Loin Des Yeux,Pres Du Coeur-เขียนเอาไว้ในสมุดปกแดง,Chapter 2 ก็แล้วแต่

    Just The Way You Are: Billy Joel
    Don't go changing, to try and please me
    You never let me down before
    Don't imagine you're too familiar
    And I don't see you anymore
    I wouldn't leave you in times of trouble
    We never could have come this far
    I took the good times, I'll take the bad times
    I'll take you just the way you are

    Don't go trying some new fashion
    Don't change the color of your hair
    You always have my unspoken passion
    Although I might not seem to care

    I don't want clever conversation
    I never want to work that hard
    I just want someone that I can talk to
    I want you just the way you are.

    I need to know that you will always be
    The same old someone that I knew
    What will it take till you believe in me
    The way that I believe in you.

    I said I love you and that's forever
    And this I promise from the heart
    I could not love you any better
    I love you just the way you are.
    ===================================================================================================

    ก็แล้วแต่...
    Just The Way You Are


    เธอเคยคิดบ้างหรือไม่ว่า... ทำไมคนเราต้องเป็นและทำอะไรต่อมิอะไรตั้งมากมาย
    ทั้ง ๆ ที่สิ่งเหล่านั้นไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าสิ่งที่เราและผู้คนที่เข้ามาเกี่ยวข้อง
    “กำหนด” ขึ้น “สมมุติ”ขึ้น เราจะอยู่เฉย ๆ แล้วไม่เข้าไปร่วม หรือใส่ใจกับสิ่ง “สมมุติ”
    หรือ “กำหนด” เหล่านี้ได้ไหมนะ... (^_^) เพราะถ้ายิ่งเราต้องสมมุติ
    หรือกำหนดมากขึ้นเท่าไหร่ เราก็ต้องยุ่งยากมากขึ้นเรื่อย ๆ เช่นถ้าเราไม่กำหนด
    (หรือถูกกำหนด) ว่าเราต้องตื่นเช้าทุกวัน... เราก็ไม่จำเป็นต้องตื่นเช้าทุกวัน จะเป็น
    เวลาไหนก็ได้ เป็นต้น (^_^)

    สำหรับฉันแล้ว.... จากเรื่องราวหลายอย่างที่ผ่านมา.... คำตอบสำหรับเรื่องนี้กับฉัน
    ในตอนนี้คือ “... ถ้าไม่มีสิ่งเหล่านี้...  สังคมมนุษย์ก็คงไม่เกิดขึ้น แต่อย่าให้สิ่ง
    ที่ “สมมุติ” หรือ “กำหนด” หรือที่บ้านเราเรียกว่า “หัวโขน” มาครอบงำก็แล้วกัน...” (^_^)

    และอีกอย่างก็คงเป็นเหตุผลหนึ่งกระมังสำหรับ.... “เพื่อที่เรารู้สึกว่าเราสามารถใช้
    ต้นทุนหนึ่งที่ติดตัวกับชีวิตเราที่เรียกว่า “เวลา” ได้มากกว่าสิ่งที่เป็นกิจกรรมพื้นฐาน
    ของชีวิต” ผลพวงของเหตุผลหลังนี้ด้วยกระมังจึงทำให้เรามีสิ่งละอันพันละน้อย
    มากมายบนโลกใบนี้ เช่น: -

    (^_^) ถ้าเราฟังเสียงนกร้อง เสียงน้ำไหล เสียงลมพัดผ่านไปวัน ๆ ไปตามปกติ...
    เราก็คงไม่มีดนตรีให้ฟังกันทุกวันนี้

    (^_^) ถ้าเรามองดูนกโบยบินบนฟ้าไปวัน ๆ เราก็คงไม่มีเครื่องบินกันทุกวันนี้

    (^_^) ถ้าฉันอยู่เฉย ๆ ไม่สุงสิงกับใคร ฉันก็คงไม่มีโอกาสพบปะหรือรู้จักกับเธอ
    และไม่มีเรื่องราวที่เขียนลงในสมุดเล่มนี้

    และนั่นก็คงเป็นสาเหตุแท้จริงสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คนเราต้องเดินทาง... (มั้ง (^_^))

