.....ความบังเอิญมักจะนำพาคนสองคนให้มาเจอกัน...รู้จัก...สนิท...ไปจนถึงจุดเริ่มต้นของความรัก
...แต่ใครล่ะจะฝืนโชคชะตาที่กำหนดไว้ได้....
.........................................................................................................
ผมไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับผม ผมไม่รู้ว่าผมทำผิดอะไร...ผู้หญิงตรงหน้าคนที่เคยบอกว่ารักผม เป็นห่วงเป็นใยผมมากมาย จากคำพูดหวานซึ้งที่เธอมีให้ผมมาตลอดสามปีตอนนี้มันเหลือเพียงแค่...
เราอย่าเจอกันอีกเลยนะเรน ขอให้เมย์ได้เดินในทางของเมย์เถอะนะ
ผมรู้สึกเหมือนถูกผลักตกลงมาจากที่สูง กระแทกพื้นเบื้องล่างอย่างเต็มเปา...นี่หละผลของการเอื้อมเด็ดดอกฟ้า ไม่ได้ดูตัวเองเลยว่าไอ้เรามันก็แค่นายกระจอกหละว้า...สมน้ำหน้าตัวเองชะมัด...
ผมไม่ดื้อดึง ไม่พูด ไม่ทำอะไรทั้งนั้น...
...มันผิดมาตั้งแต่แรกแล้วที่ความบังเอิญทำให้ผมได้รู้จักกับเธอ...เธอที่เป็นถึงลูกสาวเจ้าของโชว์รูมรถยุโรปชื่อดัง...ไอ้ผมมันก็แค่ผู้ชายกระจอกๆ ทำงานหาเลี้ยงตัวเอง หาเงินเรียนหนังสือไปวันๆ ผมรู้ตัวเองดีว่าผมมันเป็นใคร แล้วเธอเป็นใคร...
.....เธอเดินจากผมไปแล้ว เธอไม่หันหลังกลับมามองผมอีกเลย ผมมองหลังไหวๆ ของเธอที่เดินจากผมไปจนสุดสายตาก่อนที่เธอจะก้าวขึ้นรถเก๋งคันหรูซึ่งแน่นอนผมไม่มีปัญญาสรรหามาให้เธอได้นั่งสบายๆ แบบนี้...
ความเข้มแข็งในตัวมันถูกบั่นทอนลงทีละน้อย ผมค่อยๆ นั่งลงตรงขอบฟุตบาทริมถนนสายหลักของมหาวิทยาลัยซึ่งตอนนี้มีแต่สายฝนที่เป็นเพื่อนผมเท่านั้น คนที่เคยกุมมือกันเล่นน้ำฝน...ไม่มีอีกแล้ว...
............................................................................................................
ฉันนั่งลงข้างๆ คนที่ตอนนี้เหมือนไร้ความรู้สึก สายฝนที่โปรยปรายมาจากฟากฟ้าเบื้องบนทำให้ใบหน้าและเรือนผมของคนที่นั่งข้างๆ ฉัน ชุ่มไปด้วยน้ำซึ่งฉันก็รู้ว่าส่วนหนึ่งในนั้นคือน้ำตา ฉันไม่เคยรู้เลยว่าผู้ชายคนหนึ่งจะรักผู้หญิงคนหนึ่งได้มากมายเพียงนี้...โดยเฉพาะผู้ชายคนข้างๆ ฉันตอนนี้...ทุกสัดส่วนของหัวใจได้ยกให้เธอไปหมดแล้ว...
...แล้วนี่หรือ คือสิ่งที่เขาได้รับเป็นการตอบแทน...
รักเขามากเลยเหรอ ฉันถามเขาทั้งๆ ที่ฉันรู้คำตอบนั้นดีอยู่แล้ว
ถ้าพลอยรักใครมากๆ แล้วพลอยก็จะเข้าใจ เพียงแค่นั้น แล้วต่างคนก็ต่างนั่งเงียบไม่พูดอะไรอีกเลย ฉันเองก็นึกเถียงเขาอยู่ในใจ อยากจะตะโกนบอกเขา...
ทำไมฉันจะไม่เข้าใจล่ะ แต่ฉันก็ทำได้แค่นั่งเงียบๆ
ฝนยิ่งเทกระหน่ำลงมาเรื่อยๆ ฉันเต็มใจที่จะมานั่งตากฝนข้างๆ เขาเพื่อต้องการให้เขารู้ว่าเขาไม่ได้อยู่คนเดียว แม้ว่าจะหนาวเหน็บเพียงไหน แต่มันก็ไม่ได้เหน็บหนาวไปกว่าภายในจิตใจของฉันเลย...
กลับบ้านกันเถอะพลอย
เสียงแหบห้าวของเขาดังฝ่าเสียงสายฝนขึ้นมา ก่อนที่เขาจะเดินนำไปที่รถ ฉันเองก็เดินตามไปแต่โดยดี รถเต่าสีฟ้าน้ำทะเลถูกติดเครื่องส่งเสียงก้องถนน ก่อนที่เขาขับเคลื่อนผ่านประตูกว้างออกไป
...........................................................................................................
