หมายเหตุ : นักอ่านท่านใดที่มีความชื่นชอบฉิกจับอิดว่าเป็น
เรื่องแนวเครียด อ่านแล้วต้องคิดมากๆ ไม่ใช่เรื่องบ้าๆบอๆ เฮฮา
ไร้สาระ ขอให้อ่านข้ามตอนนี้ไปเลย เพราะอาจทำให้เสียความ
รู้สึกได้
ด้วยรัก จากผู้แต่ง
กำหนดเวลาสองเดือนกระชั้นสั้นเข้ามาทุกที ทว่าเหวินเหม่ยชิงยังมิสามารถคลี่คลายความลับของคดีฆาตกรรมเหล่าชาวยุทธได้แม้แต่น้อย หญิงสาวพยายามค้นหาทุกวิถีทาง แต่คล้ายกับงมเข็มในมหาสมุทร เบาะแสแม้เพียงเล็กน้อยยังมิปรากฏ...
จนกระทั่งเมื่อสามวันก่อนขณะที่หญิงสาวกำลังเดินทางในราวป่าแห่งหนึ่ง นางได้พบกับกลุ่มคนลึกลับกลุ่มหนึ่ง ดั้นด้นไปชุมนุมกัน เหวินเหม่ยชิงไม่รอช้า รีบติดตามไป เวลานี้ความผิดปกติแม้เล็กน้อยนางก็จะมิยินยอมปล่อยผ่านอย่างเด็ดขาด! อย่าว่าแต่กลุ่มคนเหล่านี้มิได้ผิดปกติแค่เพียงเล็กน้อย แต่พวกมันผิดปกติถึงขั้นประหลาดพิกลถึงที่สุด!!! พวกมันมีที่ใดประหลาดพิกล?!!
ที่ประหลาดพิกลคือ พวกมันล้วนธรรมดาสามัญเกินไป
ธรรมดาเกินไปก็ถือว่าประหลาด?
คนธรรมดาเหล่านี้ดูผิวเผินล้วนสามัญยิ่ง ทว่าฝีเท้าของพวกมันกลับรวดเร็วผิดปกติ เหวินเหม่ยชิงติดตามพวกมันเป็นระยะทางหลายสิบลี้ ยังมิเห็นพวกมันหยุดพักแม้สักครู่เดียว ยังมีสถานที่ๆ พวกมันพากันเดินทางไปชุมนุมนั้น หากเป็นร้านอาหาร หรือตามตัวเมืองน้อยทั่วๆ ไป นั่นหาได้เป็นเรื่องประหลาดพิสดารแต่อย่างใด แต่นี่พวกมันซึ่งดูราวกับว่าเป็นชาวนาและชาวบ้าน กลับดั้นด้นไปชุมนุมกันในดินแดนรกร้างในราวป่า เช่นนี้ย่อมมิใช่เรื่องสามัญปกติ พวกมันที่ทำเช่นนี้ย่อมต้องการหลบให้พ้นจากหูตาของผู้คน และนั่นคือสิ่งที่เหวินเหม่ยชิงรู้สึกสนใจ ในที่สุดหญิงสาวติดตามพวกมันไป...
ผู้คนกลุ่มนั้นประกอบด้วยบุรุษสตรี มีทั้งหนุ่มฉกรรจ์และแก่เฒ่า แต่งกายด้วยอาภรณ์ที่แตกต่างกัน ทว่าที่เหมือนกันคือ บนตัวของทุกผู้คนประดับด้วยเครื่องประดับรูปดอกบัวทั้งสิ้น!!!
ดอกบัว!? เฮียงเน้ย(ดอกบัวหอม)!? นามนี้เหวินเหม่ยชิงกลับเคยได้ยินมาก่อน เหวินเหม่ยชิงก็รู้จัก...เฮียงเน้ย!!???
