รู้สึกว่าห่างหายจากการเขียนงานแนวนี้ไปนานค่ะ
นิทานเรื่องนี้เขียนขึ้นเนื่องจากได้แรงบันดาลใจมาจากความเรียงชิ้นหนึ่งที่ตัวเองกำลังเขียนอยู่
เลยนำมาลงให้เพื่อนๆ ในถนนได้อ่าน+วิจารณ์กัน
และพอดีไฟลี่ได้ข่าวมาด้วยว่ากำลังมีเวทีประกวดนิทานอยู่ในตอนนี้
กำลังชั่งใจอยู่ว่าจะส่งเรื่องนี้ไปดีไหม?
พอดีอ่านกติกาแล้วเห็นว่าเขาไม่ได้ห้ามเรื่องการเผยแพร่ผ่านระบบอินเตอร์เน็ต
ไฟลี่เลยขอส่งเรื่องนี้มาให้เพื่อนๆ ในถนนนักเขียนอ่านก่อน
อยากทราบว่านิทานเรื่องนี้พอจะมีแววลุ้นไหมคะ(เอาแค่เข้ารอบก็ยังดี)^^
*************
เด็กหญิงเกรซกับโจรขโมยฝัน
ในค่ำคืนที่ฟ้าไร้แสงดาว จันทราดวงน้อยลอยลับหายเข้าไปภายใต้เงาของเมฆฝนใหญ่ ภายในห้องนอนอันมืดสนิท ทุกสิ่งทุกอย่างยังคงตกอยู่ในความเงียบสงัดเป็นเวลานาน
ประตูห้องนอนถูกเปิดออกด้วยฝีมือของเด็กหญิงผู้เป็นเจ้าของห้อง เธอตะโกนขึ้นท่ามกลางความมืดมิด
ฉันรู้ว่ามีใครบางคนมาขโมยความฝันของฉันไป เด็กหญิงร้องขึ้นด้วยน้ำเสียงโมโห
ทุกสิ่งภายในห้องนั้นยังคงนิ่งสงบ ตราบจนกระทั่ง...
เจ้ารู้ได้อย่างไรว่ามีใครมาขโมยความฝันของเจ้าไป ข้าอยู่ในห้องแห่งนี้มาโดยตลอดยังไม่เห็นผู้ใดแอบเข้ามาในห้องเลย ความมืดมิดเอ่ยปากถาม
นายจะไปรู้ได้อย่างไร ในเมื่อนายคือความมืดมิด ความมืดมิดที่แสนมืดสนิท นายไม่มีวันเห็นผู้ใด พอๆ กับที่ไม่เคยมีวันเห็นใจใคร ฉันไม่คุยกับนายหรอก เกรซบอก พร้อมกับเดินไปเปิดโคมไฟหัวเตียง
บัดนั้นความมืดมิดก็ได้จากไป
แสงไฟอ่อนๆ สีเหลืองนวลฉายส่องผ่านมาจากโคมไฟ ส่องให้ห้องของเด็กหญิงสว่างขึ้นท่ามกลางความเงียบสงัดและเงาจากบรรดาสิ่งของรอบกาย
เธอจะช่วยตามหาความฝันของฉันได้ไหม เกรซถามกับแสงสว่าง
ได้สิ หากเธอแน่ใจว่ามีคนขโมยความฝันของเธอไปจริง แสงสว่างตอบ
ฉันแน่ใจ ฉันวางความฝันไว้ตรงหน้าตลอด แต่แล้ววันนี้ฉันกลับหามันไม่พบ ต้องมีใครมาขโมยมันไปแน่ๆ แต่ฉันไม่รู้เลยว่าโจรผู้นั้นเป็นใคร เกรซบอกด้วยท่าทางหมดหวัง
แล้วเธอก็เริ่มร้องไห้ด้วยความทุกข์ระทน
อย่าร้องไห้สิเกรซ เธอต้องเข้มแข็งเพื่อออกเดินทางตามหาความฝันกลับคืนมา เอาอย่างนี้ ฉันจะให้เธอยืมอะไรบางอย่าง แสงสว่างบอก
อะไรหรือ?
