CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown



    =Chance & Destiny=...Chapter 6...

    ...มาแล้วเจ้า ปั่นจนมือเป็นระวิงเยย...ขอบคุณทุกๆ เลยนะคะที่ติดตามกันมา...ตอนนี้ความลับของพลอยถูกเปิดโปง..เอ้ย! เปิดเผยแล้วเจ้าค่ะ...ไปติดตามกันเลยดีกว่าเนอะ...

    ..........................................................

    ฟ้าฝนช่างเล่นตลกนัก ตอนบ่ายฉายแดดเปรี้ยงๆ ตกเย็นฝนกลับตกมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ฉันก็เลยได้แต่นั่งอยู่ที่ม้าหินอ่อนใต้ตึก รอคนบ้าพลังทั้งหลายที่ตากฝนเล่นบาสกันอย่างเอาเป็นเอาตาย เสียงของสายฝนทำให้ฉันนึกหวนกลับไปวันที่ฉันนั่งตากฝนกับเขา...ทำไมนะ...ทำไมฉันจะต้องเก็บเรื่องพวกนั้นมาใส่สมองด้วย ฉันควรที่จะลืมมันได้แล้ว.....
    “พี่พลอยครับ ไปดูพี่เรนหน่อยครับ มีเรื่องกับพี่เต้ฮะ” เพียงแค่ได้ยินคำที่รุ่นน้องมาบอก ฉันก็รีบวิ่งไปที่สนามบาสทันที ไม่ได้สนใจเลยว่าสายฝนนั้นมันจะส่งผลต่อตัวฉันเองอย่างไรบ้าง
    ภาพที่ฉันเห็นก็คือเรนขยุ้มคอเสื้อเต้จนเต็มมือ แม้เพื่อนๆ จะคอยเข้ามาห้ามก็ดูเหมือนจะไร้ผล เรนไม่ใช่คนขี้โมโห ไม่ใช่คนไม่มีเหตุผล ไม่ใช่คนเจ้าอารมณ์...แล้วนี่มันอะไร...
    “เรนปล่อยนะ นี่อะไรกันน่ะ” ฉันเข้าไปแทรกกลางระหว่างผู้ชายทั้งสองคนซึ่งเนื้อตัวเปียกชุ่มไปด้วยน้ำฝน เมื่อเขาเห็นหน้าฉันก็คลายมือออกจากคอเสื้อเต้ทันที เขามองฉันด้วยสายตาปวดร้าว ซึ่งฉันก็ไม่รู้เหตุผลว่าเพราะอะไร
    “พลอยออกมาทำไม เปียกหมดเลยพลอยเพิ่งหายไข้นะ เข้าร่มเถอะพลอย” เต้ยกมือขึ้นมาลูบน้ำฝนที่ชุ่มอยู่บนหน้าของฉัน
    “บอกเรามาว่ามันเกิดอะไรขึ้น” ฉันส่งสายตาคาดคั้นเอาคำตอบจากทั้งสองฝ่าย แต่ก็ไม่มีใครยอมเปิดปาก จนในที่สุด...
    “ไม่มีอะไรหรอก เรนผิดเอง” เขาหันหลังจะเดินออกจากสนาม แต่ฉันก็เดินไปขวางหน้าเขาไว้
    “เดี๋ยวนี้เรนเป็นคนไม่มีเหตุผลไปแล้วรึไง”
    “เรนก็เป็นแค่คนธรรมดามีผิดได้ถูกได้ แล้วตอนนี้เรนก็กลายเป็นคนไม่ดีในสายตาของพลอยแล้วใช่มั้ย เรนมันก็แค่คนอื่น...คนอื่นสำหรับพลอย...”
    เพียงแค่คำพูดของเขามันก็เรียกน้ำตาให้เอ่อล้นออกมาได้...ฉันเคยเข้มแข็ง แต่ก็กลับอ่อนแรงได้ในพริบตา
    “ทุกอย่างที่เราทำ มันเป็นความต้องการของเรนไม่ใช่เหรอ เราทำอย่างที่เรนต้องการแล้วไง เรนยังไม่พอใจอีกเหรอ”
    ไม่มีคำพูดใดๆ จากปากเขาอีก เค้าหันหลังเดินจากไปอย่างช้าๆ ไม่เหลียวหลังกลับมามองอีกเลยว่าฉันจะเป็นอย่างไรบ้าง...มันคงถึงเวลาที่ฉันจะต้องตัดใจแล้วสินะ...