    หนึ่งในลูกพี่ทั้งสามของฉันบอกว่า “Old and Wise” (อายุ และเข้าใจ) (ขอโทษ
    ด้วยนะที่ฉันไม่ทำเป็นคำนาม เพราะฉันว่าเขียนโดด ๆ แบบนี้มันเข้าเท่ห์กว่ากัน
    เยอะเลย) เป็นอะไรที่เราควรจะเก็บเกี่ยวได้จากการที่ได้อยู่กับกระแสของกาล
    เวลาของมนุษย์ที่ทุกวันนี้เดินไปข้างหน้า และเราไม่สามารถย้อนกลับได้ในขณะนี้
    ซึ่งแน่นอนเราต้องจ่ายค่าโดยสารทั้งที่ไม่ได้ตั้งใจมาอยู่ในเส้นทางสายนี้ด้วยการ
    เปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่มีมาตลอดในชีวิตเราไม่มากก็น้อย

    ฮะ... ฮะ... ไป ๆ มา ๆ ชีวิตก็คือการเดินทางอย่างหนึ่งเธอว่าไหม ? (^_^)

    (อะแฮ่ม..ทำเสียงหล่อเล็กน้อย) เป็นการเดินทางไปตามกระแสของกาลเวลา (^_^)

    (ว้าว... แฮะ แฮะ แฮะ (^_^))

    ว่ากันว่าเราเกิดมากันทุกวันนี้เพื่อที่เรียนรู้และเข้าใจว่าชีวิตคืออะไร  ?...

    หรืออย่างน้อยที่สุดก็เพื่อใช้ชีวิตให้เป็น ?....

    “Live and Learn !?”  (อยู่และเรียนรู้)

    กระนั้นฉันก็ยังงง ๆ.... อยู่ดี (เฮะ เฮะ เฮะ J) ว่าเข้าใจ และใช้เป็นรึเปล่านะ... ?

    แต่ก็เอาเถอะ.... (แฮ่ะ แฮ่ะ แฮ่ะ) อย่างน้อย... ก็ขอให้ไม่ทำให้ชาวบ้านเดือด
    ร้อน และเบียดเบียนตัวเองก็คงพอใช้ได้...... (มั้ง เน้อะ (^_^) สาธุ)

    อ่านมาถึงตรงนี้ฉันคิดว่าคิ้วทั้งสองข้างของเธอต้องขมวดขึงตึงแน่นเป็นแน่แท้เนื่อง
    จากว่าเธอก็รู้ดีว่า... ฉันซึ่งเป็นพวก “นักหลงทางมืออาชีพ” นั้นจะรอดกันการเดิน
    ทางไหมเนี่ย... (โอ๊ะ ! (^_^))

    ฮะ ฮะ ฮะ พูดแล้วก็เขิน... (^_^) ฉันคงจะตอบกลาย ๆ ไปว่า การหลงทาง และ
    การเดินทางเป็นญาติสนิทกันพอสมควร... ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงนั่นแหละ... (ก็มีคำ
    ว่า “ทาง” อยู่เหมือนกันไง เฮะ เฮะ เฮะ) และยอมรับโดยดุษฏีว่า... ใช่แล้ว... เรื่อง
    ทางภูมิศาสตร์กับฉันเนี่ยท่าทางจะไปด้วยกันยากเหลือเกิน ถ้าเรื่องเกี่ยวกับทิศทาง
    สมองของฉันจะจำแค่เพียงว่า... บ้านอยู่ที่ไหน Office อยู่ที่ไหน ไปได้ด้วยวิธีใด
    บ้าง ผ่านเส้นทางอะไร... เนี่ยก็บุญแล้ว นอกเหนือจากนั้นแทบจะไม่ได้จำเลย และ
    มักจะต้องพึ่งบริการของพี่แท็กซี่อยู่บ่อย ๆ เวลาไปสถานที่ใหม่ ๆ ที่ไม่เคยไป....

    แม้ว่า Singapore จะเป็นเกาะขนาดไม่ใหญ่มากนั้น ว่ากันว่าเกาะภูเก็ต (หรือภูเก็จ
    กันแน่นะ (^_^)) ที่บ้านเรายังอาจจะใหญ่กว่าเลยเนี่ย... ฉันก็จำเส้นทางไม่ค่อย
    ได้หรอกนะ... แต่ไม่ต้องเป็นห่วง.... อย่าลืมนะว่า “ผิดเป็นครู” ดังนั้น “การหลง
    ทาง” ซึ่งถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางเนี่ยก็เป็นการ “เรียนรู้” อย่างหนึ่งอยู่
    เหมือนกัน... เพียงแต่ว่า.... อย่าหลงบ่อยก็แล้วกันจริงไหม... (^_^)

    สำหรับแท็กซี่ที่ Singaporeนี้ ปัจจุบันนี้สามารถเรียกหาได้ทั่วไป... แต่ถ้าจะให้ดี
    หากมีจุดที่เป็นจุดรอเรียกแท็กซี่ (Taxi Stand) ก็น่าจะไปรอที่นั่นนะ... เพราะบาง
    จุดเขาก็ไม่สามารถจอดได้เพราะอาจจะก่อให้เกิดปัญหาจราจรได้...

