สสาร,พลังงาน : ผู้การ

    ยานมหึมาสีดำสนิทเคลื่อนตัวผ่านอาคารสูงเสียดฟ้าไปอย่างเชื่องช้า  ระยะห่างจากผิวอาคารดูน้อยจนไม่น่าจะเป็นไปได้  แรงดึงดูดและแรงต้านจากเครื่องยนต์หลักของยานก่อให้เกิดลมพัดออกไปทุกทิศทาง ระบบนำร่องบังคับยานให้ไปในทิศทางที่กำหนดไว้อย่างแม่นยำ  แสงสลัวจากสัญญาณไฟชี้เป้าหมายการลงจอดห่างออกไปในทุ่งโล่งด้านหน้าหลังหุบเขา  ห่างออกจากเมืองไปไม่ไกลนัก
    การลงจอดเรียบร้อยดี สัญญาณที่ใช้ในการเดินเรือเหลือแต่เพียงช่องสื่อสารทั่วไปที่ยังคงทำงานอยู่  ตัวยานลอยอยู่เหนือพื้นดินในระดับต่ำสุด  ช่องประตูเปิดออกและเลื่อนพื้นเอียงออกมาเป็นทางเดินลงสู่พื้นดิน
    ร่างคล้ายมนุษย์ทยอยออกมาจากช่องประตู   หนึ่งในนั้นสั่งการกับที่เหลืออย่างเร่งรีบ

    " ไม่ต้องเอาขาตั้งลง  ติดเครื่องพร้อมเดินทางอยู่ตลอดเวลา  ไม่แน่ว่าเราอาจจะกลับมาเร็วกว่าตารางที่กำหนดเอาไว้ ถ้าหากพวกเราไม่กลับมาก็เอายานขึ้นได้ทันที เราจะหาทางขึ้นไปสมทบที่ด้านบนเอง "
    คำสั่งได้รับการปฏิบัติอย่างเคร่งครัด  กลุ่มที่เหลือทยอยกันออกมาด้านนอกจนครบ  เหลือแต่เพียงผู้บังคับบัญชาที่ยังคงยืนดูความเรียบร้อยของยานเป็นขั้นสุดท้าย

    " ผู้การดูจะเครียดเกินไปรึเปล่า ถ้าเขาจะจัดการผู้การจริงๆสภาคงไม่เรียกตัวอย่างเปิดเผยแบบนี้แน่ "
    ผู้การหันกลับมามองผู้ถามครู่หนึ่งเหมือนไม่เห็นด้วย
    " บูส..   แกเป็นหน่วยขับเคลื่อนหรือเป็นศูนย์สั่งการ ข้าก็ทำตามขั้นตอนการลงจอดธรรมดาเหมือนทุกที "
    " ผู้การเคยตรวจดูด้วยตัวเองแบบนี้ด้วยหรือ ผมว่าไม่นะ ยังไงผู้การก็ทำตัวสบายๆซะหน่อยจะดีกว่า "
    " ข้าไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร  แล้วก็เลิกถามโน่นถามนี่ได้แล้ว "
    “ ถ้าเช่นนั้นก็เอาขาตั้งลงเถอะครับ  พลังงานหลักของยานจวนจะใกล้ขีดแดงแล้ว  หลังจากทำงานเต็มอัตราในช่วงสงคราม อย่างน้อยเครื่องยนต์หลักน่าจะได้พักบ้าง  นี่เป็นคำแนะนำในฐานะหน่วยขับเคลื่อนนะครับ ”