วินาทีนั้น เด็กหญิงรู้สึกถึงบางสิ่งอยู่ในอุ้งมือทั้งสองข้างของเธอ เมื่อแบมือออก เกรซพบว่าภายในมือน้อยของเธอเต็มไปด้วยเกล็ดเล็กๆ สีเงินยวง ส่องประกายระยิบระยับอยู่เต็มสองอุ้งมือ
นี่คือผงแห่งกาลเวลา ความจริงผงนี้เป็นของเธออย่างที่เคยเป็นมานานแสนนาน ฉันเพียงแค่มอบให้เธอเร็วขึ้นเท่านั้น จงรักษาผงเหล่านี้ไว้ให้ดี นำมันติดตัวไปด้วยยามออกเดินทางตามหาฝัน แล้วเธอจะพบกับความฝันที่ถูกขโมยไป แสงสว่างบอก
แล้วฉันจะไปตามหาความฝันได้ที่ใด? เกรซถามด้วยความวิตกกังวล
บัดนี้เธอมองไม่เห็นหนทางตามหาฝันกลับมาเลย
เงาจะเป็นผู้นำทางเธอไปเอง จงตามเงาของเธอไปยังดาวดวงหนึ่งซึ่งส่องประกายเจิดจ้าอยู่บนฟากฟ้า
ขาดคำของแสงสว่าง เกรซมองเห็นเงาของตนทอดยาวอยู่บนเตียงนอน ในวินาทีถัดมา เจ้าเงาอันประกอบไปด้วยรูปร่างลักษณะคล้ายเด็กหญิงคนหนึ่งก็ผุดลุกขึ้นยืน นำเธอตรงออกไปยังขอบหน้าต่าง
และมันก็พาเธอดิ่งตรงไปยังดาวดวงหนึ่งซึ่งทอดแสงเจิดจ้าอยู่บนท้องฟ้าในคืนอันแสนมืดมิด
ระวังตัวให้ดีนะเกรซ โชคชะตาของเธออยู่ที่ตัวเธอเป็นคนเลือกเอง เสียงของแสงสว่างดังแว่วผ่านมา ก่อนจะลับหายไปท่ามกลางสายลมแรง
เงาพาเกรซออกเดินทางมาเรื่อยๆ จนในที่สุดก็มาหยุดพักยังบึงน้ำแห่งหนึ่ง ณ บึงแห่งนี้เกรซได้เห็นละอองไอแห่งโชคชะตาของบรรดาผู้คนมากมายล่องลอยอยู่เหนือผิวน้ำใส ละอองไอเหล่านี้ช่างดูสวยสดและงดงามเสียนี่กระไร
นั่นไงล่ะ โชคชะตาของเธอ เธอจะคว้ามันไปด้วยก็ได้นะ เสียงใครคนหนึ่งดังขึ้นด้านหลังของเกรซ
เด็กหญิงหันหลังไปดู จึงได้พบกับบุรุษผู้หนึ่ง
ฉันคงไม่เอามันติดมือไปด้วยหรอก เพราะสองมือของฉันในตอนนี้มีผงแห่งกาลเวลากองพูนอยู่แล้ว ถ้าฉันเอามันไปด้วย ฉันก็ต้องทิ้งบางส่วนของผงแห่งกาลเวลาไว้ที่นี่ เกรซบอก
เธอแน่ใจแล้วหรือที่จะไม่ให้โชคชะตานำทางเธอไปตามหาความฝัน บุรุษผู้นั้นถาม
เกรซพยักหน้า
โชคชะตาไม่จำเป็นสำหรับฉันเลย ตราบใดที่ฉันรู้และกำหนดโชคชะตาของตัวเองได้ ก็ไม่จำเป็นต้องมีโชคชะตาใดมาคอยนำทางฉัน
ก็ดี ถ้าเธอไม่คิดจะเอาโชคชะตาเหล่านี้ไปด้วย ฉันคิดว่าฉันพอจะเป็นผู้นำทางให้กับเธอแทนเจ้าโชคชะตาได้
