CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown



    =Chance & Destiny=...Chapter 5...

    ....ตอนนี้ใครที่เชียร์นายเต้...ท่าทางจะต้องยิ้มกันบ้างแล้วล่ะเนอะ...แต่จะเป็นยังไงต่อไป ต้องติดตามกันค่า...

    .........................................................

    หลังสิ้นแสงตะวันฉาย เราก็ค่อยๆ เดินกลับมาถึงบ้าน ฉันรับอาสาเข็นพ่อแทนเรนเพราะไม่อยากต่อปากต่อคำกับนายนั่น ก็เลยยึดพ่อไว้เป็นเกราะกำบัง อย่างน้อยๆ เขาก็ไม่กล้าเข้ามาพูดประโยคที่กระทบต่อระบบการย่อยอาหารของฉันต่อหน้าพ่ออย่างแน่นอน
    หลังจากที่ฉันพาพ่อเข้าไปข้างในบ้านเรียบร้อยแล้ว ฉันก็รีบเดินออกมาหน้าบ้านเพื่อนที่จะมาคุยกับเขาเหมือนทุกๆ วัน แต่แล้วก็ต้องสะดุดกึกขึ้นมา เมื่อเห็นว่าเจ้าของรถคันแพงนั้นยังยืนเกาะอยู่หน้าประตูบ้านฉัน ไม่ยอมหลุดพ้นไปไหนซักที เมื่อหันมาเห็นฉันก็ซุบซิบกับเรน...นี่คือการกระทำของบุรุษเพศเหรอเนี่ย!!!
    “นี่นาย บ้านช่องไม่มีเหรอ ไม่คิดจะกลับไปทำประโยชน์ให้กับครอบครัวบ้างหรือไง”
    “ผมอยากพูดอะไรบางอย่างกับพลอยก่อน ไม่อย่างนั้นคืนนี้ผมคงนอนไม่หลับ”
    “นี่...ฉันไม่ใช่ยานอนหลับหรอกนะ เป็นยาฆ่าแมลงอย่างนายล่ะพอได้” ฉันอดถามเขาไปอย่างกวนๆ ตามประสาคนบ้าบออย่างฉันไม่ได้
    “ผมอยากให้พลอยรู้ไว้ ผมจริงใจกับพลอยนะ”
    เขาส่งสายตาให้ฉันอย่างแฝงไปด้วยความหมาย และหากฉันมองกลับไป เขาจะรู้มั้ยนะว่าสายตาคู่นั้น มันไม่ได้ก่อให้เกิดความรู้สึกใดๆ ขึ้นภายในจิตใจของฉันเลย หัวใจของฉันมันถูกปิดตายมาตั้งนานแล้ว
    “ความจริงใจมันไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าหรอกนะ”
    “ผมจะพิสูจน์ให้พลอยได้เห็นเอง” น้ำหนักเสียงของเขาเปี่ยมไปด้วยความมั่นคง แต่ทำไมนะ ฉันถึงรับมันเก็บไว้ไม่ได้
    “ถ้านายว่างมากก็เชิญเถอะ” ฉันหันหมุนตัวเดินเข้าบ้านทันที ไม่หันกลับมาสัมผัสสีหน้าของเขาอีกว่าผลจากคำพูดของฉันนั้นทำให้เขาเป็นอย่างไรบ้าง...มันไม่ใช่เรื่องที่ฉันต้องสนใจสักหน่อย