    ผู้การนิ่งไปพักหนึ่ง  การชี้แจงของหน่วยขับเคลื่อนมีเหตุผลพอสมควร  พวกเขาเดินทางมาจากอีกฟากของดาวหลังจากทำภารกิจปราบปรามเนเชอเรี่ยนครั้งใหญ่  พลังงานหลักเกือบทั้งหมดใช้ไปกับอาวุธและการป้องกันตัวเอง  เนเชอเรี่ยนพวกนั้นเพิ่มจำนวนมากขึ้นอย่างน่าตกใจ  ดูเหมือนว่าพวกมันจะเริ่มพัฒนาตนเองอีกแล้ว  มีการใช้ดินปืนเพื่อเป็นอาวุธต่อต้านการเข้าควบคุม อาวุธง่ายๆเช่นจรวดถูกสร้างขึ้นเป็นจำนวนมาก หากเป็นเช่นนี้ ในอนาคตพวกมันอาจจะไม่ยอมอยู่ในเขตอนุรักษ์อีกต่อไป  สภาพการของสิ่งแวดล้อมที่เลวร้ายเช่นในเขตอนุรักษ์ก็จะแผ่ขยายออกมาเหมือนโรคระบาด

    ทั้งที่การปราบปรามเป็นภารกิจสำคัญ แล้วทำไมสภาถึงเรียกตัวเขากลับมากลางคัน

    ยานของเขามีพลังงานสำรองเพียงพอสำหรับเรียกกำลังเสริมเข้ามาจัดการกับเนเชอเรี่ยนที่เหลือได้สบายๆ  แม้จะไม่เข้าใจแต่คำสั่งของสภาต้องมาก่อน  เขาสั่งหันลำกลับมาอย่างยากลำบากท่ามกลางการรุกไล่ของเนเชอเรี่ยนน่าขยะแขยงพวกนั้น  มีเสียงโห่ร้องและจรวดรูปร่างน่าเกลียดถูกยิงขึ้นมาอีกหลายต่อหลายครั้ง  กระทั่งยานไต่ระดับขึ้นไปเกือบจะถึงด้านล่างของ’ พิษร้าย’  การโจมตีจึงสิ้นสุดลง
    ผู้การมองดูรอยแผลจากแรงระเบิดที่ปรากฏอยู่ทั่วไป  ผิวหน้าของยานรบที่เคยเป็นแผ่นเรียบกลับฉีกขาดและเต็มไปด้วยร่องรอยความเสียหาย  
    “ ถ้าอย่างนั้นแกจัดการควบคุมที่เหลือต่อ  ข้าจะเข้าไปถามสภาให้รู้เรื่อง ”
    ผู้การมอบหมายการลงจอดให้เป็นหน้าที่ของผู้ปฏิบัติงาน  ผู้ได้รับมอบหมายพร้อมกับผู้ช่วยอีกสองคนแยกตัวกลับขึ้นยานไปตามคำสั่ง  หากแต่ผู้การหันกลับมาสั่งกำชับอีกครั้ง
    “ แล้วก็รีบไปเปลี่ยนบุคลิกออกได้ด้วย ลักษณะวกวนและการแสดงอารมณ์ที่ไม่จำเป็นทำให้คำพูดของแกเข้าใจยาก ”
    “ โธ่ ผู้การ..  ใครๆเขาก็มีลักษณะอารมณ์สำรองกันไว้ทั้งนั้น  ผู้การก็น่าจะหามาใช้บ้างนะครับ ”
    “ แกเป็นทหาร  และนี่เป็นคำสั่งของผู้บังคับบัญชา ”
    หน่วยขับเคลื่อนรับคำอย่างเสียมิได้  น้ำเสียงบอกว่าไม่มีความเต็มใจเท่าใดนัก
    “ ครับผม  ไว้ถ้าคนอื่นเปลี่ยนเมื่อไหร่ ผู้การช่วยเตือนผมเรื่องเปลี่ยนบุคลิกอีกทีก็แล้วกัน ”
    “ ไม่ต้องเลี่ยง จัดการให้เสร็จเรียบร้อยภายในสามวัน ”

    คราวนี้ไม่มีเสียงตอบรับคำ  ลับหลังกลับมีเพียงเสียงถอนหายใจและสีหน้าเหนื่อยหน่ายของผู้ใต้บังคับบัญชาที่แสดงออกมาโดยไม่ปิดบัง

