CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown



    ฝากนิทานไว้สักเรื่องนะคะ** "เด็กหญิงเกรซกับโจรขโมยฝัน"

    รู้สึกว่าห่างหายจากการเขียนงานแนวนี้ไปนานค่ะ
    นิทานเรื่องนี้เขียนขึ้นเนื่องจากได้แรงบันดาลใจมาจากความเรียงชิ้นหนึ่งที่ตัวเองกำลังเขียนอยู่
    เลยนำมาลงให้เพื่อนๆ ในถนนได้อ่าน+วิจารณ์กัน
    และพอดีไฟลี่ได้ข่าวมาด้วยว่ากำลังมีเวทีประกวดนิทานอยู่ในตอนนี้
    กำลังชั่งใจอยู่ว่าจะส่งเรื่องนี้ไปดีไหม?
    พอดีอ่านกติกาแล้วเห็นว่าเขาไม่ได้ห้ามเรื่องการเผยแพร่ผ่านระบบอินเตอร์เน็ต
    ไฟลี่เลยขอส่งเรื่องนี้มาให้เพื่อนๆ ในถนนนักเขียนอ่านก่อน
    อยากทราบว่านิทานเรื่องนี้พอจะมีแววลุ้นไหมคะ(เอาแค่เข้ารอบก็ยังดี)^^
    *************
    เด็กหญิงเกรซกับโจรขโมยฝัน

    ในค่ำคืนที่ฟ้าไร้แสงดาว  จันทราดวงน้อยลอยลับหายเข้าไปภายใต้เงาของเมฆฝนใหญ่  ภายในห้องนอนอันมืดสนิท ทุกสิ่งทุกอย่างยังคงตกอยู่ในความเงียบสงัดเป็นเวลานาน

    ประตูห้องนอนถูกเปิดออกด้วยฝีมือของเด็กหญิงผู้เป็นเจ้าของห้อง  เธอตะโกนขึ้นท่ามกลางความมืดมิด

    “ฉันรู้ว่ามีใครบางคนมาขโมยความฝันของฉันไป” เด็กหญิงร้องขึ้นด้วยน้ำเสียงโมโห

    ทุกสิ่งภายในห้องนั้นยังคงนิ่งสงบ  ตราบจนกระทั่ง...
    “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่ามีใครมาขโมยความฝันของเจ้าไป  ข้าอยู่ในห้องแห่งนี้มาโดยตลอดยังไม่เห็นผู้ใดแอบเข้ามาในห้องเลย” ความมืดมิดเอ่ยปากถาม

    “นายจะไปรู้ได้อย่างไร  ในเมื่อนายคือความมืดมิด  ความมืดมิดที่แสนมืดสนิท  นายไม่มีวันเห็นผู้ใด  พอๆ กับที่ไม่เคยมีวันเห็นใจใคร  ฉันไม่คุยกับนายหรอก” เกรซบอก  พร้อมกับเดินไปเปิดโคมไฟหัวเตียง

    บัดนั้นความมืดมิดก็ได้จากไป
    แสงไฟอ่อนๆ สีเหลืองนวลฉายส่องผ่านมาจากโคมไฟ  ส่องให้ห้องของเด็กหญิงสว่างขึ้นท่ามกลางความเงียบสงัดและเงาจากบรรดาสิ่งของรอบกาย

    “เธอจะช่วยตามหาความฝันของฉันได้ไหม” เกรซถามกับแสงสว่าง
    “ได้สิ  หากเธอแน่ใจว่ามีคนขโมยความฝันของเธอไปจริง” แสงสว่างตอบ
    “ฉันแน่ใจ  ฉันวางความฝันไว้ตรงหน้าตลอด  แต่แล้ววันนี้ฉันกลับหามันไม่พบ  ต้องมีใครมาขโมยมันไปแน่ๆ แต่ฉันไม่รู้เลยว่าโจรผู้นั้นเป็นใคร” เกรซบอกด้วยท่าทางหมดหวัง

    แล้วเธอก็เริ่มร้องไห้ด้วยความทุกข์ระทน

    “อย่าร้องไห้สิเกรซ  เธอต้องเข้มแข็งเพื่อออกเดินทางตามหาความฝันกลับคืนมา  เอาอย่างนี้  ฉันจะให้เธอยืมอะไรบางอย่าง” แสงสว่างบอก
    “อะไรหรือ?”