    ฤดูกาลการสอบกลางภาคผ่านพ้นไป ฉันนั่งปล่อยสายตาลงกระทบผิวน้ำที่เป็นประกายระยิบระยับดังแววเพชร ไอแดดร้อนๆ ล่องลอยขึ้นมากระทบผิว แต่ยังพอมีลมอ่อนๆ พัดพาใบไม้แห้งกรอบร่วงลงสู่ผิวน้ำ ขณะที่บรรยากาศรายล้อมกำลังดึงดูดฉันให้ตกอยู่ในภวังค์ ช่อดอกไม้ที่ยื่นมาตรงหน้าก็ทำให้ฉันสะดุ้งหลุดจากวังวนนั้น
    ฉันมองไปที่ช่อคาร์เนชั่นสีหวานที่ชูคอท้ารับแสงแดด ก่อนจะหันไปมองหน้าคนถือ...ซึ่งแน่นอนเขาคงไม่ใช่เจ้าของมันเป็นแน่
    “รับไปสิพลอย...เต้ฝากมาให้” ฉันยิ้มเยาะในคำพูดของเขา
    “ทำไมเรนไม่ให้เขามาคุกเข่ายื่นให้เราซะเลยล่ะ”
    “พลอย...ที่เรนทำไปเพราะเรนเป็นห่วง เรนหวังดีกับพลอยนะ”
    “แล้วไงล่ะเรน ด้วยความหวังดีของเรน เรนก็เลยอยากให้เราคบกับเขางั้นเหรอ”
    “เต้เป็นคนดี...เรนไว้ใจที่จะฝากพลอยไว้กับเขา เรนเชื่อว่าเขาจะดูแลพลอยได้ดีกว่าที่เรนเคยทำ เขาจะไม่ทำให้พลอยต้องเสียใจ...เรนจะได้หมดห่วง”
    ฉันเบนหน้าหนี ยิ้มออกมาทั้งน้ำตา...นี่คือคำพูดของคนที่ฉันคิดว่าเขาเข้าใจฉันไปซะทุกเรื่องงั้นเหรอ...แท้แล้วเขาไม่เคยรับรู้ถึงความรู้สึกที่ฉันมีเลยสักนิด...เขาจะรู้มั้ยว่าคำว่า ’หมดห่วง’ ของเขา มันบาดลึกถึงจิตใจของฉันแค่ไหน
    “ก็ได้...เราจะคบกับเขา แต่ไม่ใช่เพราะเราสนใจเขาหรอกนะ เราจะทำตามที่เรนบอกเพื่อความพอใจของเรน เรนจะได้หมดห่วงสักที”
    “พลอย...เรนไม่ได้” ฉันไม่รอให้เขายกคำใดขึ้นมาแก้ตัวได้อีก ฉันไม่อยากฟังมันอีกแล้ว...
    “เราขอถามเรนอย่างหนึ่งเถอะ...ตลอดเวลาที่ผ่านมาเราเป็นภาระ...เราสร้างปัญหาให้กับเรนมากเลยใช่มั้ย...” เขาเอื้อมมือที่ไหล่สองข้างของฉัน
    “ไม่ใช่นะพลอย...ไม่ใช่...เรา...” แต่ถึงเขาจะพูดยังไง ฉันก็ไม่เปิดรับมันอีกแล้ว
    “เราขอโทษ...ขอโทษที่ทำให้เรนเหนื่อยมาตลอด จากวันนี้ไป...เรนไม่ต้องมาสนใจเรา ไม่ต้องมายุ่งกับเราอีก...เราเป็นแค่เพื่อนกัน เรนไม่ต้องมาเป็นห่วงเราก็ได้”
    .....ใช่ เราเป็นแค่เพื่อนกัน ฉันไม่จำเป็นต้องยิ้มรับความเป็นห่วงเป็นใยจากเขาอีกต่อไป.....
    ฉันลุกขึ้นยืนก่อนจะคว้าดอกไม้ช่อสวยขึ้นมามองอย่างขมขื่นเต็มทนแล้วก็ทิ้งมันลงบนตักของเขา
    “เอาดอกไม้นี่ไปคืนเจ้าของ ให้เขาเอามาให้เราเอง แล้วก็บอกเขาด้วย ว่าเมื่อไหร่ที่เขามาขอเราเป็นแฟน...เราจะตกลงทันที”
    ฉันปล่อยน้ำตาให้ร่วงไล้ลงบนแก้มโดยไม่ได้กักกั้นใดๆ เลย ฉันเคยเข้มแข็ง แต่ตอนนี้ฉันไม่ต่างอะไรเลยกับเศษเทียนที่โดนหลอมจากเปลวไฟ เขาทำร้ายจิตใจฉันด้วยความหวังดี...เขาจะรู้บ้างมั้ย ว่าความหวังดีของเขามันสร้างความเจ็บปวดให้กับฉันมากมายเพียงไหน...
    ฉันก้าวผ่านประตูรั้วของมหาวิทยาลัยออกมาอย่างโรยแรง น้ำตาเหือดแห้งไปกับสายลมที่พัดผ่าน สองขาอ่อนล้าหมดกำลังแต่ฉันยังกัดฟันทนเดินต่อไป แต่ละก้าวที่เดินดังเหยียบอยู่บนไฟ ความเข้มแข็งในตัวฉันมันหายไปไหนหมด ฉันกดเล็บลงจิกไปที่ฝ่ามือ ร่างกายของฉันกำลังต่อต้าน แม้ฉันจะสู้อย่างไรก็ไร้ผล...สิ่งรอบกายพลันมืดลงนับแต่นั้น
    ..........................................................................................................