    …………………………………………

    ตั้งแต่เริ่มรับรู้สิ่งต่างๆได้  ชื่อจริงของเขาคือหมายเลข 14 แต่ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชามักจะเรียกเขาว่า โฟทีน ถือเป็นชื่อที่ค่อนข้างสามัญหากเทียบกับคนอื่นๆ  เพียงพยางค์เดียวในขณะที่คนอื่นถูกเรียกด้วยคำพูดสามถึงสี่พยางค์  มากที่สุดถึงสิบสอง  แต่เขาก็ไม่ได้สงสัยหรือหาเหตุอันใดให้ตัวเองขุ่นเคืองเพียงเพราะเสียงที่คนอื่นใช้แทนตัวของเขาเอง
    เงาดำทำให้พื้นดินด้านล่างจำเป็นต้องมีหลอดไฟและสปอตไลท์ขนาดใหญ่คอยให้แสงสว่างเพิ่มเติม  หมู่ตึกด้านข้างเพิ่มความสูงขึ้นไปอีกนับจากครั้งสุดท้ายที่เขาเข้ามาที่นี่  ในส่วนที่สูงมากๆจะถูกเชื่อมโยงไว้ด้วยคานเหล็กเพื่อเสริมความแข็งแรงรองรับแรงลมที่เกรี้ยวกราดอยู่ตลอดเวลา  ส่วนเชื่อมโยงบางแห่งถูกดัดแปลงเป็นช่องทางสำหรับขนส่งหรือเดินทางไปมาระหว่างอาคาร   ความสลับซับซ้อนเหล่านี้นับวันจะยิ่งเพิ่มมากขึ้นทุกที  หากเขาถูกย้ายเข้ามาปฎิบัติหน้าที่ในตัวเมือง  เขาอาจจะไม่มีความจำเป็นต้องลงมายังพื้นเลยก็ได้  โครงข่ายเชื่อมโยงเหล่านี้คล้ายกับใยแมงมุมที่สามารถส่งเขาเดินทางไปทั่วทั้งเมืองได้โดยสะดวก

    ยวดยานพาหนะถูกแทนที่ด้วยทางเลื่อนขนส่งความเร็วคงที่ แต่ลงเส้นทางคลาคล่ำไปด้วยผู้คน หลังจากเลี้ยวที่แยกสุดท้าย สิ่งที่ถูกเรียกว่า”สภา”เป็นอาคารทรงสมมาตรปรากฎตรงหน้าไม่ไกลนัก รูปทรงที่แบนและเรียบดูแตกต่างจากตึกสูงยอดแหลมที่รายล้อมอยู่รอบข้าง  เงาดำทาบทับลงมาทำให้อาคารแห่งนี้ดูคล้ายกระท่อมหลังเล็กๆในป่าสีดำสูงเสียดฟ้า  พื้นที่โดยรอบถูกปรับจนราบเรียบและปูด้วยแผ่นหินจนเต็มบริเวณที่ว่างรูปสี่เหลี่ยม
    แขกผู้มาเยือนจะผ่านช่องทางเดินที่ครอบด้วยโดมก่อนจะเข้าไปสู่ด้านใน  บริเวณสภาถูกกั้นด้วยรั้วโปร่งแสงคล้ายกระจก  ผิดกับกระจกตรงที่วัสดุที่ใช้ทำรั้วหยุ่นเหนียวจนเป็นไปไม่ได้ถ้าหากจะมีใครซักคนพยายามปีนข้ามไป  เพียงแค่สัมผัส  รั้วประหลาดนี้ก็จะดึงให้แขนหรือขาของผู้บุกรุกจมหายเข้าไปด้านใน  ผู้บุกรุกจะติดคาอยู่อย่างนั้นจนกว่ายามจะมาปลดล๊อคและทำการจับกุม

    จากคุณ : ท้ายซอย - [ 27 เม.ย. 47 21:22:52 ]