จากเรื่อง...Nakunatta hashiradokei
ของ...Takagi Takeshi
****************************************************
" teketen terenga tensuku sutten"
เสียงของคุณโมจิซึกิ ที่ตะโกนร้องบอกจังหวะ ให้ประสานกับที่มิกะและเพื่อนๆกำลังตั้งอกตั้งใจถือไม้รัวหน้ากลอง
หอประชุมนั้นกว้างใหญ่ ทำให้เสียงกลองดังกระหึ่มกังวาล
ในเดือนเมษาของทุกปี เมืองที่มิกะอาศัยอยู่นั้นจะมีเทศกาลประจำปี เด็กๆที่อยู่ในเกณฑ์อายุกำลังจะขึ้นชั้นป.ห้าของเมืองนี้ จะได้รับการอนุญาตให้ตีกลองในงานเทศกาลประจำปีได้ ซึ่งพวกเค้าจะต้องยืนตีกลองอยู่บน...ดาชิ (รถที่จะนำออกมาเพื่อการพิธีนี้โดยเฉพาะ)
มิกะและพวกเด็กๆผู้ชายอีกหลายคนที่กำลังจะขึ้นชั้นป.ห้าก็เช่นกัน พวกเค้าต่างก็กำลังหมั่นฝึกซ้อมตีกลองประจำพิธีกันอย่างขมักเขม้น ขันแข็ง
"อ้าว!...จะสองทุ่มแล้วล่ะ...เด็กๆ...วันนี้พอแค่นี้ก่อนก็แล้วกัน"
คุณโมจิซึกิที่เป็นครูฝึก ดูนาฬิกาข้อมือพลางตะโกนบอกเด็กๆ "ขอบใจมากนะทุกๆคน ที่ตั้งใจมาฝึกกันทุกวัน...พยายามเข้านะ" แล้วแกก็จะพูดอย่างนี้ไปพลาง พร้อมกับแจกน้ำผลไม้เย็นฉ่ำให้พวกเราทุกคน
คุณโมจิซึกิทำงานอยู่ในสภาตำบล ที่เดียวกับพี่ชายของมิกะ หลังเลิกงาน คุณโมจิซึกิจะมาทำการสอนและฝึกซ้อมการตีกลองพิธีให้กับเด็กๆอย่างพวกมิกะที่หอประชุมศาลาประชาคมแห่งนี้
เวลาที่มีการเล่นกีฬ่าพวกซอฟท์บอล หรือกิจกรรมอื่นๆ
เด็กๆมักจะได้รับการดูแลจากคุณโมจิซึกิที่มาช่วยงานอยู่เสมอๆ จนเป็นที่รู้จักดี "มดจัง...มดจัง...." เด็กๆเรียกคุณโมจิซึกิด้วยชื่อนั้นอย่างคุ้นเคย และติดคุณโมจิซึกิแจ...ที่มิกะเข้าปะปนร่วมตีกลองพิธีกับเด็กๆผู้ชาย ก็เพราะมีคุณโมจิซึกิน่ะแหละ
"นี่ทุกคน...สองทุ่มกว่าแล้ว...รีบๆดื่มน้ำผลไม้ให้เสร็จแล้วก็กลับบ้านกันได้แล้ว" แล้วคุณโมจิซึกิ ก็มองดูนาฬิกาข้อมืออีกที...ตอนนั้นเองที่มิกะเริ่มสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง
...ทำไมที่หอประชุมศาลาประชาคมนี่ ไม่มีนาฬิกาแขวนบอกเวลานะ?...
ความจริงหอประชุมศาลาประชาคม เป็นที่ชุมนุมของผู้คนที่เข้ามาพบปะประชุมกิจกรรมกัน ก็น่าจะมีนาฬิกาติดไว้ที่กำแพงให้ดูบอกเวลา เหมือนอย่างที่โรงเรียนมีนี่นา มิกะรู้สึกแปลกใจตะหงิดๆจนอดรนทนไม่ไหว เลยเข้าไปถามคุณโมจิซึกิ
"มดจัง...ทำไมที่หอประชุมไม่มีนาฬิกาล่ะคะ...!?
ความจริงถ้ามีนาฬิกาติดอยู่ คุณก็คงไม่ต้องก้มดูนาฬิกาบ่อยๆแบบนั้นนี่"
คุณโมจิซึกิยิ้มน้อยๆหลังจากได้ยินมิกะพูด
"หอประชุมแห่งนี้น่ะ...ไม่มีนาฬิกามาตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์โน่นแล้วล่ะจ้ะ มิกะ"
"หืมมม....!!"