    ฉันนั่งมองบรรยากาศภายนอกรถมาตลอดทาง น้ำฝนก็เกาะอยู่ที่ริมกระจกค่อยๆ ระเลียดตัวรวมกันแล้วหยดลงมาในที่สุด ไม่ต่างอะไรกับหยดน้ำในตาฉันเลย สายฝนยังพรมสู่พื้นไม่หยุดหย่อน อากาศภายในรถทำให้ฉันอดลูบแขนไปมาไม่ได้ แม้ว่าเจ้าของรถจะลดความเย็นลงแล้วก็ตาม
    “คลุมตัวไว้ก่อนนะ เดี๋ยวไม่สบาย” ฉับรับเสื้อของเขามาคลุมตัวไว้ ฉันรับรู้จากความอบอุ่นที่ถ่ายทอดมาสู่ผิวกาย แต่มันก็ไม่ได้แทรกซึมไปสู่จิตใจของฉันได้เลย ทำไมเขาต้องดีกับฉันนัก ยิ่งเขาดีกับฉันเท่าไหร่ มันก็ยิ่งทวีความรู้สึกผิดในใจฉันมากขึ้นเท่านั้น
    “สำหรับเรื่องบางเรื่องเราไม่จำเป็นต้องหาเหตุผลมารองรับ โดยเฉพาะในโลกของความรัก ความรักมีค่างดงาม อย่ากดค่าให้มันเป็นเสียงที่ดังอยู่แค่ในใจ”
    คำพูดลอยๆ ของเขา กลับกระทบใจฉันอย่างจัง น้ำตาของฉันมันยิ่งรื่นล้นออกมาเรื่อยๆ
    ...ฉันไม่กล้าที่จะพูดมันออกไปหรอก ฉันขอเก็บมันไว้เงียบๆ อย่างนี้ ดีกว่าที่ฉันเอ่ยออกไปแล้วได้รับคำตอบที่เจ็บปวดใจกลับมา น่าแปลกมั้ยล่ะ...ฉันเก่งกล้ามาสารพัด แต่กลับขลาดกับสิ่งที่มองไม่เห็น เดาไม่ได้อย่างนั้น...

    “ขอบคุณนะ เข้าไปดื่มอะไรอุ่นๆ ก่อนมั้ย” ฉันเอ่ยถามเพราะเห็นเขาก็นั่งมาตัวสั่นเทาไม่แพ้กัน
    “ไม่เป็นไรครับ พลอยเข้าบ้านรีบไปอาบน้ำทานยาเถอะ พรุ่งนี้เจอกันนะครับ” ฉันพยักหน้ารับคำก่อนที่รถคันสวยจะค่อยๆ ขับออกไป เมื่อหันกลับมา สายตาก็อดจะหันไปมองหารถสีฟ้าน้ำทะเลไม่ได้...ว่างเปล่า...เรนยังไม่กลับ...

    “อิ่มแล้วเหรอลูก นับวันลูกพ่อยิ่งกินน้อยลงเรื่อยๆ นะ” พ่อเอ่ยถามทันทีที่ฉันรวบช้อนไว้ข้างจาน
    “กระเพาะพลอยเล็กลงมั้งคะพ่อ”
    “ดูพลอยซูบๆ ไปนะ ไม่สบายรึเปล่าลูก พรุ่งนี้พ่อจะไปโรงพยาบาล ไปด้วยกันนะลูก”
    “ไม่ค่ะพ่อ” ฉันรีบปฏิเสธจนพ่อสงสัย ก็เลยต้องอธิบายให้พ่อสบายใจ
    “พ่อก็รู้นี่คะ พลอยไม่ชอบกลิ่นยาแล้วก็กลัวเข็มด้วย ถ้าพลอยไป หมอเขาต้องจับพลอยฉีดยาแน่ๆ เลย...พลอยไม่เป็นอะไรหรอกนะคะ พ่ออย่าห่วงเลย” ฉันนั่งลงแล้วโอบเอวพ่อไว้หลวมๆ พ่อยกมือขึ้นลูบผมฉันไปมาอย่างนุ่มนวล สัมผัสนี้ทำให้ฉันเต็มตื้นในอก และก็ทำให้ฉันคิดถึงแม่
    “ตอนนี้พ่อมีลูกเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ใกล้ชิดพ่อตลอด พี่เขาก็อยู่ไกล...พลอยเป็นเหมือนหัวใจของพ่อนะลูก ถ้าลูกเจ็บปวดพ่อก็เจ็บไม่แพ้กัน”
    ฉันปล่อยน้ำตาร่วงไล้ลงแก้มอีกครั้ง.....พ่อเจ็บปวดกับการสูญเสียมาแล้วครั้งหนึ่ง และหากมันเกิดขึ้นอีกครั้งล่ะ พ่อจะเป็นอย่างไร...ฉันไม่อยากจะคิดเลย...

