กาลครั้งหนึ่ง . . . เมื่อวานนี้ (๓)

    เสียงอึกทึก สายฝนและราตรีโถมถั่งไปทั่ว  คุณมองเห็นแค่เอื้อม แต่เราต่างรู้จักทางดี พ่อเคลื่อนไปช้า ๆ ปากท่านอ้าคอยงับอากาศเพิ่ม  ท่านดูมีความสุขพอควร ลางที่อาจเพราะสิ่งที่ท่านกระทำในบาร์นั่น  หรือเพราะมีผมเป็นเพื่อนเดินไปด้วยเลยทำให้มีกำลังใจ

    ทว่าเมื่อเราเลี้ยวตรงหัวมุมถนนอันเป็นระเบียบที่คุ้นเคย ถนนที่ผมประหลาดใจว่า มันยังคงเหมือนเดิมมิผิดเพี้ยนจากตอนที่ผมเคยอยู่ ผมรู้สึกเย็นสะท้านในฝันเมื่อเร็ว ๆ นี้  ซีดจางราวผนังปูนเปียกกลางแจ้ง  ถนนชานเมืองที่ดูหดหู่อึมครึมใต้เงาเรืองเหลืองเรื่อของแสงโคมไฟข้างทาง มีดอกไม้ขาว อบอวลกลิ่นพชฌฆาต เหมือนถูกฝังกลางกอกุหลาบ แล้วผมลังเลอะไรอยู่ล่ะตอนนี้? เมื่อเข้าบ้านแล้ว พ่อเปิดประตูเข้าไปยังห้องนั่งเล่น ผมกระพริบตา ท่านอยู่นั่น แม่นั่งเก้าอี้ตัวเบ้อเริ่ม เหยียดเท้า ถักนิตติ้ง  มีกล่องช้อคโกแล็ตอยู่บนโต๊ะตัวเล็กข้าง ๆ  นิ้วของท่านชุลมุนอยู่กับกระดาษยับยู่ยี่อย่างหลงไหล

    พ่อทิ้งผมไปผลัดชุดนอนผ้าขาวม้า(*pijamawink)ใส่เสื้อคลุม ข้อเท็จจริงที่ว่ามีแขกแปลกหน้ามา ไม่ได้หันเหท่านจากกิจวัตรประจำวัน นอกเหนือจากนั้นแล้วท่านก็ไม่รู้จะทำอะไร

    ผมยืนในท่าปรกติ หลังเก้าอี้ของแม่  ที่นี่ ผมไม่อาจขัดความสุขของท่านด้วยการทำเสียงอึกทึก ร้องแรกแหกกระเชอ  หรือให้เห็นหน้าผม  ผมชี้แจงว่าผมพบพ่อที่บาร์แล้วท่านชวนผมมาดื่มต่อ

    แม่เปรยว่า " ชั้นว่าเราไม่มีอะไรให้ดื่มนะ ถ้าจะมีก็ที่เหลือ ๆ จากคริสต์มาสที่แล้ว  เหล้ามันไม่เสียหรอว่าไม๊"

    "มันไม่เสียครับ"

    "หุบปากได้แล้ว ชั้นดูเรื่องนี้อยู่ เธอดูละครหรือเปล่า?"

    "ไม่มากครับ"

    บางทีสีขาวน่าสะพรึงกลัวในความฝันของผมถูกเร่งเร้าด้วยสีขาวของสิ่งที่แม่กำลังถักนิตติ้งและโครเชต์อยู่ ได้แก่ ที่รองศีรษะ ถุงมือ ปลอกหมอนอิง ทั้งบ้านไม่มีเครื่องเรือนชิ้นไหนที่ไม่มีอะไรถักคลุมอยู่  แม้เมื่อเติบใหญ่แล้ว ผมไม่เคยซื้อถุงมือสักคู่แล้วหวนมาสำนึกว่าควรจะใส่ของที่แม่ทำ

    ในครัว ผมชงชาสำหรับตัวเองและเผื่อพ่อ  แม่เก็บอาหารเย็นไว้ในเตาอบให้พ่อ ซอเซจ มันบดและถั่ว ตอนนี้แห้งกรังหมดแล้ว แต่ละอย่างมีช่องเว้นห่างกัน อวดโฉมอยู่บนจานบิ่น ๆ ใบใหญ่ แม่ถามผมว่าอยากกินอะไรหรือไม่ แต่ตอนนี้ผมจะกินอะไรที่นี่ได้อย่างไร?