    ในขณะที่ผมคิดว่าผมได้ทำในสิ่งที่ถูกต้องแล้ว ผมกลับเจ็บลึกไปถึงข้างใน น้ำตาเธอที่ไหลลงเปรอะแก้ม มันเป็นฝีมือของผมเอง...
    เมื่อเดือนก่อนผมถูกผู้หญิงคนหนึ่งบอกลาอย่างไร้เยื่อใย ผมเจ็บปวดมากมายเพียงใดไม่มีใครรู้... จนวันนี้ผู้หญิงอีกคน...คนที่เคยอยู่ข้างๆ ผมมาตลอด เดินจากผมไปอย่างช้าๆ ผมไม่รู้ว่าเธอยังหลงเหลือเยื่อใยบางๆ ไว้ให้ผมบ้างรึเปล่า ผมเจ็บไม่น้อยไปกว่าเมื่อเดือนที่แล้วเลย มันเป็นความเจ็บปวดที่ผมสร้างมันขึ้นจากคำพูดของตัวเองแท้ๆ...ผมยังเจ็บขนาดนี้ แล้วเธอล่ะ...
    “เรน...พลอยล่ะ” ผมหันไปหาเจ้าของเสียงเรียกที่ปลุกผมออกจากความคิดที่ล่องลอย ก่อนที่สองเท้าจะก้าวยาวๆ ไปหาเขาซึ่งอยู่บนรถเก๋งคันหรู ไม่ลืมที่จะคว้าช่อคาร์เนชั่นไปด้วย
    “พลอยบอกว่าให้เอาไปให้เขาเอง คงออกไปถึงหน้าประตูแล้วล่ะ...ฝากพลอยกับนายด้วยนะ”
    ผมเลือกที่จะไม่พูดประโยคที่พลอยทิ้งท้ายไว้ก่อนเดินจากไป จึงเอ่ยออกไปได้เพียงเท่านี้ ก่อนจะส่งดอกไม้ช่อสวยคืนให้เจ้าของแล้วตบเบาๆ ที่บ่าของเขา
    “ฉันช่วยนายเต็มที่เท่าที่ฉันพอจะช่วยได้ ฉันไว้ใจนาย หวังว่านายคงจะไม่ทำให้พลอยเสียใจ ”
    “ขอบใจมากนะเรน...นายคงไม่ได้บังคับพลอยหรอกนะ”
    “คนอย่างพลอยชมพูไม่มีใครบังคับได้หรอก นายคงเคยได้ยินที่เขากันบอกว่า สิ่งที่ได้มาอย่างง่ายๆ เราก็จะเสียมันไปง่ายๆ หวังว่านายคงไม่ได้เป็นอย่างนั้น”
    จากนั้นบีเอ็มดับบลิวคันดำมันวาวก็โฉบผ่านเขาไปโดยไม่มีท่าทีรีรอใดๆ อีก แต่จิตใจเจ้าของรถคงนำหน้าไปไหนต่อไหนแล้ว ผมเดินกลับมาที่รถ มือก็อดเอื้อมไปลูบเจ้าฟ้าอย่างเบามือไม่ได้...สีฟ้าน้ำทะเล...สีที่พลอยชอบ ดวงตาของผมจดจ้องอยู่ที่เบาะข้างคนขับ...มันคงเหงาน่าดู ถ้าไม่ได้รับใช้เธออีก...เจ้าของรถก็เหงาไม่แพ้กัน...
    ..........................................................................................................

    จากคุณ : Cookie CO. - [ วันฉัตรมงคล 12:01:22 A:203.113.66.8 X:203.150.209.231 ]