    วินาทีนั้น  เด็กหญิงรู้สึกถึงบางสิ่งอยู่ในอุ้งมือทั้งสองข้างของเธอ  เมื่อแบมือออก  เกรซพบว่าภายในมือน้อยของเธอเต็มไปด้วยเกล็ดเล็กๆ สีเงินยวง  ส่องประกายระยิบระยับอยู่เต็มสองอุ้งมือ

    “นี่คือผงแห่งกาลเวลา  ความจริงผงนี้เป็นของเธออย่างที่เคยเป็นมานานแสนนาน  ฉันเพียงแค่มอบให้เธอเร็วขึ้นเท่านั้น  จงรักษาผงเหล่านี้ไว้ให้ดี  นำมันติดตัวไปด้วยยามออกเดินทางตามหาฝัน  แล้วเธอจะพบกับความฝันที่ถูกขโมยไป” แสงสว่างบอก

    “แล้วฉันจะไปตามหาความฝันได้ที่ใด?” เกรซถามด้วยความวิตกกังวล
    บัดนี้เธอมองไม่เห็นหนทางตามหาฝันกลับมาเลย
    “เงาจะเป็นผู้นำทางเธอไปเอง  จงตามเงาของเธอไปยังดาวดวงหนึ่งซึ่งส่องประกายเจิดจ้าอยู่บนฟากฟ้า”

    ขาดคำของแสงสว่าง  เกรซมองเห็นเงาของตนทอดยาวอยู่บนเตียงนอน  ในวินาทีถัดมา  เจ้าเงาอันประกอบไปด้วยรูปร่างลักษณะคล้ายเด็กหญิงคนหนึ่งก็ผุดลุกขึ้นยืน  นำเธอตรงออกไปยังขอบหน้าต่าง  

    และมันก็พาเธอดิ่งตรงไปยังดาวดวงหนึ่งซึ่งทอดแสงเจิดจ้าอยู่บนท้องฟ้าในคืนอันแสนมืดมิด
    “ระวังตัวให้ดีนะเกรซ  โชคชะตาของเธออยู่ที่ตัวเธอเป็นคนเลือกเอง” เสียงของแสงสว่างดังแว่วผ่านมา  ก่อนจะลับหายไปท่ามกลางสายลมแรง

    เงาพาเกรซออกเดินทางมาเรื่อยๆ จนในที่สุดก็มาหยุดพักยังบึงน้ำแห่งหนึ่ง  ณ บึงแห่งนี้เกรซได้เห็นละอองไอแห่งโชคชะตาของบรรดาผู้คนมากมายล่องลอยอยู่เหนือผิวน้ำใส  ละอองไอเหล่านี้ช่างดูสวยสดและงดงามเสียนี่กระไร
    “นั่นไงล่ะ  โชคชะตาของเธอ  เธอจะคว้ามันไปด้วยก็ได้นะ” เสียงใครคนหนึ่งดังขึ้นด้านหลังของเกรซ

    เด็กหญิงหันหลังไปดู  จึงได้พบกับบุรุษผู้หนึ่ง
    “ฉันคงไม่เอามันติดมือไปด้วยหรอก  เพราะสองมือของฉันในตอนนี้มีผงแห่งกาลเวลากองพูนอยู่แล้ว  ถ้าฉันเอามันไปด้วย  ฉันก็ต้องทิ้งบางส่วนของผงแห่งกาลเวลาไว้ที่นี่” เกรซบอก

    “เธอแน่ใจแล้วหรือที่จะไม่ให้โชคชะตานำทางเธอไปตามหาความฝัน” บุรุษผู้นั้นถาม
    เกรซพยักหน้า
    “โชคชะตาไม่จำเป็นสำหรับฉันเลย  ตราบใดที่ฉันรู้และกำหนดโชคชะตาของตัวเองได้  ก็ไม่จำเป็นต้องมีโชคชะตาใดมาคอยนำทางฉัน”