แต่ถึงอย่างไรมิกะก็เข้าใจไม่ได้อยู่ดี ทำให้อยากรู้ไปมากขึ้นว่ามีสาเหตุมาจากอะไร หอประชุมแห่งนี้จึงไม่มีนาฬิกาบอกเวลาที่ข้างฝากำแพง ค่ำนั้น.. หลังจากที่มิกะกลับบ้านและลงมือทานข้าวซึ่งเป็นอาหารเย็นที่ค่อนข้างดึก มิกะ เอ่ยปากถามพ่อไประหว่างมื้อนั้น
"พ่อจ๋า...ทำไมที่หอประชุมศาลาประชาคมไม่มีนาฬิกาแขวนให้ดูเวลาอยู่เลยล่ะจ๊ะ ถามมดจัง มดจังก็บอกว่าไม่มีมานมนานตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว หนูล่ะสงสัยจังเลยพ่อ"
พ่อยิ้มให้มิกะเมื่อถูกถาม แล้วปากของพ่อก็เริ่มเล่าเรื่องราว "นานมาแล้วล่ะลูก....ประมาณยี่สิบปีมาแล้วละมัง..."
"โห...จากเดี๋ยวนี้ไปอีกยี่สิบปีที่แล้ว..."
"สมัยที่ศาลาประชาคมยังเป็นตึกเก่าๆ ก่อนที่จะได้รับการซ่อมแซมให้ดูใหม่เหมือนเดี๋ยวนี้ สมัยนั้นอุปกรณ์เครื่องอำนวยความสะดวกอะไรต่างๆยังมีไม่เพียงพอ ศาลาประชาคม ก็เป็นที่ดูแลเด็กๆที่มารวมกันอยู่อย่างตอนนี้น่ะลูก เวลาที่พ่อแม่ของเด็กๆไปทำงาน เด็กๆก็จะพากันมาเล่นเพื่อคอยพ่อแม่ ในจำนวนเด็กๆเหล่านั้นก็มีเด็กคนนึงชื่อ เค็น อยู่ด้วยล่ะ
เค็น ถึงแม้จะเป็นเด็กที่มีอายุน้อยที่สุดในบรรดากลุ่มเด็กนั้น แต่เค้าก็เป็นเด็กที่แข็งแรงที่สุด แล้วก็ซุกซนที่สุดด้วย
ทุกวันเค็นจะไปที่นั่น อ่านหนังสือบ้าง เล่นกับเด็กรุ่นพี่บ้างจนมืดค่ำ เพื่อคอยพ่อแม่ทำงานเสร็จ แล้วมารับเค้ากลับ
"มง....มง....มง...." เสียงนาฬิกาแขวนที่ศาลาประชาคมจะดังหกครั้งในตอนหกโมงเย็น
"เฮ้ยยย....หกโมงแล้วววว...."
นาฬิกาแขวนที่นั่นเป็นนาฬิกาแขวนใช้ถ่านแบตเตอรี่
ตัวเรือนดูสวยงามมีราคา ที่ได้รับบริจาคมาจากชาวบ้านให้เป็นของสำหรับศาลาประชาคม เวลาที่นาฬิกาตีบอกเวลาหกโมงเย็น พวกพ่อแม่ของเด็กๆที่ทำงานเสร็จแล้ว ต่างก็จะมารับลูกๆกลับบ้าน แล้วทุกครั้ง กว่าที่พ่อแม่จะมาถึง เวลาก็ผ่านไปช้ามากกว่าคนอื่น ต้องเหลือเค้าคอยอยู่ที่นั่นคนเดียวก็คือ เค็น
เวลาที่เด็กๆกลับไปหมดแล้ว คนดูแลสถานที่ใจดีที่นั่น
เห็นเค็นเหลืออยู่คนเดียวนั่งเหงาๆก็จะมาอยู่เป็นเพื่อนเค็น
ดูทีวีด้วยกันบ้าง เพื่อรอพ่อแม่ของเค็นมารับ
อยู่ๆวันหนึ่ง "เค็น...หายตัวไปไหนก็ไม่รู้" เด็กที่อยู่ที่นั่นกันประจำเริ่มส่งเสียงผิดปรกติ คนดูแลสถานที่รวมทั้งเด็กๆที่เล่นกันอยู่ที่นั่น ตกอกตกใจ พากันตามหาเค็นทั่วศาลาประชาคม ตะโกนเรียกชื่อหาเท่าไหร่ก็หาไม่พบ
พ่อแม่ที่ถึงเวลากลับมารับลูก รวมทั้งเจ้าหน้าที่ที่ทำงานอยู่ในสภาตำบล ต่างก็มาช่วยกันหาเค็นไปพร้อมๆกับคนดูแลศาลาประชาคม จนกลายเป็นเรื่องใหญ่โตขึ้น ในที่สุดคนดูแลศาลาประชาคม ตัดสินใจที่จะโทรศัพท์บอกตำรวจ