    “เฮ้ย! ไหนใครบอกว่าไอ้เรนเหล้าเบียร์ไม่แตะว่า เมื่อคืนล่ะซดเอาซดเอา บ้านช่องไม่กลับ ป่านนี้ยังไม่ตื่นเลยมั้งเนี่ย ท่าทางเหมือนอกหักรอบสองว่ะ” ฉันชะงักปากกาที่กำลังจะลอกเล็คเชอร์ทันทีที่ได้ยินนายวุธพูด
    “ไอ้เรนเนี่ยนะ ตอนนั้นฉันจับมันจะเอาเหล้ากรอกปากมันยังวิ่งหนีแทบตาย” เพื่อนอีกคนในกลุ่มพูดสมทบขึ้นมา
    “มันไม่ชอบยี่ห้อที่เอ๊งจะให้มันกินรึเปล่าวะ เมื่อวานล่ะเหล้านอกของพ่อข้า ท่าทางมันจะติดใจ ยกซดยกซด แล้วก็นอนแม่งตรงนั้นล่ะ” คำบอกเล่าจากนายวุธเรียกเสียงฮาให้กับเพื่อนๆ ในกลุ่มได้ดีทีเดียว ผิดกับฉันที่พยายามจะให้ความสนใจกับสมุดตรงหน้าให้มากที่สุด แต่ดูเหมือนจิตใจกลับสวนทางเสียทุกที
    หลังจากนั้นมาเรนก็เปลี่ยนเป็นคนละคน จากที่เคยเข้าเรียนทุกคาบ ก็ขาดเรียนจนอาจารย์เตือน จากที่เคยรับผิดชอบ ก็ทำตัวเหลวไหลไร้สติ...ไม่มีภาพนายเรนที่แสนอ่อนโยนคนเดิมเลย...
    .........................................................................................................

    ผมเข้าไปฟังอาจารย์สอนเพียงเพราะจำนวนคาบขาดผมหมดเกลี้ยง หมดโอกาสโดดเรียนได้อีก ผมปล่อยให้วิชาความรู้ผ่านหูไปราวกับไร้ค่า วิชานี้ผมเคยชอบเรียนมากกว่าวิชาอื่นๆ แต่ตอนนี้ผมกลับเบื่อหน่ายอย่างบอกไม่ถูก ผมอยากจะดร็อปเรียนด้วยซ้ำ หากไม่ติดว่าผมไม่รู้ว่าจะเอาเวลาที่เหลือไปทำอะไร อีกไม่กี่อาทิตย์ก็จะสอบปลายภาคแล้ว ถึงผมจะเรียนอย่างขอไปทีอย่างที่เป็นอยู่ ผมก็น่าจะผ่านปีสามนี้ไปได้อยู่ล่ะ
    หลังจากที่หมดคาบผมก็รีบเดินไปที่รถทันที ผมว่าจะกลับไปเอาเสื้อผ้าที่บ้านแล้วก็ไปนอนบ้านเจ้าวุธเหมือนทุกวัน แต่ก็ต้องชะงักเท้า เมื่อมีเสียงเรียกดังมาจากข้างหลัง
    “เรน...เรามีเรื่องจะคุยด้วย” ผมอยากจะเดินหนี แต่ผมก็ทำไม่ได้
    “มีอะไรเหรอ เร็วๆ นะ เรนจะรีบไป”
    “รีบไป...ไปกินเหล้าน่ะเหรอ ทำไมเรนทำตัวอย่างนี้ เรนรู้ตัวมั้ยว่าเรนเปลี่ยนไปมาก เรนเหลวไหลมากไปแล้วนะ...”
    “พอเถอะพลอย คนที่พลอยต้องสนใจใส่ใจอยู่นู่น ไม่ใช่เรน เรนจะทำอะไรดีเลวแค่ไหนพลอยไม่ต้องมายุ่งหรอก” ผมรู้ว่าผมก็พูดแรงกับเธอมาก แต่ผมคิดว่ามันถูกแล้ว...ผมคิดถูกที่ทำอย่างนั้น
    “ก็ได้ ต่อจากนี้เราจะไม่วุ่นวายกับเรนอีก เราขอโทษที่ใส่ใจเรนมากเกินไป เราจะไม่เข้ามายุ่ง ไม่มาข้องเกี่ยวกับเรนอีกแล้ว”
    “ดี เรนไปล่ะ” ผมก้าวขึ้นรถแล้วขับออกไป เพียงแค่เห็นภาพสะท้อนในกระจกว่าเธอทรุดนั่งลงร้องไห้กับพื้น ใจผมมันสั่นไม่เป็นชิ้นดี แต่ผมก็ต้องกัดฟันขับรถต่อไป มองเพียงถนนข้างหน้า ไม่หันกลับไปมองภาพนั้นอีก...
    “เป็นอย่างนี้ล่ะดีแล้ว...นายทำถูกแล้วล่ะเรน”

