CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown



    ร้อยราตรี พันแดนดาวฯ บทที่ 19 บทความของเจี๊ยบ

    เนื้อเรื่องย่อของบทที่ 1-15
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2606294/W2606294.html

    link ฉบับเต็มครับ

    บทที่ 1 กับ 2 ลางสังหรณ์ , พลิกฟ้า คว่ำดิน
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2377106/W2377106.html
    บทที่ 3 สองมุมมอง
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2384943/W2384943.html
    บทที่ 4 เจ้าชายนิทรา
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2390570/W2390570.html
    บทที่ 5 รอยราตรี พันแดนดาว
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2396815/W2396815.html
    บทที่ 6 จอมล่าเหยื่อแห่งป่าอาถรรพณ์
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2405292/W2405292.html
    บทที่ 7  หลุมพราง
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2415189/W2415189.html
    บทที่ 8 แรกพบ
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2425462/W2425462.html
    บทที่ 9 รันรารา
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2434911/W2434911.html
    บทที่ 10 ฝันประหลาด
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2443111/W2443111.html
    บทที่ 11 แผ่นดินพิโรธ
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2451877/W2451877.html
    บทที่ 12 กลับสู่เส้นทางอีกครั้ง
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2485523/W2485523.html
    บทที่ 13 ปีกนางฟ้า
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2491980/W2491980.html
    บทที่ 14 ท่าเรือมะดาเลย์กับทะเลสิกันดา
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2513322/W2513322.html
    บทที่ 15 มหาสงครามในตำนานสิกันดา
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2524196/W2524196.html
    บทที่ 16 โจรสลัดแห่งคาบสมุทรสิกันดา
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2612771/W2612771.html
    บทที่ 17 สมรภูมิกลางทะเลเลือด
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2710132/W2710132.html
    บทที่ 18  ทางเลือกของกิโรฮะ
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2733917/W2733917.html


    บทที่ 19  บทความของเจี๊ยบ


    สองชั่วโมงต่อมาพวกเราถูกพาไปคุมขังอยู่ใต้ท้องเรือเดทคาล  ตอนนี้สมาชิกที่เหลืออยู่ก็มีผม  รันรารา  กิโรฮะ  ยิบรอน  ซีคอส และกะลาสีอีกหนึ่งคนเท่านั้น  ส่วนเรือของกิโรฮะนั้นได้ถูกพวกมันจมลงสู่ก้นทะเลเรียบร้อยแล้ว   พวกเรานั่งๆ นอนๆ อยู่ภายในกรงขังอย่างไร้จุดหมาย  ไม่มีใครในหมู่พวกเราจะเอ่ยถ้อยคำสำนวนใดๆ ออกมาเลย  แต่ละคนรู้ดีว่าถึงพูดอะไรออกไปก็เท่านั้น   มันไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอดีตอันใดได้อีกแล้ว   ต่างคนต่างก้มหน้ารอคอยชะตากรรมที่คาดเดาไม่ถูกและจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้

    หกชั่วโมงผ่านไปความตึงเครียดเริ่มเบาบาง   แต่ความกังวลยังคงมีอยู่   พวกเราคุยกันบ้างเป็นครั้งคราว  ส่วนใหญ่จะออกไปในแนวปลอบโยนเสียมากกว่า    หนูรันนั่งเศร้าซึมเอนศีรษะพิงซี่ลูกกรงเหล็ก  เธอไม่อาจใช้พลังเวทได้เลย  บางทีนานๆ ครั้งหนูรันก็ลองเขย่าลูกกรงอย่างแรงดู  แต่มันก็ไม่มีผลอันใด   คาถาผนึกมนตราของครีเฌอยังคงทำหน้าที่ของมันได้อย่างดีเยี่ยม  