อันสำนักหันซานนั้น แม้จะจัดว่าเป็นสำนักเล็กในหอห้ากระบี่ แต่หลังจากที่เหวินเหม่ยชิงก้าวขึ้นเป็นเจ้าสำนัก ด้วยชื่อเสียงของนางมิเพียงรับศิษย์เพิ่มเติมจำนวนมาก ยังมีการจัดวางสายสืบเพื่อคอยสอดส่องความเคลื่อนไหวของยุทธภพ และหนึ่งในข่าวสำคัญที่สายสืบรายงานมาก็คือ...การปรากฏตัวขึ้นของกลุ่มคนที่เรียกตนเองว่า...ดอกบัวหอม(เฮียงเน้ย)
พวกมันมักปรากฏตัวในบริเวณใกล้เคียงกับที่ๆ โรงเตี๊ยมหรือกิจการค้าอื่นๆ ของฉิกจับอิดตั้งอยู่ ทั้งสองคล้ายแสงและเงา เมื่อมีฉิกจับอิด ย่อมมีเฮียงเน้ยปรากฏขึ้นด้วย มิเพียงเท่านั้น เหวินเหม่ยชิงยังสืบได้ความอีกว่า ร้าน "เฮียงเฮียง" ของเฒ่ามากวาสนามีการไปมาหาสู่กับกลุ่มคนดังกล่าว มิแน่นักคนของเฮียงเน้ย อาจจะเป็นคนของเฒ่ามากวาสนานั่นเอง!!!
และเรื่องราวบังเอิญเหล่านี้มิได้มีเพียงเท่านั้น ในเขตพื้นที่เดียวกันกับที่กิจการค้าของฉิกจับอิด และร้านเฮียงเฮียงตั้งอยู่นั้น มักมีโจรปล้นชิงอาละวาด ร้านค้าทั้งหลายถูกปล้นชิงเป็นประจำ มิเว้นแม้ร้านของฉิกจับอิด หนึ่งเดียวที่รอดพ้นคือ...ร้านเฮียงเฮียง
ถึงกับมีคำร่ำลือว่า เฒ่ามากวาสนานั้น มากด้วยวาสนาจริงๆ กระทั่งโจรร้ายยังมิสามารถทำประการใดกับมัน บางคนว่ามิใช่เช่นนั้น แต่เป็นเพราะคนผู้นี้มากด้วยความโอบอ้อมอารี คบหาสหายมิใช่น้อย ดังนั้นโจรร้ายมิกล้าตอแยกับพวกมัน อีกคนค้านว่า พวกท่านคิดว่าอิทธิพลของฉิกจับอิดด้อยกว่าคนผู้นี้หรือ? เหตุใดโจรร้ายกล้าตอแยกับฉิกจับอิด กลับละเว้นเฮียงเฮียง? คำกล่าวนี้นับว่ามิมีผู้ใดสามารถตอบได้ เพียงทราบแต่ว่ากิจการของเฮียงเฮียงมิเคยมีผู้ใดตอแยมาก่อน!
เหวินเหม่ยชิงหยุดชะงัก รีบเร้นกายหลบหลังต้นไม้ใหญ่ เนื่องเพราะกลุ่มคนที่หญิงสาวสะกดติดตามได้หยุดลงแล้ว พวกมันคล้ายกำลังรอคอยผู้ใด เหวินเหม่ยชิงกะจำนวนคร่าวๆ ของพวกมัน คิดว่ามีจำนวนไม่น้อยกว่าห้าสิบคน นับว่าเป็นจำนวนที่ไม่น้อยทีเดียว
"คารวะผู้คุ้มกฏ!!!"
คนผู้หนึ่งแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่หรูหรางดงาม ทว่าสีสันของมันกลับเป็นสีขาวอมเทา ออกเหลื่อมฟ้าเล็กน้อย ยามขยับตัวเสื้อผ้าพลิ้วไหว ดูไปคล้ายก้อนเมฆหย่อมหนึ่ง บนใบหน้าประดับด้วยหนวดเส้นเล็กเรียว
แวบแรกที่เหวินเหม่ยชิงเห็นคนผู้นี้ก็ล่วงรู้ว่ามันฝีมือไม่ธรรมดา เนื่องเพราะท่วงท่าในการเยื้องย่างของมันแต่ละก้าว ล้วนแต่หนักแน่นมั่นคง เปี่ยมไปด้วยพละกำลัง พลังฝีมือของคนผู้นี้ต้องมิเป็นรองนางอย่างแน่นอนทีเดียว!
