บทที่ 2
มาดามแอกเนส
หลังจากสองพี่น้องจากไปแล้ว ทั้งหมดก็ทิ้งตัวลงนั่งกับพื้นอย่างหมดแรง
พี่น้องคู่นี้ต่างกันลิบลับเลยนะ นิคเปรยขึ้นพลางปาดเหงื่อบนหน้า
ใช่ ต่างกันราวหน้ามือกับหลังเท้าเลยแหละ แจ๊กกี้พูดเปรียบเทียบ ก่อนจะหัวเราะเบาๆทุกคนนั่งคุยกันอย่างเพลิดเพลิน และเล่าเรื่องต่างๆให้นิคฟังอย่างสนุกปาก ความมืดค่อยๆโรยตัวลงมาอย่างช้าๆ โดยที่ไม่มีใครสังเกต
ตายแล้ว! คราวนี้ตายแน่ๆ เลยเวลามื้อค่ำมาสิบนาทีแล้ว แจ๊กกี้โวยวายเสียงดัง ทุกคนรีบก้มลงดูนาฬิกาข้อมือด้วยใบหน้าซีดเซียว
ตายแล้ว! รีบกลับเร็ว แซมพูดพลางวิ่งหน้าตาตื่นกลับขึ้นจักรยาน ใช้เวลาเพียงห้านาที ทั้งหมดก็ปั่นจักรยานกลับมาถึงบ้านอย่างสุดฝีเท้า แสงไฟสีเหลืองนวลส่องลอดออกมาจากด้านใน
หวังว่ามาดามแอกเนสคงยังไม่กลับนะ แจ๊กกี้ประนมมืออ้อนวอน
ไม่เคยรู้สึกว่านรกอยู่ใกล้ขนาดนี้มาก่อนเลย เจมส์พูดก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ แต่คนอื่นๆไม่ขำด้วย แจ๊กกี้หันมาค้อนเบาๆ
ทั้งหมดค่อยๆย่องเข้าบ้านทางประตูหลัง ไม่มีแม้แต่เงาใครสักคน ป้ามาร์ธา ไม่ได้อยู่ในห้องครัว ลุงคอลลี่ไม่ได้ยู่ที่ห้องใต้บันได อาแมกกี้ก็ด้วย แต่มีเสียงพูดคุยเบาๆดังลอดมาจากห้องอาหาร นิคหันกลับมามองเพื่อนๆที่ยืนตัวแข็งอยู่ด้านหลัง
แอนนิต้า! เสียงดังมาจากด้านหลังนิค เขาหันไปทางเจ้าของเสียง หญิงชราในชุดแขนยาวสีดำ ตัดกับผ้ากันเปื้อนสีขาวสะอาด กลิ่นพริกไทยลอยฟุ้งออกมาจากตัวเธอ
ป้ามาร์ธา แอนเรียกป้าเสียงอ่อน ป้าจ้องทุกคนเขม็ง
พวกเธอเถลไถลไปไหนมา แอนป้าสั่งแล้วใช่มั้ย ว่าห้ามกลับบ้านดึกเกินหกโมง เราเป็นผู้หญิง อย่าเที่ยวไปไหนดึกๆดื่นๆ รีบไปกินข้าวได้แล้ว ป้ามาร์ธาดุเสียงแข็งก่อนจะเดินกลับไปในครัว แอน กับพวกเดินคอตกเข้าไปในห้องอาหาร
อาแมกกี้กำลังเช็ดคราบซ้อสบนปากให้เบนจามิน น้องเล็กที่สุดในบ้าน พอหันมาเห็นพวกนิค อาแมกกี้ก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างโล่งใจ
เหลวไหลจังเลย พวกเธอนี่ เดี๋ยวก็ถูกทำโทษหรอก ดีนะที่อาไหวตัวทัน รีบจัดโต๊ะอาหารเย็นแทน ไม่อย่างนั้นนะ- - - อาแมกกี้พูดยังไม่จบ ประตูห้องอาหารก็ถูกผลักกระแทกข้างฝาอย่างแรง เสียงดังลั่นบ้านจนเด็กๆร้องไห้ตกใจกันยกใหญ่
หญิงชราผู้หนึ่งเดินอาดๆตรงมายังที่ที่นิคยืนอยู่ อายุของเธอต้องไม่ต่ำกว่าหกสิบปีแน่ๆ รูปร่างภายใต้ชุดคลุมนอนสีดำกรอมเท้าของเธอผอมแห้ง ผิวหนังเหี่ยวย่น ใบหน้าของเธอเกลื่อนไปด้วยริ้วรอยแห่งวัย สร้อยไข่มุกสีดำเม็ดใหญ่คล้องอยู่บนคอที่มีเพียงหนังหุ้มกระดูก ส่วนอื่นๆบนร่างกายของเธอก็ดูจะแน่นขนัดไปด้วยเครื่องประดับมีค่ามากมาย จนทำให้นิคนึกกลัวว่าร่างกายอันกระท่อนกระแท่นของหล่อนจะรับน้ำหนักของเพชรพลอยพวกนั้นไม่ไหว มาดามแอกเนสยืนท้าวสะเอว ดวงตาทั้งสองของเธอเบิกกว้างด้วยความโกรธ