    ภายใต้แสงสลัวจากแรงเทียน  ขับบรรยากาศให้ใต้ท้องเรือยิ่งดูขุ่นมัว  เรือโคลงเคลงไปมาไม่เรียบนิ่ง  เสียงกระดูกเรือและแผ่นไม้ลั่นเอี๊ยดอ๊าดยามมีคลื่นมากระทบ  ยิ่งเวลาผ่านไปเรื่อยๆ ตัวเรือยิ่งโคลงเคลงมากขึ้นเท่านั้น   ในที่สุดกิโรฮะก็พึมพำขึ้นมาว่า

    “เรือกำลังจะเจอกับพายุลูกใหญ่”

    ผมเงยหน้ามองกิโรฮะ พลางขยับริมฝีปากอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ชะงักไว้  ผมเลยขยับเปลี่ยนอิริยาบถจากนั่งกอดเข่า  เป็นเหยียดขาออกเพื่อยืดเส้นคลายกล้ามเนื้อ   และเอนหลังพิงลูกกรงเหล็ก   รันราราที่นั่งอยู่ด้านข้างหันมามอง เธอยิ้มให้ผมอย่างเศร้าสร้อย   ผมเห็นบนแก้มบางใสสีชมพูยังมีร่องรอยของคราบน้ำตาเปรอะเปื้อนอยู่   แต่แล้วผมก็คิดเรื่องสำคัญอย่างหนึ่งขึ้นมาได้   ให้ตายสิ!!  

    “ณ ตอนนี้เราอยู่ห่างจากเมืองวานัปไกลไหมครับ?” ผมหันไปถามกิโรฮะ

    “ถามทำไมหรือ?”

    “เอ่อ…” ผมตะกุกตะกัก  คำถามที่ผมจะถาม  ไม่อยากให้สาวน้อยข้างกายได้ยิน  

    “ฉันรู้  ที่ถามก็เพราะเรื่องพี่สาวของเธอใช่ไหม?”

    รันราราขยับตัวเล็กน้อย  เธอกำลังตั้งใจฟัง    ผมพยักหน้ารับเป็นเชิงคำตอบ

    “อืม  ถ้าลุงคำนวณไม่ผิดนะ  ตอนนี้เราอยู่แถบหมู่เกาะกุรุกุริ  ซึ่งออกนอกเส้นทางไปทางตะวันออกกว่าร้อยฟาร์ท่อม   แต่ก็ไม่ไกลจากเส้นทางเดิมเท่าไหร่  ที่จริงถ้าพวกเราไม่มาเจอกับเดทคาลแล้วละก็  พรุ่งนี้เช้าก็คงถึงเมืองวานัปกันแล้ว”

    กล่าวจบ  กิโรฮะก็เอื้อมมือจะไปลูบศีรษะหนูรัน  แต่เขากลับชะงักไว้  เมื่อมองเห็นคราบเลือดแห้งเกรอะกรังบนฝ่ามือ   กิโรฮะจึงได้แต่มองด้วยแววตาอาดูร  แล้วเขาก็เอ่ยปากต่อด้วยน้ำเสียงเจือเศร้า

    “นันยะ  ลุงรู้ดีว่าพี่สาวเธอเหลือเวลาอีกไม่ถึงสามวัน  พิษของแมลงอัมปาก็จะออกฤทธิ์  ถ้าไม่ได้ว่านโรเตชิมารักษาแล้วละก็….   โอ้! ลุงไม่อยากจะคิดเลย!  แต่นี่คือความจริงที่ต้องยอมรับ  ว่าชีวิตของรันราราแขวนอยู่บนเส้นด้ายริมปากเหว  ด้วยเวลาที่เหลืออยู่นี่  พวกเราจะต้องทำอะไรซักอย่างเพื่อช่วยเหลือเธอให้ได้!!”

