ถ้าหากฉันเกิดเป็นนกที่โผบิน
ติดปีกบินไปให้ไกล ไกลแสนไกล
จะขอเป็นนกพิราบขาว
เพื่อชี้นำชาวประชาสู่เสรี ...
เสียงดีดกีต้าร์ดังกังวานไปทั่วบริเวณ เสียงทุ้มของใครบางคนคงอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลบริเวณนี้
เป็นเพลงฟังสบาย ๆ ใช่สินะ... พิราบขาวเป็นตัวแทนของ เสรีภาพ ของหมู่มวลมนุษย์ ลำตัว
สีขาวล้วนช่างดูโดดเด่นเวลาบินถลาเล่นลมอยู่กลางอากาศ ยิ่งในวันที่ท้องฟ้าสดใส แสงแดดจะ
ทอดยาวมากระทบกับปีกที่กำลังกระพือเห็นเป็นสีขาวพราวระยิบระยับตัดกับสีท้องฟ้า
หากเวลานี้เป็นเวลาห้าโมงเย็น แสงแดดที่เคยแรงจ้า แผดเผาผิวจนแทบไหม้ในตอนกลางวัน
จางไปบ้างแล้ว มองออกไปที่ต้นไม้ใหญ่ใกล้บ้าน นกใหญ่น้อยเริ่มบินกลับรังกันแล้ว เสียงนก
น้อยที่รอคอยพ่อแม่ของมันดังจิ๊บ ๆ ... นั่นไง! แม่ฉันกลับมาแล้ว
ถ้าหากฉันเกิดเป็นเมฆบนนภา
จะนำพาความร่มเย็นเพื่อท้องนา
หากฉันเกิดเป็นเม็ดทราย
จะถมกายเป็นทางเพื่อมวลชน ...
เสียงทุ้มยังคงร้องต่อไปเรื่อย ๆ ตะวันที่เคยฉายแสงใกล้จะลับขอบฟ้า มองไปไกล ๆ จะเห็น
แสงสีส้มเคลื่อนเข้ามารวมตัวกับพื้นสีฟ้า บางวันก็เห็นมันเป็นสีบานเย็น ชอบเวลาแบบนี้จริงๆ
นึกอยากจะถ่ายภาพเก็บไว้ แต่น่าเสียดาย ถ้ากล้องตัวเก่งของฉันมันไม่พังไปเสียก่อน ตอนไป
เที่ยวน้ำตกเมื่อคราวนั้น
ตอนเย็นแบบนี้ทำให้นึกถึงคนที่ 'เคย' พาไปนั่งชมพระอาทิตย์ตกด้วยกัน ริมชายหาดเมื่อสอง
ปีก่อน บัดนี้ คนคนนั้นก็หายหน้าหายตาไปนาน ไม่เคยได้รับการติดต่อมาอีกเลย อาจจะไปต่าง
ประเทศ หรืออาจจะพาคนอื่นไปชมพระอาทิตย์ตกอยู่ก็ได้ แต่อย่างน้อย เขาก็เป็นคนที่ฉัน 'เคย'
รักมากที่สุด แต่ ขณะนี้คนที่ฉันรักมากที่สุด คือ 'ตัวฉันเอง'
ว่าแล้ว ก็ไปชงกาแฟมาสักถ้วย นั่งฟังเพลงเพราะ ๆ จากหนุ่มที่ไหนก็ไม่รู้ดีกว่า กาแฟหนึ่งถ้วย
กับคุ้กกี้สักสองสามชิ้น ถูกวางอยู่บนโต๊ะตัวเล็ก ๆ สาวเจ้ามัวแต่ฟังเพลงเพลินจนลืมเวลา แต่มัน
ก็น่าเพลินอยู่หรอก เสียงทุ้มนั่นเรียกว่าแทบจะทำให้เธอหลงเข้าแล้วไหมล่ะ นึกแล้วก็อยาก
เห็นหน้าอยู่เหมือนกัน
เหลือบมองนาฬิกา ปาเข้าไปห้าทุ่มแล้ว แต่ไม่มีทีท่าว่าเสียงของคนร้องกับเสียงกีต้าร์จะเบา
ไปเลย ยิ่งทำให้เธอไม่อยากเข้านอนสักเท่าไหร่ ฟังเพลงมันเพลินดี แต่จะให้หลับที่ระเบียง
นั่นก็คงไม่เอาเหมือนกัน ก่อนจะเดินเข้าห้อง สายตาพลันมองไปที่หน้าต่างบานหนึ่ง ที่แท้
เสียงทุ้มนั่นก็มาจากหนุ่มหน้าตาค่อนข้างดีที่อยู่บ้านใกล้ ๆ กันนี่เอง แต่แปลกนะ ไม่เคยเห็น
หน้าเขามาก่อน สงสัยคงเพิ่งจะมาซื้อบ้านอยู่ที่นี่
รุ่งเช้า ไม่ทันที่ตะวันจะทอแสงมากระทบกับหน้าต่างที่ห้อง ณิรสา ก็ตื่นแล้ว เธอเพิ่งย้ายมาอยู่