พวกแกกล้ามากนะ อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะว่าแกหนีไปเที่ยวจนไม่ได้กลับมาจัดโต๊ะ เธอตวาดเสียงดังก้อง เด็กๆร้องไห้หนักกว่าเก่า อาแมกกี้ตั้งท่าจะพูด แต่ถูกขัดจังหวะเสียก่อน
เงียบไปเลยแมก ฉันจะหักเงินเดือนเธอซะ ถ้ายังขืนให้ท้ายเด็กพวกนี้อีก แล้วทำให้พวกเด็กงี่เง่านี่เงียบซะทีได้มั้ย เธอหันขวับมาทางอาแมกกี้ ที่มีท่าทีกลัวลนลาน ดวงตาคู่นั้นกราดมองไปรอบๆห้องราวกับหมาป่าล่าเนื้อที่กำลังมองหาเหยื่อ
คราวนี้ฉันจะลงโทษพวกแกยังไงดี ขังพวกแกไว้ในโรงไม้สักสองวัน อดข้าว อดน้ำ คงจะสาสมกับความเลวของพวกแก
นิคหันไปหาเพื่อนๆ ที่ยืนกำมือแน่น แต่ไม่มีใครเปิดปากพูด เขาจึงตัดสินใจพูดขึ้น
ขอโทษนะครับ ที่พวกเรากลับมาสาย พวกเรามีเรื่องนิดหน่อยในป่า มันเป็นเหตุสุดวิสัย หวังว่าคุณจะเข้าใจนะครับ นิคพยายามอธิบายด้วยน้ำเสียงที่อ่อนน้อมที่สุด ทุกคนตาค้าง ในขณะที่มาดามแอกเนสมีที่ท่าโกรธจัด ดวงตาของเธอปูดโปนออกมานอกเบ้า รอยตีนกาบนใบหน้าเธอกระตุกขึ้นลงอย่างแรง ก่อนที่เธอจะคว้าคอเสื้อของนิคแล้วกระชากจนตัวเขาปลิวไปตามแรง
แกคือหลานของแมกใช่มั้ย กล้าดียังไงมายืนเถียงฉันฉอดๆๆ แกก็เหมือนเพื่อนแกพวกนี้แหละ ไร้ค่า ไร้ประโยชน์ จนพ่อแม่ต้องเอามาทิ้งไว้ อย่าคิดนะว่าฉันจะใจดีกับขยะสังคมอย่างพวกแก
นิครู้สึกเหมือนถูกตบหน้าอย่างแรง ความอดทนอดกลั้นหมดลงทันที เขาจะออกแรงกระทืบลงไปที่เท้าของมาดามแอกเนส และสลัดตัวหลุดออกมา มาดามแอกเนสร้องลั่นห้องด้วยความเจ็บปวด ปนความเจ็บใจ เธอกระโดดโหยง มือทั้งสองกำเท้าไว้แน่น
แก! กล้ามากนะ ไป! ไปนอนในโรงไม้ คอลลี่ เอากุญแจคล้องไว้ ถ้าฉันไม่สั่งอย่าปล่อยมันออกมา มาดามแอกเนสสั่งเสียงดังลั่น ก่อนจะกระแทกเท้าจากไปอย่างขึงขัง
นี่เป็นบทเรียนที่พวกแก บังอาจต่อกรกับคุณเฮลก้า จำใส่กระโหลกไว้ซะ
พายุลูกใหญ่สลายไป ทิ้งแต่ความเสียหายไว้เบื้องหลัง ทุกคนอึ้งจนพูดไม่ออก โดยเฉพาะนิค ที่ยืนตัวสั่นเทิ้ม เขากลัวมากจนทำอะไรไม่ถูก อาแมกกี้กำลังหัวหมุนอยู่กับการปลอบเด็กๆที่ร้องไห้ ไม่มีใครได้พูดอะไร จนกระทั่งลุงคอลลี่คล้องกุญแจเหล็กอันใหญ่ที่เขรอะไปด้วยสนิม เข้ากับประตูผุๆของโรงไม้