คุณเป็นใครกัน? เกรซถามด้วยความแปลกใจ
ฉันมีชื่อว่า โอกาส ว่าไงล่ะ เธออยากได้ฉันเป็นเพื่อนร่วมทางรึเปล่า นายโอกาสถาม
อืม ก็ดีนะ
แต่การร่วมทางของฉันมีข้อแลกเปลี่ยนบางประการ หากเธอสามารถยอมรับมันได้ ฉันก็ยินดีไปกับเธอ
อะไรคือข้อแลกเปลี่ยนของคุณคะ เกรซถาม
ข้อที่หนึ่ง ฉันต้องการผงแห่งกาลเวลาของเธอบางส่วน ขอไม่มากหรอกแค่เพียงหนึ่งในสิบที่เธอมีอยู่ตอนนี้ก็พอแล้ว
ได้ ฉันจะแบ่งผงแห่งกาลเวลานี้ให้กับคุณ
งั้นข้อที่สอง ถ้าเธอให้ฉันร่วมเดินทางไปกับเธอแล้ว เธอต้องยินดีเสี่ยงในโอกาสที่ฉันยื่นให้ ฉันขอความกล้าจากเธอ
ก็ได้ ฉันยกให้
และข้อสุดท้าย ถ้าเธอเป็นเพื่อนร่วมทางที่ดีกับฉัน ฉันจะมอบพรสามประการให้เธอเป็นรางวัล ยามเมื่อต้องปะทะกับเจ้าสามวายร้ายก่อนเดินทางไปถึงความฝัน
อะไรกัน มีเจ้าวายร้ายตั้งสามตัวให้ฉันต้องสู้ด้วยเหรอ? เกรซถามด้วยความตกใจ
อันที่จริงแล้ว มีเกินกว่าสามตัวเลยเชียวล่ะ เพียงแต่เจ้าสามตัวนี้ออกจะสาหัสกว่าเพื่อน เธอไม่รู้หรอกหรือว่าพวกมันนี่แหละที่ขโมยความฝันของเธอไป นายโอกาสถาม
ฉันไม่รู้อะไรเลยจริงๆ
เอาล่ะ ฉันจะค่อยๆ สอนเธอเอง สักวันเธอจะเก่งขึ้นเหมือนพวกผู้ใหญ่ตัวโตๆ ว่าไง ยอมรับข้อเสนอของฉันไหม
ได้สิ ฉันยินดีรับข้อเสนอทั้งหมดของคุณ เกรซบอก
หลังจากเกรซแบ่งผงแห่งกาลเวลาให้กับนายโอกาสแล้ว เธอก็ได้บุรุษผู้นี้เป็นเพื่อนร่วมทาง ถือได้ว่านายโอกาสเป็นทั้งเพื่อนและผู้นำทางชั้นยอด ไม่ว่าหุบเหวหรือขวากหนามใด นายโอกาสสามารถพาเกรซฟันฝ่าไปได้ทุกหนทุกแห่ง
การเดินทางอันแสนลำบากผ่านพ้นไปด้วยดี ตราบเท่าที่นายโอกาสยังคงอยู่ไม่ห่างกายเกรซ
ทว่าผงแห่งกาลเวลาในมือของเด็กหญิงเริ่มร่อยหรอลงมาก จากที่เคยเต็มอยู่สองกำมือ เธอทำมันหล่นหายไประหว่างทางมากนัก นี่ยังไม่รวมถึงการที่ต้องแบ่งผงนี้ให้กับนายโอกาสอีก
แต่จนแล้วจนรอด เกรซก็ยังมีผงแห่งกาลเวลาหลงเหลืออยู่ในมือ บัดนี้เธอเพียงแต่กำมันไว้ด้วยมือข้างหนึ่งอย่างหวงแหน