    ขณะรอกาต้มน้ำเดือด ผมล้างจานทั้งหลายที่อ่างล้างจานมองเหม่ออกไปในสวน  แล้วก็นำชาและสำรับมื้อเย็นของพ่อเข้าไปห้องทำงานของท่าน  ที่เมื่อก่อนเป็นห้องรับประทานอาหารของครอบครัว ด้วยมือข้างที่เหลือ ผมกันที่ว่างสำหรับวางจานบนโต๊ะที่มีแต่หนังสือห้องสมุดสุมกองพะเนินเทินทึก

    เมื่อผมทำการบ้านเสร็จ พ่อมักชอบให้ผมช่วยสำรวจรายการวิทยุ กาเครื่องหมายรายการที่ผมอาจต้องอัดให้ท่าน ถ้าเผอิญโชคดี ท่านอาจอ่านให้ผมฟัง หรือเล่าเรื่องชีวิตศิลปินที่ท่านมีใจฝักใฝ่ -คนเหล่านี้ล้วนเป็นมิตรสหายของท่าน ชีวิตเขาเหล่านั้นเป็นตัวอย่าง มีเพียงแต่คนเขลาเท่านั้นจะพยายามลอกเลียนแบบ ขณะเดียวกันนั้นผมจะสอดมือเข้าไปในเสื้อนอนของท่านและบีบหลัง หรือเกาหัวท่านหรือ ถูแขน จนนัยน์ตาท่านกลอกไปมาด้วยความพึงพอใจ

    บัดนี้เมื่อพ่อนั่งลงกินอาหารทั้งชุดนอน ท่านเล่าให้ผมฟังถึง"แผน-อ่านหนังสือ-ห้า-ปี" ท่านกำลังอ่าน"สงครมและสันติภาพ" เล่มต่อไปอาจเป็น"Remembrance of Things Past" แล้วตามด้วย" Middlemarch"  ทุกเล่มของ ดิกเค่น โฮเมอร์ ชอเซอร์ และอื่น ๆ อีกมากมาย  ท่านเขียนบันทึกแยกสำหรับนักประพันธ์แต่ละคนที่อ่าน

    "วิธีมีระบบระเบียบแบบนี้ " ท่านชี้ประเด็น "นายจะรู้ทุกเรื่องในวรรณกรรม จะไม่เคยขาดแคลนความสนใจ แน่ล่ะ แล้วก็ ดนตรี ภาพเขียน  ที่จริงก็ประวัติศาสตร์มนุษยชาติทั้งมวล . . . "

    คำกล่าวของท่านย้ำเตือนผมถึงคราวที่ชนะการประกวดเรียงความของโรงเรียนได้รับรางวัลจากบันทึกเรื่องการเสียเวลา บทความชิ้นนั้นมิได้เกี่ยวกับการใช้เวลาเสียเปล่าของใคร ซึ่งอาจใช้มันทำงานให้เกิดประโยชน์และมีชีวิตชีวา  แต่เกี่ยวกับการจะสำเร็จในการใช้เวลาทุกวินาทีด้วยกิจกรรมได้มากแค่ใด! พ่อเป็นแบบอย่างของผม ท่านอ่านแม้ตอนอาบน้ำ และขณะท่านเอนหลัง งานของผมคือล้างเท้า ขัดหลัง สระผมท่านด้วยสบู่ และผ้าขนหนูเมื่อท่านเสร็จกิจ ผมก็กางผ้าขนหนูอุ่น ๆ รอพร้อมอยู่แล้ว

    ผมขัดจังหวะท่านว่า " คุณคงอยากรู้จักสาวคนเมื่อเย็นนี้แหง"

    "อะไรนะ?  เงียบจัง ฟังเพลงกันเถอะ"

    (กรุณาติดตามกระทู้ต่อไป)

    แก้ไขเมื่อ 30 เม.ย. 47 00:15:37

    แก้ไขเมื่อ 30 เม.ย. 47 00:12:49

    จากคุณ : เดือนกันยา-SeptemberMoon - [ 30 เม.ย. 47 00:09:33 ]