กระแสลมเย็นยะเยือกซึมผ่านเข้ามาตามร่องไม้ผุๆ ทุกคนหนาวสั่นจนขนลุกซู่ ในนี้ไม่มีอะไรที่พอจะให้ความอบอุ่นแก่เด็กๆทั้งหกได้เลย แม้กระทั่งฟางสักกอง
เราขอโทษนะ เพราะเราพวกเธอถึงถูกทำโทษ นิคพูดด้วยเสียงสั่นๆ แสงไฟสลัวๆจากตะเกียงเจ้าพายุส่องวาบมากระทบกับใบหน้าที่เศร้าสลดของเขา
นายไม่น่าหาเรื่องเลย ไปเถียงมาดามแอกเนสทำไมล่ะ คนอย่างนั้นนะ ไม่เคยมีเหตุผลหรอก โจพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อน
ไม่เกี่ยวกับนิคหรอก เฮลก้าคงโทรมาฟ้องมาดามแอกเนสเหมือนเคยแหละ แจ๊กกี้กระแทกเสียงอย่างเจ็บใจ
แอนยิ้มให้เพื่อนๆด้วยใบหน้าที่ผ่อนคลาย เอาเถอะ คิดซะว่าพวกเราย้ายมานอนเล่นกันที่นี่ก็ได้ แอนพูดปลอบใจ แต่ไม่ได้ผล
หิวจะตายอยู่แล้ว เจมส์บ่นอุบ ก่อนจะส่งสียงท้องร้องตามมาเป็นเครื่องยืนยัน ทุกคนเริ่มหัวเราะออก
มาดามแอกเนสนี่น่ากลัวมากเลยนะ นิคเริ่มต้นชวนคุย ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย
คนจิตใจชั่วร้ายอย่างนี้ ไม่สมควรมาทำงานที่บ้านเด็กกำพร้าเลย แจ๊กกี้กล่าวด้วยน้ำเสียงความเจ็บแค้น
แหม ! ทำงานที่นี่นะเงินดีจะตาย พ่อเฮลก้าให้เงินกับที่นี่เดือนละเป็นหมื่น เจมส์พูดประชด
อ้าว ก็ดีสิ พวกเธอจะได้สบายๆไง นิคพูดด้วยท่าทางใสซื่อ
แซมหัวเราะในลำคอ เข้ากระเป๋ามันหมดนะสิ ยายนี่นะชอบเอาอกเอาใจเฮลก้า หวังว่าจะได้เงินเยอะๆ เวลาเรามีเรื่องกับเฮลก้าทีไร เป็นโดนทำโทษทุกที เหมือนวันนี้ไง แซมหันมามอง
นิคอย่างไม่ค่อยพอใจ
นิคถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วทำไมเธอไม่บอกพ่อของเฮลก้าล่ะ นิคแนะนำ
พ่อของเฮลก้านะ ไม่ได้เป็นเศรษฐีใจบุญรักเด็กหรอกนะ ที่เขาสร้างที่นี่ก็เพื่อเรียกคะแนนนิยมจากชาวบ้าน จนได้เป็นนายกเทศมนตรีที่นี่มาสามสมัยแล้ว แจ๊กกี้กล่าวอย่างดูแคลน
นี่ ! อย่าพูดเรื่องนี้เลย พูดไปก็อารมณ์เสียกันเปล่าๆ แอนทักท้วง
โจหันมายิ้มให้แอนอย่างมีเลศนัย ถ้าอย่างนั้น พูดเรื่องพี่วินดีมั้ย โจพูดจบก็หันมาจ้องแอนก่อนจะทำตาหวานเยิ้ม
ไม่เจอกันตั้งนาน แอนยังน่ารัก แล้วก็จิตใจดีเหมือนเดิมเลยนะครับ โจทำเสียงเข้ม ก่อนจะกุมมือแอนมาแนบอก แอนสะบัดมือออก
จะบ้าหรอ ชอบเล่นอะไรพิเรนๆ แอนต่อว่า แต่สีหน้าของเธอกลับแดงก่ำขึ้นมา
แอน นี่ในนี้หนาวมากจนหน้าแดงเลยหรอ เจมส์แซวต่อ ทุกคนหัวเราะชอบใจกันยกใหญ่
นี่ทำไมพูดถึงพี่วินแล้วต้องหน้าแดงล่ะ นิคตั้งข้อสงสัย
หรือว่าแอนจะชอบพี่วิน แจ๊กกี้ แกล้งทำหน้าตื่นเต้น
นี่! แอนขึ้นเสียง เลิกพูดเรื่องนี้ได้แล้ว เดี๋ยวป้ามาร์ธาได้ยินเข้า เรามีหวังโดนดุแน่ๆเลย แอนเริ่มมีท่าทางเครียด ทุกคนจึงเลิกเล่น