    ผมรับฟังกิโรฮะกล่าว  พลางมองดูใบหน้ากร้านโลก  ซึ่งบัดนี้เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้า  ไม่เหมือนกับใบหน้าหดหู่เมื่อชั่วโมงที่แล้วเลย  ทำให้ปลุกหัวใจของพวกเราทุกคนในที่นั้น   ให้เต้นแรงขึ้นด้วยความหวัง  และด้วยความมุ่งมั่นที่จะทำทุกวิถีทาง  เพื่อช่วยรันรารารอดชีวิต

    พวกเราชุมนุมสุมหัวกันหาลู่ทางหนี   ข้างนอกแว่วเสียงพระพิรุณเริ่มโปรยปราย   ความหนาวเย็นเริ่มทวีมากขึ้น  จนพวกเราต้องเบียดชิดกันเพื่ออาศัยไออุ่นซึ่งกันและกัน   หนูรันขดตัวกลมนอนหนุนตักผม  ดวงตาสีมรกตจ้องดูคนนู้นทีคนนั้นที  รับฟังทุกคำพูดที่แต่ละคนต่างหยิบยกออกมา  เพื่อเป็นแนวทางในการหลบหนี  และในระหว่างนั้นเอง  เสียงฝีเท้าเหยียบย่างลงมาตามบันไดไม้  ทำให้พวกเราชะงักการสนทนาไว้แค่นั้น   แสงจากตะเกียงแขวนที่แกว่งไกว  ก็เผยให้เห็นใบหน้าของชายคนหนึ่ง

    “ไอ้คนทรยศ!!” ยิบรอนกับซีคอสพุ่งตัวไปประชิดลูกกรง  และร้องตะโกนด่าอย่างหยาบคาย

    “พวกข้าไม่นึกเลยว่าแกจะทำได้  ไอ้ชั่ว!! ค่าข่าวของพวกเราคงทำให้แกลืมตาอ้าปากได้เลยละสิ  นี่แกยังมีความเป็นคนหลงเหลืออยู่บ้างรึเปล่ามังกัส?!!”

    คนที่ถูกด่าทอสีหน้าเรียบเฉย  ปากยังคงปิดสนิท  ไม่สะทกสะท้านต่อสารพันคำด่า  ที่พวกเขาช่วยกันขุดออกมาด่าทอ   มังกัสลำเลียงชามอาหารทั้งหกเข้ามาทางช่องว่างด้านล่าง  เขาชำเลืองมองผมและหนูรัน    แววตาของอดีตคนครัวมีประกายบางอย่างที่ผมนั้นไม่อาจตีความได้  เมื่อส่งอาหารให้พวกเราเสร็จ  มังกัสก็กลับขึ้นไปด้านบนอย่างรวดเร็ว   โดยมียิบรอนแผดเสียงด่าไล่หลัง  

    “เออ  แกไปเลย!!  กลับไปเลียแข้งเลียขาไอ้ครีเฌอให้สะอาดเลยนะ  ตามซอกเล็บก็เลียซะให้หมด  งานถนัดของแกเลยนี่!!”

    ยิ่งพูดยิ่งฉุนเฉียว  แต่เจ้าตัวกลับยกอาหารใส่ปากซะอย่างนั้น  เมื่อเห็นสายตาของพวกเรา  เขาก็ยิ้มแก้เกี้ยว  พลางพูดว่า

    “ยังไงกองทัพก็เดินด้วยท้องจริงมั้ยครับกัปตัน” แล้วยิบรอนก็หัวเราะแหะๆ  พร้อมกับยัดอาหารใส่ปากต่อ

    กิโรฮะลุกขึ้นไปหยิบชามใส่อาหาร  และก็ยื่นให้ผมกับหนูรัน  

    “ถูกอย่างที่ยิบรอนพูด  เราต้องเก็บสะสมพลังงานให้มากที่สุด  ทานเถอะ  วันนี้ทั้งวันพวกเธอยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยนี่”

    อาหารค่อนข้างดูดี  กลิ่นก็หอมฉุย  และสัมผัสอุ่นๆ ในอุ้งมือจากก้นชาม  แม้ว่าผมไม่อยากอาหาร  แต่ก็อดชิมเสียมิได้  รสชาติที่คุ้นเคยแผ่ซ่านไปทั่วต่อมรับรส  มังกัสเป็นผู้ทำอาหารนี้ด้วยตัวเองผมรู้    