คนผู้นี้คือผู้ใดกัน!!?
หญิงสาวค่อยๆ เคลื่อนกายถอยออกมาจากบริเวณนั้นโดยไร้สุ้มเสียงผิดปกติ เรื่องราวครั้งนี้คงมีเบื้องหลังแอบแฝง ผู้คนจำนวนหลายสิบคนมาชุมนุมกัน แต่ละคนล้วนแล้วแต่เป็นมือดี เรื่องราวนี้เห็นทีจักไม่ธรรมดาเป็นแน่แท้ เห็นทีนางต้องรีบติดต่อกับคนผู้นั้น ดูว่าสามารถทำประการใดได้บ้าง
เหวินเหม่ยชิงโลดแล่นด้วยพลังตัวเบาอย่างสุดกำลัง ผ่านไปชั่วระยะเวลาหนึ่งก็พ้นออกจากราวป่ามาได้ ทันใดนั้นเอง!!!
แม่นางน้อยเจ้าคิดไปที่ใดกัน? เสียงๆ หนึ่งดังขึ้น
เหวินเหม่ยชิงสะดุ้งสุดตัว ด้วยพลังฝีมือระดับนาง ผู้ที่คิดเข้าใกล้ในระยะยี่สิบก้าว โดยนางมิทันรู้สึกตัวนั้นนับว่ายากลำบากยิ่ง อย่าว่าแต่พลังตัวเบาของนางมิต่ำทราม ผู้ที่สามารถติดตามนางทันมีน้อยยิ่งกว่าน้อย ทว่าเวลานี้ชายในชุดสีขาวสลับเทาผู้นั้นกลับยืนขวางทางของนางอยู่ก่อน!!!
"ท่าน!!!"
"ข้าพเจ้าเรียกเกี่ยมฮุ้น แม่นางคิดไปที่ใด?"
"ข้าพเจ้าคิดไปที่ใด ล้วนมิเกี่ยวกับท่าน โปรดหลีกทาง" หญิงสาวกล่าวพร้อมเลื่อนมือแตะด้ามกระบี่ พลางครุ่นคิด ที่แท้มันมีนามว่าเกี่ยมฮุ้น มิทราบมีความเป็นมาเช่นไร?
เกี่ยมฮุ้นถลึงตามองอีกฝ่าย หญิงสาวผู้นี้รูปโฉมงดงาม บุคลิกงามสง่า ดูไปมิได้ด้อยไปกว่าหลี่ซังซังแม้แต่น้อย เปรียบได้กับเบญจมาศกับกล้วยไม้ ต่างงดงามไปคนละแบบ มิว่าผู้ใดต่างมิสามารถตัดสินลงไปว่าใครงดงามกว่ากัน ทันใดนั้นมันก็นึกความเป็นมาของหญิงงามตรงหน้าออก
"ได้ยินว่าเหวินเหม่ยชิงแห่งหันซานงดงามดุจเทพธิดา เห็นทีจะจริงดังคำร่ำลือ!!!"
"นี่ท่าน!!!" เหวินเหม่ยชิงอุทานออกมา ในที่สุดอีกฝ่ายสามารถเดาฐานะของตนออก แต่ในเมื่อสามารถเดาฐานะของตนได้ เหตุใดยังมิยินยอมหลีกทาง นี่มิใช่ อีกฝ่ายมีความมั่นใจในการรับมือกับนางหรอกหรือ?
