอมวางสายไปจากเขา

        “เคยแล้วจ้ะ แต่พี่อยากลุยงานของพี่เองให้เต็มที่ก่อนน่ะ” ชายหนุ่มหนีบหูโทรศัพย์ไว้ด้วยบ่า ในขณะที่สองมือสาละวนกับการชงกาแฟร้อนสักแก้ว ให้กับตัวเอง อยู่ในครัวเล็ก ๆ ของบ้านของเขา

        “แหม แต่พลอยเห็นพี่คลีทำงานแล้ว มันได้เงินไม่เต็มที่เลยนี่คะ แถมต่างจังหวัดแบบเนี้ยะ จะมีใครมาจ้างแปลเอกสารบ่อย ๆ ล่ะ พลอยขอโทษนะคะ ที่ต้องพูดกับพี่คลีตรง ๆ น่ะ”

        ชายหนุ่มถอนหายใจยาวเหยียด รู้ดีอยู่หรอกว่าเด็กสาวหวังดี รู้จักกันมานี่ก็เข้าปีที่สองแล้ว ไม่เว้นเลยสักเดือนเดียว ที่เด็กสาวจะไม่เอ่ยปากชวนให้ชายหนุ่มเข้าไปทำงานกับบริษัทของบิดาตัวเอง ซึ่งเป็นบริษัทใหญ่ที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ครบวงจรในเขตภาคเหนือนี่

        “เอาเป็นว่าถ้าพี่จะเปลี่ยนงาน พี่จะคิดถึงพลอยคนแรกเลยละกัน”

        “แหม..แค่เรื่องงานเท่านั้นเหรอ ที่จะคิดถึงพลอยเป็นคนแรกน่ะ” เด็กสาวปลายสายกระเซ้า..เล่นเอาชายหนุ่มต้องหัวเราะแก้เก้อ เขาคิดเสมอว่าพลอยเหมือนน้องสาวของเขาคนหนึ่ง ไม่มากไปกว่านั้น แม้จะรับรู้อยู่แก่ใจเช่นกัน ว่าเด็กสาวหวังให้เขารับความสัมพันธ์ที่ก้าวไกลยิ่งไปกว่านี้

        ชายหนุ่มยังคงคุยเล่นกับพลอยอยู่อีกครู่ใหญ่ โดยไม่รู้เลยว่าอาการหัวร่อต่อกระซิกกับโทรศัพย์ของตัวเอง จะตกอยู่ในสายตาของใครบางคนที่ยืนแอบเมียงมองลงมาจากหน้าต่างของห้องนอนชั้นสองของบ้านหลังติดกันอย่างเงียบเชียบ

        ...คงคุยอยู่กับสาว ๆ ล่ะสิท่า..เชอะ

        มิ้มกระตุกผ้าม่านปิดลงซะดื้อ ๆ แบบนั้น ก่อนจะเดินหมุนกลับไปนั่งบนเตียงเงียบ ๆ

        ใบหน้าคมเข้มของคนที่หัวเราะร่วนเมื่อถูกเล่นสงครามน้ำอย่างไม่ทันตั้งตัวเหมือนจะติดตาจนหล่อนต้องยกมือทั้งสองข้างขึ้นขยี้ ๆ ๆ

        หวังจะให้มันหายไปจากความทรงจำนั้นให้ได้

        บ้าชะมัด..จะติดตาอะไรกับนายนั่นนักหนาเนี่ย

        หล่อก็ไม่เห็นจะหล่อ

        มิ้มอึ้ง..

        เอาล่ะ ๆ ถ้าไม่อคติเกินไปแล้วก็แค่หน้าตาดีเท่านั้นแหละน่า

        ไอ้ท่าทางสบาย ๆ เกินเหตุของเขา เหมือนคนที่ไม่ค่อยจะทุกข์ร้อนเรื่องใด ๆ นับจากวันแรกที่ได้เจอกันนั่นต่างหาล่ะ  ที่ดูเหมือนจะกวนใจคนมีปม..อย่างหล่อนนัก