โธ่เอ้ย! แกก็เอาแต่กลัวป้า อย่างนี้เมื่อไหร่จะมีแฟนกับเค้าซักทีล่ะ โจพูดอย่างเบื่อหน่าย
เรายังเรียนหนังสืออยู่เลย ไม่คิดเรื่องพรรค์นี้หรอก แอนตัดบท
ใช่ พวกแกเลิกล้อแอนได้แล้ว พี่วินนะไม่เห็นจะคู่ควรกับแอนตรงไหนเลย แซมพูดขึ้น
ทุกคนหันไปทางแซม แล้วแบบไหนหรอที่เรียกว่าคู่ควร แกนะหวงแอนซะจนเป็นไข่ในหิน ทำตัวอย่างกับเด็กไม่รู้จักโต แจ๊กกี้ต่อว่า
แซมตั้งท่าจะเถียงต่อ โจก็แทรกขึ้นมาก่อนทำไมอาแมกกี้ไม่เอาอาหารมาให้เหมือนเคยนะ หิวจะแย่อยู่แล้ว โจบ่น เพราะปกติเวลาที่ถูกขังอยู่ที่นี่ อาแมกกี้จะแอบเอาอาหารมาให้ตอนดึกๆอยู่เป็นประจำ
อาแมกกี้ลืมมั้ง เจมส์พูดด้วยน้ำเสียงละห้อยเหี่ย
ไม่มีทาง อาแมกกี้ไม่มีทางลืมหรอก แซมพูดด้วยความเชื่อมั่น แต่ในใจเธอก็อดสงสัยไม่ได้
หลังจากนั่งรออาแมกกี้อยู่นาน ทุกคนก็เริ่มหมดแรง และง่วงนอน
น่าจะกินเชอร์รี่มาเยอะๆ เจมส์โอดครวญเสียงแผ่วเบา หลังจากนั้นทุกคนก็หลับไปโดยไม่รู้ตัวเวลาเคลื่อนผ่านไปอย่างเชื่องช้า ในขณะที่อากาศค่อยๆหนาวขึ้นเรื่อยๆ จนทุกคนต้องกลิ้งมานอนเบียดกันอยู่ตรงมุมห้อง
ทุกคนหลับสนิทกันไปได้ครู่หนึ่ง แซมก็ร้องโวยวายเสียงดัง ปลุกให้ทุกคนตื่นขึ้นจากการหลับใหล มีเพียงแอนที่ยังคงนอนตัวสั่นไม่ได้สติอยู่ ในอ้อมแขนของแซม ใบหน้าที่เคยแดงก่ำบัดนี้ขาวซีดราวกับกระดาษ
แซมมีสีหน้าร้อนใจ แย่แล้ว! แอนตัวร้อนจี๋เลย
ไหนดูซิ แกฝันไปรึเปล่า โจพูดอย่างสะลึมสะลือ เธอเอาฝ่ามืออังที่หน้าผากของแอน
พลางอ้าปากหาว แล้วเธอก็ต้องหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง เมื่อความรู้สึกที่ฝ่ามือเธอนั้นร้อนจัดจนน่ากลัว
ทำยังไงดีล่ะ ไข้สูงมากเลย โจพูดขึ้นอย่างตกใจ
นิคเขย่าแขนแอนเบาๆ ตื่นสิแอน นิคพยายามปลุก แต่แอนยังนอนตัวสั่นไม่ได้สติ
ท่าทางแอนจะหนาวนะ แจ๊กกี้เปรยขึ้น ทุกคนจึงคลานเข้าไปจับตัวแอนเอาไว้ และบังเธอจากลมหนาวที่พัดเข้ามา แอนมีสีหน้าดีขึ้นเล็กน้อยหลังจากได้รับความอบอุ่นจากเพื่อนๆ
เช้าวันรุ่งขึ้น นิคตื่นขึ้นเป็นคนแรก ในขณะที่คนอื่นๆยังนอนคุดคู้อยู่ข้างๆแอน แซมนอนกอดแอนเอาไว้ทั้งคืน
แซมเป็นห่วงแอนมากจริงๆ ดูไปดูมาแซมก็เป็นคนที่รักเพื่อนมาก แต่ทำไมชอบตั้งแง่กับเรานักนะ นิคคิดเล่นๆในใจ ในขณะที่เขาจ้องมองใบหน้ายามหลับของแซม ที่ดูแล้วไม่เหลือคราบของเด็กหญิงปากร้าย จอมวุ่นวายให้เห็นอยู่เลย เด็กหญิงตรงหน้าเขาที่แท้จริงแล้วเป็นคนยังไงนะ นิคตั้งคำถามกับตัวเอง
จากคุณ :
ไวยวินน
- [
27 เม.ย. 47 19:45:32
A:202.57.183.225 X:
]