ที่บ้านหลังนี้ยังไม่ถึงปี แต่ก็คุ้นเคยกับเพื่อนบ้านแถวนั้นอยู่หลายคน คิดไม่ผิด ที่นี่ บรรยากาศ
ก็ดี ผู้คนก็ดี ไว้ปีหน้าจะพาพ่อกับแม่มาอยู่ด้วย มือที่กำลังชงกาแฟสำหรับมื้อเช้าอยู่ต้องละไปก่อน
เมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
"ฮัลโหล? สวัสดีค่ะ"
"จะสวัสดีทำไมตั้งสองทียะ ยายณิ" เสียงนี้แล้ว ไม่คุ้นก็ต้องคุ้นล่ะ พิมชนกเพื่อนฉันเอง
"เฮ้อออ แกนี่นะ โทรมาทำอะไรแต่เช้า ถ้าเกิดฉันยังไม่ตื่นล่ะ มีหวังแกโดนไปแล้ว"
"อ้าว ก็ฉันรู้น่ะสิ ว่าแกต้องตื่นแล้ว ถึงโทรมาได้ ไม่งั้นไม่โทรหรอกย่ะ" นิสัยยังเหมือนเดิม
ไม่เคยเปลี่ยนแม้จะไม่ได้เจอกันเกือบครึ่งปี ตั้งแต่เรียนจบก็ติดต่อกันตลอด จนพักหลังเรา
ได้งานคนละที่กัน คนละแนวกัน เลยไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไรนัก แต่ด้วยความขี้บ่นของยายพิม
คงหาเพื่อนคนไหนจะเงียบฟังด้วยความเรียบร้อยอย่างฉันไม่ได้กระมัง จึงไม่พ้นฉันอยู่ดี
ที่จะคอยรับโทรศัพท์ เสียงใส ๆ และขี้บ่นอยู่ไม่เว้นแต่ละวัน
"เออ ๆ ว่าแต่มีอะไร?"
"ฉันจะชวนไปเล่น ไอซ์ สเก็ต น่ะ"
"หา???!!! อย่าบอกนะ จะให้ฉันเข้ากรุงเทพฯ ไปเพื่อเล่นไอซ์ สเก็ต เนี่ย?" ณิรสาขึ้นเสียง
สูง ก็ใครจะบ้าขับรถเล่นเข้ากรุงเทพฯ ไปเช้า ๆ แบบนี้ อยู่สูดอากาศบริสุทธิ์แถวนี้ดีกว่าตั้งเยอะ
"ก็เออน่ะสิ แต่ถ้าแกไม่สะดวกเดี๋ยวจะโทรให้เพื่อนฉันรับแกไปด้วย อีกอย่างนะ เพื่อนๆ
เราเขาก็อยู่กรุงเทพฯ กันหมด มีแต่แกคนเดียวน่ะแหละ ที่อยู่ไกลซะเหลือเกิน แล้วถ้าคราวนี้
แกพลาดงานนี้อีกนะ รอไปเหอะ ไม่รู้จะอีกเมื่อไหร่ จะได้เจอหน้าเพื่อนเก่าอีก พวกนี้ไม่ได้
นัดกันง่าย ๆ นะจะบอกให้" พิมชนกบรรยายสารพัดจะบรรยาย แต่ก็จริง เพื่อนเก่าพวกนี้นัด
กันง่ายเสียที่ไหน ปฏิเสธบ้าง บอกว่าติดนัดอื่นบ้าง เห็นจะมีก็คราวนี้ ที่ไม่ปริปากอะไรกันสักคำ
"โอเค ฉันไป ว่าแต่เพื่อนแกเถอะ อยู่ไหนกัน ถึงจะได้มารับฉันที่นี่ได้" พิมชนกโน้มน้าวสำเร็จ
อีกจนได้ ขณะนั้นเอง เสียงทุ้มที่คุ้นเคยก็ลอยมากระทบหูอีก
"ก็รู้สึกจะอยู่จังหวัดเดียวกับแกน่ะแหละ เดี๋ยวฉันโทรถาม มันไปรับแกแน่ ๆ" แน่ใจยิ่งกว่าแน่
ใจว่าเขาจะต้องมารับ แต่นี่ณิรสาจะรู้ไหมน้า ว่าเพื่อนของยายพิมน่ะ เป็นผู้ชาย แถมอยู่ไม่ใกล้
ไม่ไกลจากบ้านเธออีกต่างหาก
ณิรสารีบไปอาบน้ำแต่งตัว ออกมาเดินเล่นหน้าบ้าน หวังว่าจะได้ฟังเสียงทุ้มร้องเพลงต่อ แต่น่า-
เสียดาย พอเธอวางโทรศัพท์เจ้าของเสียงก็หายไปไหนไม่รู้ แหม เช้า ๆ แบบนี้จะรีบไปไหน
กันเชียว
ระหว่างที่รอเพื่อนของยายพิม มารับ เธอก็ได้ยินเสียงที่ดูเหมือนจะคุ้นเคยเรียกเธอ...