    “ก็ดี  ถ้าเธอไม่คิดจะเอาโชคชะตาเหล่านี้ไปด้วย  ฉันคิดว่าฉันพอจะเป็นผู้นำทางให้กับเธอแทนเจ้าโชคชะตาได้”
    “คุณเป็นใครกัน?” เกรซถามด้วยความแปลกใจ
    “ฉันมีชื่อว่า ‘โอกาส’  ว่าไงล่ะ เธออยากได้ฉันเป็นเพื่อนร่วมทางรึเปล่า” นายโอกาสถาม

    “อืม ก็ดีนะ”
    “แต่การร่วมทางของฉันมีข้อแลกเปลี่ยนบางประการ  หากเธอสามารถยอมรับมันได้  ฉันก็ยินดีไปกับเธอ”

    “อะไรคือข้อแลกเปลี่ยนของคุณคะ” เกรซถาม

    “ข้อที่หนึ่ง  ฉันต้องการผงแห่งกาลเวลาของเธอบางส่วน  ขอไม่มากหรอกแค่เพียงหนึ่งในสิบที่เธอมีอยู่ตอนนี้ก็พอแล้ว”
    “ได้  ฉันจะแบ่งผงแห่งกาลเวลานี้ให้กับคุณ”

    “งั้นข้อที่สอง  ถ้าเธอให้ฉันร่วมเดินทางไปกับเธอแล้ว  เธอต้องยินดีเสี่ยงในโอกาสที่ฉันยื่นให้  ฉันขอความกล้าจากเธอ”
    “ก็ได้  ฉันยกให้”

    “และข้อสุดท้าย  ถ้าเธอเป็นเพื่อนร่วมทางที่ดีกับฉัน  ฉันจะมอบพรสามประการให้เธอเป็นรางวัล  ยามเมื่อต้องปะทะกับเจ้าสามวายร้ายก่อนเดินทางไปถึงความฝัน”
    “อะไรกัน  มีเจ้าวายร้ายตั้งสามตัวให้ฉันต้องสู้ด้วยเหรอ?” เกรซถามด้วยความตกใจ

    “อันที่จริงแล้ว  มีเกินกว่าสามตัวเลยเชียวล่ะ  เพียงแต่เจ้าสามตัวนี้ออกจะสาหัสกว่าเพื่อน  เธอไม่รู้หรอกหรือว่าพวกมันนี่แหละที่ขโมยความฝันของเธอไป” นายโอกาสถาม
    “ฉันไม่รู้อะไรเลยจริงๆ”

    “เอาล่ะ ฉันจะค่อยๆ สอนเธอเอง  สักวันเธอจะเก่งขึ้นเหมือนพวกผู้ใหญ่ตัวโตๆ  ว่าไง ยอมรับข้อเสนอของฉันไหม”
    “ได้สิ  ฉันยินดีรับข้อเสนอทั้งหมดของคุณ” เกรซบอก

    หลังจากเกรซแบ่งผงแห่งกาลเวลาให้กับนายโอกาสแล้ว  เธอก็ได้บุรุษผู้นี้เป็นเพื่อนร่วมทาง  ถือได้ว่านายโอกาสเป็นทั้งเพื่อนและผู้นำทางชั้นยอด  ไม่ว่าหุบเหวหรือขวากหนามใด  นายโอกาสสามารถพาเกรซฟันฝ่าไปได้ทุกหนทุกแห่ง
    การเดินทางอันแสนลำบากผ่านพ้นไปด้วยดี  ตราบเท่าที่นายโอกาสยังคงอยู่ไม่ห่างกายเกรซ

    ทว่าผงแห่งกาลเวลาในมือของเด็กหญิงเริ่มร่อยหรอลงมาก  จากที่เคยเต็มอยู่สองกำมือ  เธอทำมันหล่นหายไประหว่างทางมากนัก  นี่ยังไม่รวมถึงการที่ต้องแบ่งผงนี้ให้กับนายโอกาสอีก