    ถึงแม้ว่าจะสามารถเรียกหาแท็กซี่ได้ทั่ว ๆ ไป แต่ในบางทีในชั่วโมงเร่งด่วน หรือ
    ตามชานเมือง กว่าจะหาแท็กซี่ได้ก็เล่นเอารอกันนานอักโขอยู่เหมือนกัน ที่นี่ก็เลย
    มี on-call service โทรนัดมารับอยู่เหมือนกัน... แต่ก็นั่นก็หมายความว่าเราจองคิว
    ของเขาซึ่งก็จะทำให้โดน Charge ค่ารอเป็นกรณีพิเศษซึ่งสนนราคาก็จะขึ้นอยู่กับ
    ว่าเราจองล่วงหน้ากันนานแค่ไหน   รวมทั้งเป็นบริษัทอะไรด้วย ซึ่งก็จะอยู่ไม่เกิน
    5 SGD ในขณะที่โบกเรียกเฉยจะโดน  Charge ค่าให้หยุดรถรับประมาณ  1 SGD
    ซึ่งทั้งหมดนี้ไม่ได้นับ charge พิเศษเนื่องด้วยค่าทางด่วน ช่วงเวลาไหน (วันหยุด)
    สถานที่พิเศษ ค่าจอดรถ ฯลฯ ซึ่งเบ็ดเสร็จก็มักจะไม่เกิน 7 SGD ซึ่งประมาณเป็น
    เงินไทย ณ เวลานี้ (พ.ศ. ๒๕๔๗) ก็สัก 170 บาทที่เราอาจจะโดน Charge ได้
    โดย Meter ของแท็กซี่ยังไม่ทันหมุนแต่อย่างใด  

    แต่ก็อย่างว่าหละนะถ้าคิดจะสบายขึ้นก็ต้องเสียกันสักหน่อยหละ... No Free
    Lunch (ไม่มีอะไรฟรี) นี่นา แต่ที่นี่เขาก็มีอยู่ประโยคหนึ่งอยู่เหมือนกันว่า No
    Money No Honey LAH J (บ่มีจี๊บ่มีที่รักหละ J) ดังนั้นเพื่อเป็นการส่งเสริมสถาบัน
    ครอบครัวที่นี่ LAH และเพื่อความสะดวกเพิ่มขึ้นสักหน่อย เรื่องพวกนี้ก็ต้องเข้าใจ
    กันหน่อย LAH ดีกว่าให้พวกเขาแอบยัดโน่นเติมนี่มะรุมมะตุ้มกับ Meter กันเพื่อ
    Honey LAH (^_^)

    พวกค่า Charge พิเศษพวกนี้จะเขียนติดไว้ข้างที่นั่นผู้โดยสารในแท็กซี่ มาให้ลุ้น
    กันเล่น ๆ ดีเหมือนกันว่างวดนี้ค่าโบกจะเป็นเท่าไหร่นะ... ถ้าไม่ใช่ก็โวยได้... อย่า
    ได้เกรงใจ... เพราะบางทีพวกพี่ ๆ เขาก็คิดถึง Honey มากไปหน่อยก็กดค่า
    Charge พิเศษเพลินเหมือนกัน.... (^_^) แต่ว่าค่าใช้เส้นทางพิเศษ หรือทางด่วน
    นะ อันนี้ไม่มีแสดงบนรถ แต่ปกติจะมีสัญญาณเตือน ติ้งหน่อง ติ้งหน่อง ติ้งหน่อง
    ว่าต้อง ”เสียตังค์พิเศษเพิ่มอีกหน่อยนะค้าบ เสียงตังค์พิเศษเพิ่มอีกหน่อยนะค้าบ
    เสียงตังค์พิเศษเพิ่มอีกหน่อยนะค้าบ” ให้ฟังกันอยู่เหมือนกันนะ ซึ่งก็มักไม่เกิน 2
    SGD ในการเตือนแต่ละครั้ง (^_^)

    แก้ไขเมื่อ 27 เม.ย. 47 20:13:44

    แก้ไขเมื่อ 27 เม.ย. 47 20:06:38

    แก้ไขเมื่อ 27 เม.ย. 47 06:09:07

    จากคุณ : แมวเหมียวเจี๊ยวจ๊าว - [ 25 เม.ย. 47 18:19:07 ]