    ผมทานอาหารชามนั้นอย่างฝืดคอ  ท้องของผมมันไม่รับ  ทานไปได้ไม่กี่คำก็วางลง

    “รีลัน  กินอีกนิดเถอะ  เธอน่ะผอมจะแย่อยู่แล้ว” หนูรันสังเกตเห็น  เธอเริ่มทำตัวเป็นพี่ผมอีกแล้ว

    “ไม่ล่ะพี่รัน  ผมอิ่มแล้ว”  ผมตอบไป  เธอและผมยังคงแสดงบทบาทเป็นพี่น้องกันอยู่

    หนูรันเอานิ้วมาเกี่ยวก้อยผมไว้  “ฝืนกินหน่อยนะ  จะได้มีแรงไว้สู้กับพวกเดทคาล”

    “จะเอาอะไรไปสู้กับพวกมันล่ะ?!   แค่นี้ก็เหมือนกับตายทั้งเป็นอยู่แล้ว!!”

    ผมสาดอารมณ์ใส่เธอ    ปกติผมเป็นคนขี้โมโห  และก็ขี้รำคาญเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว  ความหงุดหงิดที่สะสมไว้ตั้งแต่เช้าจึงระเบิดออก    

    เธอตกใจจนหน้าเสีย  ใบหน้าที่ขาวซีดอยู่แล้วกลับยิ่งซีดมากขึ้น  

    “ฉ.. ฉันขอโทษ  ถ้าเธอไม่อยากกินก็ไม่เป็นไร” หนูรันเอ่ยเสียงสั่นๆ  ดาวตาสีเขียวเริ่มรื้นไปด้วยหยาดน้ำตา

    หัวใจของผมพลันกระตุกวูบ  ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีไหลมาทิ่มแทงจิตใจ  คราวนี้ผมกลับเป็นฝ่ายโมโหตัวเองที่เผลอพูดอะไรโง่ๆ ออกไป  

    “ไม่เอาน่าทั้งสองคน  ใจเย็นๆ กันหน่อยได้ไหม   รีลันเธอเป็นน้องนะ ไปพูดแบบนั้นกับพี่เค้าได้ไง  เป็นพี่น้องกันค่อยๆ พูดจากันดีๆ ก็ได้” กิโรฮะเอ่ยเตือน   พร้อมกับวางชามเปล่าลงกับพื้น

    “เอ่อ… พี่รันฮะ  ผมไม่ได้ตั้งใจ   ที่พูดไม่ดีไปเมื่อกี้  อืม.. อ่า.. ขอโทษละกัน”

    ทำไมนะ  คำง่ายๆ แต่ถ้ามันต้องออกมาจากปากผม  กลับทำได้ยากยิ่ง  หรือว่าความที่ผมเคยเป็นผู้บริหารมาก่อน  ทำให้นิสัยผมถึงได้กระด้างชาเช่นนี้    นี่ถ้าน้องเก๋รู้เข้า  คงต่อว่าผมแน่ๆ  เธอมักบ่นใส่ผมอยู่เสมอๆ ว่าหัดทำตัวให้ใจเย็นซะบ้าง  ชอบวู่วามอยู่ซะเรื่อย  ถ้าว่ากันตามจริงแล้ว  ตั้งแต่เข้ามาอยู่ในอนันตภพได้หลายวัน  ผมใจเย็นขึ้นเยอะเลยนะ  แต่ทำไมนิสัยถึงได้ดูเหมือนเด็กขึ้นทุกวันๆ ก็ไม่รู้?

    ………………………………………………………….

    แก้ไขเมื่อ 06 พ.ค. 47 12:46:53

    จากคุณ : ณัฐกร - [ 6 พ.ค. 47 12:40:05 ]