    แต่จนแล้วจนรอด  เกรซก็ยังมีผงแห่งกาลเวลาหลงเหลืออยู่ในมือ  บัดนี้เธอเพียงแต่กำมันไว้ด้วยมือข้างหนึ่งอย่างหวงแหน
    และแล้วการเดินทางอันแสนลำบากก็สิ้นสุดลง  ณ ประตูใหญ่สีดำทะมึนบานหนึ่งกางกั้นพวกเขาไว้จาก “โจรขโมยความฝัน” ซึ่งซุกซ่อนอยู่ด้านหลังบานประตูใหญ่แห่งนี้

    “เธอพร้อมรึยังหากฉันจะเปิดประตูใหญ่บานนี้” นายโอกาสถาม
    เกรซพยักหน้า  เด็กหญิงจ้องมองประตูบานใหญ่ค่อยๆ เปิดออกอย่างช้าๆ ด้วยความตื่นเต้น  เหงื่อผุดขึ้นเต็มดวงหน้าของเกรซพร้อมกับมือที่กำผงแห่งกาลเวลาไว้แน่น

    “เธอต้องฟันฝ่าเจ้าสามวายร้ายเหล่านี้ไปให้ได้  อย่าให้มันแย่งผงแห่งกาลเวลาของเธอไปเสียหมดล่ะ  เรายังต้องใช้มันอีกมากในการพาความฝันของเธอกลับไป” นายโอกาสเตือน

    บัดนั้น  เมื่อประตูสีดำบานใหญ่เปิดออกจนสุด  เกรซได้เห็นเจ้าสิ่งที่อยู่เบื้องหลังประตูบานนี้
    พวกมันเป็นสัตว์ประหลาด  มีอยู่ด้วยกันสามตัวดังที่นายโอกาสบอก  แต่ละตัวช่างดูน่าเกลียดน่ากลัวเสียเหลือเกิน

    ตัวที่หนึ่งมีชื่อว่า ตัวขี้เกียจ ลักษณะของเจ้าตัวนี้ค่อนข้างเล็กกว่าบรรดาสัตว์ประหลาดตัวอื่นๆ ที่เกรซเคยเจอมา  ตัวของมันมีลักษณะเป็นขนปุกปุย  นายโอกาสบอกว่าเจ้าตัวค่อนข้างร้ายกาจมาก  เพราะเมื่อใดก็ตาม  หากมันได้กระโดดเกาะใครแล้วล่ะก็  มันไม่เคยปล่อยให้เหยื่อคนนั้นหลุดรอดไปได้เลย  … นั่นคือความน่ากลัวของเจ้าวายร้ายตัวนี้

    ตัวที่สองมีชื่อว่า ความท้อแท้  ลักษณะของเจ้าตัวนี้ค่อนข้างผอม  สูงชะลูด  แถมบนหัวของมันยังมีหมวกทรงสูงประดับอยู่เบื้องบน  ส่งผลให้มันสูงเด่นเกินหน้าเกินตาบรรดาสัตว์ประหลาดตัวอื่นๆ  ลักษณะเด่นของมันนอกจากความสูงแล้วก็เห็นจะเป็นใบหน้าอมทุกข์ของมันนี่แหละ  ดูเหมือนว่าจะไม่มีวันใดเลยที่เจ้าความท้อแท้จะเคยแย้มยิ้มให้ผู้ใด  ด้วยดวงตาอมโศก หลุบต่ำ กับริมฝีปากแบะออกราวกับเตรียมพร้อมจะร้องไห้ได้ทุกเมื่อ  ทำให้ใครๆ ที่เหลือบมองหน้าเจ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้ต่างหดหู่ใจด้วยกันทุกคน

    ตัวที่สามมีชื่อว่า อุปสรรค ลักษณะของเจ้าตัวนี้ค่อนข้างใหญ่โต  รูปร่างของมันประกอบไปด้วยหนามแหลมๆ คล้ายตัวเม่น  แทบมองไม่เห็นหน้าตาของเจ้าตัวนี้เนื่องจากหัวของมันมักซุกอยู่ภายในขนแหลมทั้งหลายรอบตัวมัน  มันไม่เคยโผล่หน้าขึ้นมามองศัตรูเหมือนอย่างที่สัตว์ประหลาดตัวอื่นๆ ทำ  แต่เจ้าอุปสรรคตัวนี้มักใช้วิธีกลิ้งพาตัวเองพุ่งเข้าชนศัตรูแทน