"หากยังมิหลีกทาง ข้าพเจ้าจะมิเกรงใจแล้ว!" เหวินเหม่ยชิงตวาด มือกำด้ามกระบี่แน่นจนข้อนิ้วมือซีดขาว ปราศจากโลหิต
"ฮา ฮา หลีกทางจะเป็นอย่างไรไป" เกี่ยมฮุ้นกล่าวพลาง เบี่ยงกายไปอยู่เสียทางหนึ่ง ปล่อยให้เหวินเหม่ยชิงผ่านไป
"ขอบคุณท่าน" เหวินเหม่ยชิงประสานมือคารวะ ก้าวเดินผ่านไป ทว่าขณะที่จะพ้นผ่านไป อีกฝ่ายพลันเคลื่อนไหว
มันชักกระบี่ออกอย่างรวดเร็วราวงูฉก กระบี่เล่มนั้นพุ่งเข้าจู่โจมหญิงสาวจากทางขวามือ เหวินเหม่ยชิงนั้นลอบระวังอยู่ก่อนแล้ว ขณะเคลื่อนกายผ่านอีกฝ่ายก็ลอบเดินลมปราณ ฉับพลันกระบี่ในมือแตกระเบิดออกอย่างถี่ยิบ กระบวนท่าที่ใช้คือ..."ค่ายกลกระบี่โค้ง" แห่งหันซาน!!!
"ควับ เคร้ง พลั่ก"
กระบี่ในมือของเกี่ยมฮุ้นพุ่งทะลวงเข้าใส่อย่างรุนแรง กลับปะทะกับพลังกระบี่จากค่ายกลกระบี่โค้ง กระบี่ทั้งสองเล่มดุจเดียวกัน พอกระทบถูก ก็สะท้อนกลับ เกี่ยมฮุ้นเห็นเช่นนั้นจึงสะบัดฝ่ามืออีกข้างหนึ่งซัดฟาดเข้าใส่ เหวินเหม่ยชิงไม่รอช้า ร่ายรำฝ่ามือด้วยเคล็ดลับ "เพลงกระบี่ไตรลักษณ์" ซัดฟาดโต้ตอบ ในที่สุดทั้งสองปะทะกันหนึ่งฝ่ามือ รู้สึกพลังของอีกฝ่ายรุนแรงหนักแน่นเข้มแข็ง
เหวินเหม่ยชิงอาศัยหยิบยืมพลังจากการปะทะฝ่ามือ ดีดกายตามสภาวะ ร่อนร่างถอยห่างออกไป กระบี่ในมือกรีดฟาดติดต่อกัน ปิดกั้นมิให้อีกฝ่ายติดตาม
เกี่ยมฮุ้นเห็นเช่นนั้น จึงควงกระบี่ในมือเป็นวงจรซ้อนๆ กัน สามวง กรีดสะบัดเข้าใส่ พลังกระบี่ที่หมุนวนสามสายวิ่งฝ่าอากาศจู่โจมเข้าใส่เหวินเหม่ยชิงแต่ไกล บีบบังคับให้หญิงสาวต้องรับมือกับกระบวนท่าดังกล่าว ส่วนตัวมันกลับกลายเป็นเงาร่างสายหนึ่งพุ่งติดตามเข้าพัวพันอีกฝ่ายมิให้หลบหนี นับว่าไหวพริบและพลังฝีมือของมันบรรลุถึงขั้นใช้ออกได้ดังใจแล้ว
เจ้าสำนักหันซานเกร็งมือขวา กระบี่ในมือฟาดฟันติดๆ กันสามครั้งสามครา ทำลายพลังจู่โจมของอีกฝ่ายจนสิ้น ทว่าสภาวะของนางก็สิ้นสุด ร่างที่ลอยอยู่ก็ร่วงหล่นลงบนพื้น ซึ่งจังหวะนี้เอง เกี่ยมฮุ้นก็ร่อนร่างมาถึง กระบี่ในมือแตกระเบิดออกทิ่มแทงสกัดเข้าใส่สองแขน สองขา ของหญิงสาว
"เพลงกระบี่อันร้ายกาจ!" เหวินเหม่ยชิงตวาด พลันหมุนตัวดุจลูกข่างขนาดยักษ์ กระบี่ในมือทิ่มแทงออกรอบข้าง ชั่วพริบตาทิ่มแทงออกกว่ายี่สิบเอ็ดกระบี่ มิเพียงไม่ป้องกันท่าจู่โจมของอีกฝ่าย กลับชิงทิ่มแทงจู่โจมในจุดที่อีกฝ่ายต้องป้องกันทั้งสิ้น!!!