และแล้วการเดินทางอันแสนลำบากก็สิ้นสุดลง ณ ประตูใหญ่สีดำทะมึนบานหนึ่งกางกั้นพวกเขาไว้จาก โจรขโมยความฝัน ซึ่งซุกซ่อนอยู่ด้านหลังบานประตูใหญ่แห่งนี้
เธอพร้อมรึยังหากฉันจะเปิดประตูใหญ่บานนี้ นายโอกาสถาม
เกรซพยักหน้า เด็กหญิงจ้องมองประตูบานใหญ่ค่อยๆ เปิดออกอย่างช้าๆ ด้วยความตื่นเต้น เหงื่อผุดขึ้นเต็มดวงหน้าของเกรซพร้อมกับมือที่กำผงแห่งกาลเวลาไว้แน่น
เธอต้องฟันฝ่าเจ้าสามวายร้ายเหล่านี้ไปให้ได้ อย่าให้มันแย่งผงแห่งกาลเวลาของเธอไปเสียหมดล่ะ เรายังต้องใช้มันอีกมากในการพาความฝันของเธอกลับไป นายโอกาสเตือน
บัดนั้น เมื่อประตูสีดำบานใหญ่เปิดออกจนสุด เกรซได้เห็นเจ้าสิ่งที่อยู่เบื้องหลังประตูบานนี้
พวกมันเป็นสัตว์ประหลาด มีอยู่ด้วยกันสามตัวดังที่นายโอกาสบอก แต่ละตัวช่างดูน่าเกลียดน่ากลัวเสียเหลือเกิน
ตัวที่หนึ่งมีชื่อว่า ตัวขี้เกียจ ลักษณะของเจ้าตัวนี้ค่อนข้างเล็กกว่าบรรดาสัตว์ประหลาดตัวอื่นๆ ที่เกรซเคยเจอมา ตัวของมันมีลักษณะเป็นขนปุกปุย นายโอกาสบอกว่าเจ้าตัวค่อนข้างร้ายกาจมาก เพราะเมื่อใดก็ตาม หากมันได้กระโดดเกาะใครแล้วล่ะก็ มันไม่เคยปล่อยให้เหยื่อคนนั้นหลุดรอดไปได้เลย
นั่นคือความน่ากลัวของเจ้าวายร้ายตัวนี้
ตัวที่สองมีชื่อว่า ความท้อแท้ ลักษณะของเจ้าตัวนี้ค่อนข้างผอม สูงชะลูด แถมบนหัวของมันยังมีหมวกทรงสูงประดับอยู่เบื้องบน ส่งผลให้มันสูงเด่นเกินหน้าเกินตาบรรดาสัตว์ประหลาดตัวอื่นๆ ลักษณะเด่นของมันนอกจากความสูงแล้วก็เห็นจะเป็นใบหน้าอมทุกข์ของมันนี่แหละ ดูเหมือนว่าจะไม่มีวันใดเลยที่เจ้าความท้อแท้จะเคยแย้มยิ้มให้ผู้ใด ด้วยดวงตาอมโศก หลุบต่ำ กับริมฝีปากแบะออกราวกับเตรียมพร้อมจะร้องไห้ได้ทุกเมื่อ ทำให้ใครๆ ที่เหลือบมองหน้าเจ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้ต่างหดหู่ใจด้วยกันทุกคน
ตัวที่สามมีชื่อว่า อุปสรรค ลักษณะของเจ้าตัวนี้ค่อนข้างใหญ่โต รูปร่างของมันประกอบไปด้วยหนามแหลมๆ คล้ายตัวเม่น แทบมองไม่เห็นหน้าตาของเจ้าตัวนี้เนื่องจากหัวของมันมักซุกอยู่ภายในขนแหลมทั้งหลายรอบตัวมัน มันไม่เคยโผล่หน้าขึ้นมามองศัตรูเหมือนอย่างที่สัตว์ประหลาดตัวอื่นๆ ทำ แต่เจ้าอุปสรรคตัวนี้มักใช้วิธีกลิ้งพาตัวเองพุ่งเข้าชนศัตรูแทน