"นี่ คุณ!!!" หันหน้า หันหลัง ใครเรียกฉันเนี่ย?!
"คุณ!! ทางนี้!" หันไปทางไหนก็ไม่เห็นเจอใครแต่พอเงยหน้าขึ้นชั้นบนมองไปทางตะวันออก
เฉียงเหนือนี่สิ โอ้โห ใช่เลย! เจ้าของเสียงไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นหนุ่มคนนั้นที่ฉันแอบฟัง
เขาร้องเพลงเมื่อวาน แต่ทำไมไม่รู้จักพูด 'ครับ' หรือไงนะ?!
"เรียกฉันเหรอ???" แหม... ไม่น่าโง่ถามไปยังงั้น แต่แกล้งเซ่อไปนิด คงไม่เป็นไร
"คุณนั่นแหละ ผมจะถามว่า คุณน่ะเป็นเพื่อนพิมรึเปล่า?" เพื่อนพิม? พิมไหนล่ะ? มีคนชื่อพิม
ออกเยอะแยะไป แล้วจะถามฉันทำไมเนี่ย?!
"พิมน่ะ พิมไหน? คนชื่อพิม ออกเยอะแยะ"
"พิมชนกน่ะ" ตาหนุ่มคนนั้นชี้แจง อ๊ออ! ยายพิม พิมชนก
"เอ้อ! ใช่ ฉันรู้จักพิม ทำไมล่ะ?" ณิรสายังคงไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร จนกระทั่งชายหนุ่มแนะนำตัว
ว่าชื่อ 'วิธวินทร์' เป็นเพื่อนยายพิม ที่จะมารับตัวเธอเองไปกรุงเทพฯ โอ้! พระเจ้า อะไรกันนี่
ยายพิมมีเพื่อนอยู่แถวนี้ด้วยตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่แหม ฟังเสียงร้องเพลงก็ดูดีอยู่หรอก แต่ทำไม
ฉันถึงรู้สึกไม่ชอบตาวิธวินทร์ขึ้นมาก็ไม่รู้
วิธวินทร์ให้เธอนั่งรออยู่บ้าน สักประเดี๋ยวเขาก็เดินออกจากบ้านมา พร้อมกับแบกกระเป๋าใส่
กีต้าร์มาด้วย เขาว่า เขาชอบพกมันไปทุกที่ ยิ่งถ้าได้พบปะเพื่อน ๆ หลาย ๆ คน ยังงี้ น่าจะพา
พวกนั้นออกกรุงเทพฯ มาเที่ยวต่างจังหวัดเสียบ้าง
"ยายพิมให้ออกจากบ้านเดี๋ยวนี้เลยเหรอ?" ณิรสาถามขึ้นก่อนก้าวขึ้นรถ
"ก็ใช่น่ะสิ ถ้าไม่ออกตอนนี้ จะให้ออกตอนไหน อีกอย่างกรุงเทพฯนะ ไม่ใช่ที่ใกล้ ๆ แถวนี้"
เจ้าค่ะ ดิฉันทราบแล้ว ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย ก็แค่ถาม ... ฉันบ่นในใจ ตานั่นคงไม่ได้ยิน
ตลอดทางก็ไม่มีเสียงพูดคุยกันอีกเลยจนกระทั่งถึงสี่แยก ไฟเขียวปล่อยให้รถไปได้ ณิรสา
แทบตั้งตัวไม่ทันเพราะ วิธวินทร์ไม่รู้ไปเรียนขับรถมาจากไหน พอจะแล่นทีก็เหยียบซะซิ่ง
ไปนู่นนนน!
จังหวะนั้นเอง รถจากแยกทางซ้ายเคลื่อนตัวมาพอดี สายตาของคนร่างสูงหันไปมองกระจก
รถเป็นช่วงที่ตาคู่นั้นเห็นรถที่กำลังขับเข้ามาด้วยความเร็วที่ไม่ต่างจากรถของตัวเองนัก เรียก
ว่าถ้าชนก็จะเป็นมุมตั้งฉากกัน วิธวินทร์เหยียบคันเร่ง ช่องทางข้างหน้าไม่มีรถเขาสามารถ
เหยียบให้ถึงที่สุด เพื่อจะหลบรถคันนั้นได้ สุดท้ายก็รอดมาหวุดหวิด ภายในรถ ณิรสาถอน
หายใจเสียงดัง
... นี่ฉันคิดถูกหรือคิดผิดที่ไว้ใจเพื่อนยายพิมวะเนี่ย ...
<โปรดติดตามตอนต่อไป>
แก้ไขเมื่อ 27 เม.ย. 47 11:35:44
จากคุณ :
invisible_TJ
- [
27 เม.ย. 47 11:33:16
]