เกี่ยมฮุ้นเห็นเช่นนั้น จำต้องสลายกระบวนท่าแต่กลางคัน กระบี่ในมือฟันขวางออกสองครั้ง ทิ่มแทงอีกสามครั้ง ต้านปะทะกับพลังกระบี่ของอีกฝ่าย
"เคร้งๆๆๆๆ" เกี่ยมฮุ้นรู้สึกพลังรุนแรงแฝงมากลับตัวกระบี่ ในที่สุดมิอาจทรงกายมั่น ต้องถอยกายไปเบื้องหลัง ได้ยินอีกฝ่ายกล่าวคำ
"ลาก่อน" เหวินเหม่ยชิงอาศัยจังหวะนั้นเอง ร่อนร่างจากไป เกี่ยมฮุ้นขณะคิดติดตาม กระบี่ในมือพลันแตกระเบิดเป็นสิบเอ็ดเสี่ยง ร่วงหล่นลงบนพื้น ต้องถอนหายใจออกมาด้วยความเสียดาย เวลานี้มันยิ่งเจ็บแค้นต่อเสี่ยวซามากยิ่งขึ้น หาก "สยบเวหา" มิได้ถูกช่วงชิงเอาไป วันนี้หญิงงามเช่นเหวินเหม่ยชิง ต่อให้ร้ายกาจกว่านี้อีกสิบเท่า ก็มิสามารถรอดพ้นมือมัน!!!
"ฮึ่มมม นับวันเราจักต้องรีบเร่งดำเนินการเสียแล้ว แต่ก่อนอื่น ต้องนำ "สยบเวหา" กลับมาเสียก่อน!!!" มันคำรามลั่น
ยอดฝีมือผู้หนึ่งหากยึดติดกับอาวุธวิเศษมากเกินไป ไยมิใช่เท่ากับจำกัดโอกาสในการพัฒนาฝีมือให้สูงส่งขึ้นหรอกหรือ? นั่นก็มิผิด ทว่ากับบางคน กับกระบี่คู่มือที่ใช้มาเกือบสามสิบปี ยามกระทันหากขาดไป ก็เช่นเดียวกับสามีภรรยาที่อยู่กินกันมากว่าสามสิบปีแล้วตายจาก มิเพียงสลดหดหู่ ยังอาลัยอาวรณ์ยิ่ง เช่นนี้กลับทำให้พลังฝีมือของมันสำแดงได้ไม่ถึงสิบส่วน อย่าว่าแต่คิดจะพัฒนาฝีมือยิ่งขึ้นเลย กระทั่งให้มีพลังฝีมือเท่าเดิมก็ยากยิ่งแล้ว พอดีเกี่ยมฮุ้นเป็นคนชนิดนั้น
มิใช่ว่ามันได้แต่พึ่งพาอาวุธวิเศษตลอดไป ถึงวันหนึ่งมันก็จะสามารถสลัดทิ้งไป เมื่อนั้นพลังฝีมือของมันจะสูงส่งยากหาใครเทียบ ทว่าก่อนที่จะถึงเวลานั้น "สยบเวหา" ก็ยังจำเป็นสำหรับมัน!!!
แก้ไขเมื่อ 30 เม.ย. 47 09:31:08
แก้ไขเมื่อ 29 เม.ย. 47 16:42:41
แก้ไขเมื่อ 29 เม.ย. 47 16:20:22
จากคุณ :
ทีมแต่งนิยาย
- [
29 เม.ย. 47 16:16:44
]