ท่าทางพวกมันออกจะน่ากลัว เกรซบอกเมื่อรับฟังเกี่ยวกับลักษณะของเจ้าวายร้ายทั้งสามจบ
ใช่ แต่ถ้าเธอมีพรสามประการแล้วล่ะก็ ไม่ว่าสัตว์ประหลาดตนใดก็ไม่อาจทำอันตรายเธอได้ นายโอกาสกล่าว
แล้วพรสามประการนั้นอยู่ที่ใดเล่า เกรซถาม
เธอมีมันติดตัวมานับตั้งแต่วินาทีแรกที่ให้โอกาสตัวเองได้พบและมีฉันร่วมทางแล้ว ลองมองดูในกระเป๋าของเธอสิ
เมื่อเกรซเอื้อมมือข้างหนึ่งล้วงลงไปในกระเป๋าเสื้อ เด็กหญิงพบว่าภายในกระเป๋าที่เคยว่างเปล่า บัดนี้กลับปรากฏบางสิ่งซุกซ่อนอยู่
มันเป็นแสงสว่างเรืองรองสามสีด้วยกันยามเมื่อล้วงขึ้นมาอยู่บนมือ
แสงสีขาวคือพรแห่งความขยันและมุมานะ ที่เธอบากบั่นมาจนถึงสถานที่แห่งนี้
แสงสีน้ำเงินคือพรแห่งความอดทนอดกลั้น ที่เธอยอมลำบากลำบนเพื่อเผชิญหน้ากับเรื่องราวและปัญหาต่างๆ
และแสงสุดท้าย
แสงสีทองคือพรแห่งความหวังและเชื่อมั่น ตราบใดที่เธอยังคงเชื่อและยึดมั่นในการตามหาความฝันอยู่เช่นนี้ แสงแห่งความหวังจะไม่มีวันดับวูบไปจากใจ นายโอกาสบอก
แล้วฉันจะใช้พรทั้งสามนี้จัดการกับเจ้าสัตว์ประหลาดอย่างไร? เกรซถาม
จงใช้มันด้วยหัวใจของเธอไงล่ะ เจ้าสัตว์ประหลาดเหล่านี้ไม่มีวันทำอันตรายเธอได้หรอก ตราบใดที่เธอยังมีพรทั้งสามคอยคุ้มครองอยู่ นายโอกาสบอก
เกรซจึงตัดสินใจใช้พรทั้งสามที่มีกับเจ้าวายร้ายทั้งหมด
แสงสีขาว
พรแห่งความขยัน เธอใช้จัดการเจ้าตัวขี้เกียจ
แสงสีน้ำเงิน
พรแห่งความอดทน เธอใช้จัดการเจ้าอุปสรรค
และแสงสีทอง
พรแห่งความหวัง เธอใช้จัดการเจ้าความท้อแท้
ในที่สุดเกรซก็สามารถฟันฝ่าสามวายร้ายเข้าไปช่วยความฝันที่พวกมันลักพาตัวไปได้
และแล้วบทสุดท้ายของนิทานเรื่องนี้ก็จบลงเมื่อนายโอกาสพาเกรซกลับบ้านพร้อมกับความฝันที่เคยบินจากไป
บัดนี้ความฝันจะคงอยู่กับเกรซตลอดไป ตราบเท่าที่เธอยังคงรัก ดูแล และทะนุถนอมฝันนี้ คงไม่มีผู้ใดสามารถขโมยความฝันของเธอไปได้อีก
แก้ไขเมื่อ 08 พ.ค. 47 08:14:01
แก้ไขเมื่อ 06 พ.ค. 47 21:49:04
จากคุณ :
firely
- [
6 พ.ค. 47 21:41:48
]