ผมตื่นขึ้นมากลางดึกเพราะทนพิษไข้ของตัวเองไม่ไหว ไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะลุกไปหยิบยาแก้ไข้ อดนึกถึงผู้หญิงอีกคนไม่ได้ ผมยังเป็นขนาดนี้ แล้วผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างพลอยชมพูจะเป็นอะไรรึเปล่า...จากนั้นผมก็ไม่รับรู้สิ่งใดอีกเลยจนกระทั่งช่วงสายของอีกวัน
...........................................................................................................
ฉันชะเง้อมองข้ามรั้วเตี้ยๆ ออกไปที่บ้านอีกหลัง ประตูบ้านยังปิดเงียบ ปกติเขาไม่ชอบนอนตื่นสาย แต่วันนี้ผิดสังเกต ฉันจึงรีบวิ่งไปเอากุญแจในบ้านก่อนจะออกไปไขที่ประตูของบ้านหลังนั้น
หลังจากที่เคาะประตูห้องของเจ้าของบ้านเป็นนานสองนานก็ไม่มีเสียงตอบรับจากภายใน ฉันจึงรีบเปิดประตูเข้าไป สิ่งที่เห็นก็คือเจ้าของบ้านนอนซมอยู่บนเตียง มีเพียงกางเกงขาสั้นตัวเดียวที่สวมอยู่ ฉันรีบเข้าไปแตะที่หน้าผากของเขา และก็รับรู้ถึงความร้อนที่อยู่ภายในตัวเขา
ใครอ่ะ พลอยเหรอ
เสียงแหบแห้งอย่างคนสิ้นเรี่ยวแรง ฉันรับคำก่อนจะเดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมอ่างแก้วในมือ ค่อยๆ เช็ดตัวให้เขาเพื่อบรรเทาความร้อนภายใน เริ่มจากใบหน้าอันขาวซีด ไปจนถึงหน้าอกอันล่ำสัน
พลอยไปเรียนเถอะ ไปเองได้มั้ย
เราไม่ไปหรอก เรนไม่ไปเราก็ไม่ไป เดี๋ยวค่อยขอเล็กเชอร์จากบีเอาก็ได้
ฉันยกอ่างแก้วเข้าไปเก็บในห้องน้ำ หลังจากนั้นก็รีบวิ่งกลับบ้านเพื่อไปเตรียมอาหารให้คนป่วยและพ่อของฉันเอง
เรนไม่สบายเหรอลูก
ค่ะพ่อ ตากฝนเมื่อวานอ่ะค่ะ ฉันหันไปตอบคำถามพ่อแล้วก็กลับมาสนใจหม้อข้าวต้มตรงหน้าต่อ
แล้วเราหละ สบายดีใช่มั้ย พ่อใช้มือทั้งสองข้างหมุนวงล้อของเก้าอี้ให้เข้ามาใกล้ฉันมากขึ้น
ค่ะ เมื่อวานกลับมาก็รีบอาบน้ำแล้วก็ทานยาเลย แต่คนนู้นสิคะนอนก็ไม่ยอมใส่เสื้อ...พ่อคะวันนี้พลอยจะอยู่กับพ่อทั้งวันเลยล่ะ ฉันค่อยๆ ตักข้าวต้มลงชามทั้งสองใบก่อนที่จะยกมาตั้งบนโต๊ะอาหาร
ไปดูแลคนป่วยเถอะ เดี๋ยวมีอะไรพ่อเรียกนายสินก็ได้ นายสินเป็นคนเก่าคนแก่ของพ่อ ซึ่งมีหน้าที่คอยดูแลบ้าน อีกนัยหนึ่งก็ดูแลพ่อด้วย
ฉันยื่นจมูกไปประทับที่แก้มของพ่อหลังจากที่เลื่อนรถเข็นของพ่อมาหยุดที่โต๊ะ ฉันคิดอยู่เสมอว่าคำพูดกับการกระทำมันจะต้องประกอบกันเสมอ หากเราเพียงแต่พูดไม่แสดงออก หรือเพียงแสดงออกแต่ไม่พูด มันก็ไม่สามารถทำให้อีกฝ่ายมั่นใจในตัวเราได้
ฉันจึงแสดงความรักให้พ่อได้รับรู้ทั้งจากการกระทำและคำพูดทุกครั้งที่มีโอกาส พ่อพูดเสมอว่า...เราก็มีกันอยู่แค่นี้...ใช่...เรามีกันอยู่แค่นี้...แล้วฉันจะละเลยคนที่คอยดูแลฉันมาเกือบทั้งชีวิตได้ยังไง...
งั้น พลอยเอาข้าวต้มไปให้เรนก่อนนะคะ ฉันยกข้าวต้มในชามใบขุ่นแล้วรีบเดินมุ่งหน้าไปยังบ้านนั้น...ยังไม่ทันเปิดประตู แต่จิตใจของฉันมันนำหน้าไปถึงไหนต่อไหนเสียแล้ว...
.........................................................................................................
จากคุณ :
Cookie CO.
- [
26 เม.ย. 47 00:46:25
A:203.113.66.9 X:203.150.209.231
]