        เขาบุคลิก...เหมือนพ่อ....มิ้มสรุป

        ท่าทางสบาย ๆ แต่พร้อมจะเอาเรื่องกับอะไรก็ได้ที่มาขวาง

        ที่สำคัญ ผู้ชายทุกคนล้วนเจ้าชู้

        มิ้มเบ้ปากไปทางหน้าต่างเล็กน้อย

        จริง ๆ นะ ลงขึ้นชื่อว่าผู้ชายแล้ว เจ้าชู้ทุกคน ดูอย่างบิดาหล่อน ที่บินไปโน่นมานี่ปีหนึ่งไม่รู้กี่ประเทศเป็นไร พ่อเล่นมีเมียเล็กเมียน้อยเก็บไว้เกือบทุกที่

        งาน เงิน และผู้หญิงมาก่อน..

        ครอบครัวและลูก...มาทีหลัง

        ภาพของมารดาที่นั่งเหม่อลอยอยู่ที่ระเบียงบ้าน รอคอยการกลับมาของบิดา ก่อนสิ้นชีวิต เมื่อตอนที่มิ้มยังเด็ก ฉายวนซ้ำอยู่ในความทรงจำซ้ำแล้วซ้ำเล่า

        ไม่รู้เหมือนกัน ว่าทำไมมิ้มถึงเอาเขาเข้ามาโยงกับความรู้สึกเหล่านี้ได้ มิ้มรู้แค่เพียงว่า หล่อนอดรู้สึกขุ่น ๆ ขึ้นมาในหัวใจทุกครั้ง ที่เห็นอีตานี่

        อาจเป็นเพราะอย่างที่มิ้มบอก เป็นเพราะเขาหน้าตาดีล่ะมั้ง หน้าตาดีจนมิ้มด่วนสรุปได้ในนาทีแรกที่เห็น ว่าคงมีผู้หญิงน้อยรายนักที่จะปฎิเสธมิตรไมตรีของเขา

        และท้ายสุดแล้ว บทสรุปของความรักก็คงจักรวดร้าว ไม่แตกต่างอะไรไปจากแม่ของหล่อน

        หลังจากนอนพลิกตัวไปมาอยู่บนเตียงจนเกือบห้าทุ่ม มิ้มก็ยอมแพ้ ต้องลุกเดินย่องออกมาจากห้องนอนตัวเองจนได้    
                                                                                                 
         “พี่โจ้งทำอะไรอยู่คะ”

        ที่สุด หญิงสาวค่อย ๆ เคาะประตูก๊อกแก๊ก ก่อนจะโผล่หน้าเข้าไปในห้องญาติผู้พี่ ซึ่งบัดนี้กำลังรื้ออัลบั้มรูปทั้งหมดบนชั้นเก็บของริมห้องลงมากองบนพื้น

        “ก็เจ้าตัวแสบน่ะสิ รื้อโน่นรื้อนี่ จนพี่ต้องมาตามเก็บให้เข้าที่แน่ะ” โจ้งหัวเราะ พลางบุ้ยใบ้ไปยังร่างเล็ก ๆ กลม ๆ ที่หลับไปตั้งแต่ยังไม่สามทุ่ม”นอนไม่หลับหรือไงเรา เข้ามาก่อนสิ”

        ห้องพี่โจ้งก็เหมือนกับห้องชายหนุ่มทั่ว ๆ ไป คือไม่ได้สะอาดเอี่ยมเรี่มเร้เรไร เรียบร้อยจนรู้สึกเหมือนแตะต้องอะไรไม่ได้ ทุกสิ่งทุกอย่างเรียงไว้ในที่ ๆ สามารถหยิบใช้ได้ง่าย ใกล้มือ ใกล้ตา แต่ก็ไม่ได้รกจนไม่น่ามอง

        มิ้มเดินเข้ามานั่งขัดสมาธิกับพื้นไม้ใกล้ ๆ พี่โจ้ง พลางหยิบอัลบั้มรูปบนพื้นขึ้นมาเปิดดูอัลบั้มหนึ่ง”รูปพี่โจ้งสมัยเรียนหรือคะ”