    “ท่าทางพวกมันออกจะน่ากลัว” เกรซบอกเมื่อรับฟังเกี่ยวกับลักษณะของเจ้าวายร้ายทั้งสามจบ
    “ใช่  แต่ถ้าเธอมีพรสามประการแล้วล่ะก็  ไม่ว่าสัตว์ประหลาดตนใดก็ไม่อาจทำอันตรายเธอได้” นายโอกาสกล่าว

    “แล้วพรสามประการนั้นอยู่ที่ใดเล่า” เกรซถาม
    “เธอมีมันติดตัวมานับตั้งแต่วินาทีแรกที่ให้โอกาสตัวเองได้พบและมีฉันร่วมทางแล้ว  ลองมองดูในกระเป๋าของเธอสิ”

    เมื่อเกรซเอื้อมมือข้างหนึ่งล้วงลงไปในกระเป๋าเสื้อ  เด็กหญิงพบว่าภายในกระเป๋าที่เคยว่างเปล่า  บัดนี้กลับปรากฏบางสิ่งซุกซ่อนอยู่

    มันเป็นแสงสว่างเรืองรองสามสีด้วยกันยามเมื่อล้วงขึ้นมาอยู่บนมือ

    “แสงสีขาวคือพรแห่งความขยันและมุมานะ  ที่เธอบากบั่นมาจนถึงสถานที่แห่งนี้”

    “แสงสีน้ำเงินคือพรแห่งความอดทนอดกลั้น  ที่เธอยอมลำบากลำบนเพื่อเผชิญหน้ากับเรื่องราวและปัญหาต่างๆ”

     “และแสงสุดท้าย…แสงสีทองคือพรแห่งความหวังและเชื่อมั่น  ตราบใดที่เธอยังคงเชื่อและยึดมั่นในการตามหาความฝันอยู่เช่นนี้  แสงแห่งความหวังจะไม่มีวันดับวูบไปจากใจ” นายโอกาสบอก

    “แล้วฉันจะใช้พรทั้งสามนี้จัดการกับเจ้าสัตว์ประหลาดอย่างไร?” เกรซถาม
    “จงใช้มันด้วยหัวใจของเธอไงล่ะ  เจ้าสัตว์ประหลาดเหล่านี้ไม่มีวันทำอันตรายเธอได้หรอก  ตราบใดที่เธอยังมีพรทั้งสามคอยคุ้มครองอยู่” นายโอกาสบอก

    เกรซจึงตัดสินใจใช้พรทั้งสามที่มีกับเจ้าวายร้ายทั้งหมด

    แสงสีขาว…พรแห่งความขยัน  เธอใช้จัดการเจ้าตัวขี้เกียจ

    แสงสีน้ำเงิน…พรแห่งความอดทน  เธอใช้จัดการเจ้าอุปสรรค

    และแสงสีทอง…พรแห่งความหวัง  เธอใช้จัดการเจ้าความท้อแท้

    ในที่สุดเกรซก็สามารถฟันฝ่าสามวายร้ายเข้าไปช่วยความฝันที่พวกมันลักพาตัวไปได้  
    และแล้วบทสุดท้ายของนิทานเรื่องนี้ก็จบลงเมื่อนายโอกาสพาเกรซกลับบ้านพร้อมกับความฝันที่เคยบินจากไป

    บัดนี้ความฝันจะคงอยู่กับเกรซตลอดไป  ตราบเท่าที่เธอยังคงรัก ดูแล และทะนุถนอมฝันนี้   คงไม่มีผู้ใดสามารถขโมยความฝันของเธอไปได้อีก…


    แก้ไขเมื่อ 08 พ.ค. 47 08:14:01

    แก้ไขเมื่อ 06 พ.ค. 47 21:49:04

    จากคุณ : firely - [ 6 พ.ค. 47 21:41:48 ]