"มง....มง....มง" เสียงตีของนาฬิกาดังขึ้น
ทุกคนหันขวับไปมองที่ตั้งของนาฬิกาแขวน แต่ว่าตรงนั้น...ไม่มีนาฬิกา....เสียงตีของนาฬิกาดังต่อไปจนครบหกครั้ง และมันดังลอดออกมาจากชั้นเก็บฟุตง(ที่นอน)ของศาลาประชาคม
พอทุกคนไปที่นั่น เปิดประตูชั้นเก็บที่นอนออก
ร่างที่นอนกอดนาฬิกาไว้กับอก และหลับอย่างสุขสบายของเค็น ก็อยู่ที่นั่น
เวลาหกโมงกว่าของทุกๆวัน เด็กจะกลับบ้านกันไปหมดแล้วเหลือเพียงเค็นที่ต้องอยู่อย่างหงอยเหงาทุกวัน
เค็นคงคิดว่า ถ้าไม่มีนาฬิกาตีบอกเวลา เด็กๆก็คงไม่กลับบ้าน และยังอยู่เป็นเพื่อนเล่นกับเค้าจนพ่อแม่กลับมารับละมัง
เวลาที่ทุกคนกำลังเล่นกันอย่างสนุกสนาน เพลิดเพลิน
เค็นคงจะเอาเก้าอี้มาปีนและพยายามปลด หอบเอานาฬิกาแขวนลงมา ผู้ใหญ่ทุกคนที่อยู่ตรงนั้น มองดูหน้าเค็นที่นอนหลับไหลกอดนาฬิกา แม้ว่าเสียงนาฬิกาจะตีบอกเวลาแต่เค็นก็ยังไม่ตื่น แล้วรู้สึกเหมือนเค็นกำลังภาวนา อ้อนวอนอะไรบางอย่าง
"คงจะเป็นสาเหตุนี้ละมังลูก ที่ทำให้ตั้งแต่นั้นมา ศาลาประชาคมเลยไม่มีใครติดตั้งนาฬิกาแขวนไว้ที่นั่นอีกเลย"
แล้วเรื่องราวที่ถ่ายทอดออกมาจากปากพ่อ ก็จบลงตรงนั้น....
มิกะฟังเรื่องราวแล้วนึกขึ้นได้กับอะไรบางอย่าง
คุณโมจิซึกิ ที่มิกะและเด็กทุกคนรักนั้น ชื่อจริงแกชื่อ "เค็นจิ" "ถ้างั้น เด็กที่ชื่อเค็น.....ก็มดจังของพวกเรารึเปล่า?"
มิกะคิดและเชื่ออย่างนั้นอยู่แล้ว
จนบัดนี้...ที่ศาลาประชาคมแห่งนั้น ก็ยังไม่มีนาฬิกาบอกเวลาติดอยู่เหมือนเคย.....
จากผู้แปล...โดยปรกติ คนญี่ปุ่นจะเรียกชื่อโดยใช้นามสกุล เช่นโมจิซึกิ เค็นจิ
นามสกุลคือ โมจิซึกิ และชื่อจริงคือ เค็นจิ
และอาจจะตั้งชื่อย่อจากนามสกุลเพื่อเรียกให้สนิทสนมขึ้น
ส่วนชื่อจริง จะเป็นบุคคลในครอบครัว หรือเพื่อนสนิทจริงๆเท่านั้นที่มักจะนิยมเรียกกัน
ตามเขตต่างๆของแต่ละเมืองในญี่ปุ่นส่วนใหญ่
สถานที่ราชการเช่น สภาตำบลในเรื่องนี้
จะมีตึกกิจกรรมแยกเป็นศาลาประชาคมสำหรับคนในชุมชน โดยอาจจะมีชื่อแตกต่างกันไปในแต่ละท้องถิ่น
เพื่อให้คนในชุมชนนั้นๆได้มาทำกิจกรรมร่วมกัน
หรือมาประชุมหารือเพื่อทำกิจกรรมส่วนรวมในการพัฒนาความเจริญในชุมชนของตน.....
ไม่ได้เข้ามานานเป็นเดือน...เพราะติดงานที่นี่จนไม่มีเวลามานั่งนานๆ อ่านหนังสือทอดอารมณ์เลยค่ะ
พอมาจับหนังสืออ่านอีกครั้ง ก็อดที่จะแปลออกมาเป็นภาษาไทยบนแป้นพิมพ์ไม่ได้ หวังว่าเรื่องแปลเรื่องนี้คงทำให้ผู้อ่านเพลิดเพลินบ้างไม่มากก็น้อยนะคะ...ขอบคุณค่ะที่เข้ามาชมกระทู้นี้....
แก้ไขเมื่อ 28 เม.ย. 47 12:24:53
แก้ไขเมื่อ 28 เม.ย. 47 12:16:31