        “อือ สมัยเรียนมัธยมก็มี มหาวิทยาลัยก็มี พี่มันพวกบ้าถ่ายรูปว่ะ เพิ่งรู้ตัวนะเนี่ย ว่ามีรูปเยอะขนาดนี้น่ะ” พี่โจ้งหัวเราะ ขณะมือก็ยังสาละวนอยู่กับอัลบั้มอื่น ๆ

        มิ้มเปิดอัลบั้มดูรูปไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งมาสะดุดตากับ ใบหน้าของคนที่รบกวนหัวใจอยู่มิได้หยุดได้หย่อน

        “รูปนี้”

        “อ๋อ..พี่ถ่ายกับไอ้คลีไง ตอนอยู่มหาวิทยาลัยปีสามน่ะ ดูสิ หล่อกันซะไม่มีเชียว” โจ้งอธิบาย พลางหัวเราะลงลูกคอที่ได้ชมตัวเองให้น้องค้อนปะหลับปะเหลือกอย่างหมั่นไส้

        “แล้วเขาเรียนกับพี่โจ้งมาตลอดเลยเหรอคะ”

        อีกฝ่ายพยักหน้า “ตั้งแต่ปีหนึ่ง ก็ตั้งแต่มันย้ายมาอยู่ข้างบ้านเรานั่นแหละ พ่อกับแม่มันอยู่กรุงเทพ ฯ แต่มีบ้านให้เช่าที่นี่ พอมันสอบติดที่นี่ มันก็เลยขอพ่อมันมาอยู่ที่นี่เลย เรียนจบ มันก็ไม่ยอมกลับบ้านซะฉิบไม่รู้ติดใจอะไรที่นี่”

        “ทำหน้ากันตลกจัง”

        สองหนุ่มในภาพยกนิ้วหัวแม่โป้งใส่กัน พลางแยกเขี้ยวยิงฟัน ยิ้มสู้กล้อง

        “โฮ้ยย..ตลกแต่มีสิเหน่นะจ๊ะ”พี่โจ้งหัวเราะ “ยิ่งไอ้คลีด้วยแล้ว มันน่ะเนื้อหอมจะตายไป..แต่ไม่เห็นมันจีบผู้หญิงก่อนสักที เอ เดี๋ยว..มีอยู่คนนึง”

        หัวใจมิ้มกระตุกวูบ

        “ชื่อ..ชื่ออะไรน้า”

        ไม่ต้องบอกก็ได้ค่า..ไม่ต้องบอก ๆ ๆ ๆ ๆ....นี่ถ้าอุดหูได้ มิ้มคงอุดหูไปแล้ว

        “อ้อ..จำได้แล้ว ชื่อ เจนี่ เป็นดาวมหาลัยด้วยนะ แต่ยังไงกันก็ไม่รู้ เห็นคบกันอยู่สักปีนึงได้ ยายเจนี่นั่นก็ทิ้งไอ้คลีไปดื้อ ๆ..เอ..รู้สึกจะไปควงกับลูกนายพัน อะไรสักอย่างรึไงเนี่ย”

        มิ้มกลืนน้ำลายเอื๊อก

        แหม..นึกว่า....น้องพลอยซะอีก

        “มิ้มว่า มิ้มไปนอนดีกว่าค่ะ..ชักง่วง ๆ ยังไงก็ไม่รู้ละ”

        “อ้าว โธ่เอ๊ย ไอ้พี่รึก็นึกว่าเราจะมาช่วยพี่เรียงรูปซะอีก”

        มิ้มหัวเราะแหะ ๆ

        “ไปเหอะไป๊..เดี๋ยวแม่นีจะหาว่าพี่ใช้แรงงานน้อง..ง่วงก็ไปนอนซะ”

        มิ้มยิ้มรับ ก่อนจะลุกออกเดินออกมาจากห้องพี่โจ้งพลางนึกสงสัยว่ายิ่งได้รับรู้เรื่องราวบางอย่างของเขาคนนั้นเพิ่มขึ้น...

        คืนนี้..หล่อนจะหลับตาลงมั้ยหนอ..


    แก้ไขเมื่อ 24 เม.ย. 47 18:59:00

    แก้ไขเมื่อ 24 เม.ย. 47 16:00:47

    จากคุณ : sweethart - [ 24 เม.ย. 47 15:58:25 ]