    “เฮ้ย! ไอ้เรน เอ็งกับยัยเปี๊ยกมีปัญหาอะไรกันเหรอ” วุธถามขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย จนผมรับแทบไม่ทัน
    “ไม่มี” สั้น ง่ายและได้ใจความจนคนถามโมโหคว้าหมอนปามาเข้าหน้าผมเต็มเปา
    “ไม่มีเตี่ยเอ็งเหรอ ยัยเปี๊ยกที่ว่าอึดๆ ร้องไห้น้ำหูน้ำตาไหลขนาดนั้น...ข้าก็ไม่อยากยุ่งนักหรอก แต่ดูท่าทางยัยเปี๊ยกช่วงนี้ไม่ค่อยดีว่ะ ดูซึมๆ ไม่มีแรงชอบกล พอถามว่าเป็นอะไรก็ปฏิเสธลูกเดียว”
    “เอ็งไม่ต้องเป็นห่วงเขาหรอก แฟนเขาก็มี เขาเป็นห่วงเป็นใยกันแค่นั้นก็หวานเยิ้มแย่แล้ว” ผมวางแก้วที่ยังเหลือน้ำสีอำพันสวยอยู่ครึ่งแก้วลงบนโต๊ะอย่างหมดอารมณ์
    “แฟน...ใคร ไอ้เต้อ่ะเหรอ เห็นต่างคนต่างปฏิเสธว่าไม่ใช่แฟน เป็นเพื่อนกันเจ๋ยๆ”
    “เอ็งคิดดูเพื่อนเฉยๆ เขาจะไปรับไปส่งกันเหรอ”
    “เออเว๊ย...จริงของเอ็ง...เฮ้ย! งั้นก็หมายความว่าตอนนู้นเอ็งกับยัยเปี๊ยกก็...” เจ้าวุธดันมาช่างคิดเอาช่วงนี้ซะอีก
    “ไม่เกี่ยวเว้ย อย่าคิดอะไรโง่ๆ ได้มั้ยไอ้วุธ”
    “นี่ข้าถามเอ็งตรงๆ เลย เอ็งก็ตอบข้ามาตรงๆ ด้วย เอ็งไม่คิดอะไรกับยัยเปี๊ยกนอกจากเพื่อนเลยจริงๆ เหรอวะ คบกันสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก ไม่แพ้รอยยิ้มหวานๆ ของสาวเจ้าบ้างรึไง”
    ผมหันไปมองหน้าคนถาม ก่อนจะคว้าเหล้ามากรอกใส่ปากจนเกลี้ยงแก้ว
    “คำตอบของข้ามีผลต่อการดำรงชีวิตที่เหลือของเอ็งมากมั้ย ถ้าไม่มากเท่าไหร่ก็ไม่ต้องรอฟัง เพราะข้าไม่มีคำตอบจะให้” ผมลุกขึ้นทันที ไม่รีรอที่จะสนใจเสียงสบถของเจ้าวุธอีกต่อไป
    “ข้าจะออกไปข้างนอก เดี๋ยวมา” ผมเปิดประตูบ้านออกไป ไม่ได้สนใจในคำทักท้วงอีกเลย
    “เอ็งจะไปไหนวะ...เฮ้ย! ไอ้นี่ ท่าทางฝนธรรมชาติจะเป็นฝนกรดซะแล้ว”

    ผมนั่งลงใต้ต้นมะขามต้นเดิมที่ผมเคยมานั่งกับพลอยเมื่อสองเดือนก่อน...ตราบใดที่หัวใจยังไม่หยุดเต้น ทุกอย่างที่คิดว่าเป็นไปไม่ได้ ก็เป็นไปได้เสมอ...
    ผมไล่สายตาไปยังต้นมะขามแต่ละต้นที่ให้ร่มเงาอยู่รายรอบสนามหลวง มันไม่ต่างจากทุกครั้งที่ผมมายังคงทำตัวเป็นผู้โอบอ้อมอารีเหมือนเคย พลอยเคยบอกกับผมว่า...คนเราเมื่อเหนื่อยอ่อนก็หยุดพักใต้ต้นไม้ได้เสมอ แต่ต้นไม้ไม่มีโอกาสได้หยุดพักเลย มีแต่ให้..ให้และให้ บางทีต้นไม้อาจจะบอกเราอยู่ว่า...นี่คุณครับ ขอนอนหนุนตักหน่อยได้ไหม ผมเหนื่อยเหลือเกิน แต่คนก็ดันไม่ได้ยินซะนี่...
    ...พลอยเป็นคนน่ารักอย่างนี้เสมอ ไม่ค่อยคิดถึงตัวเอง แม้แต่ต้นไม้ยังไม่เว้นแหนะ...
    .....เฮ้อ! นี่ผมกำลังคิดถึงพลอยอีกแล้ว.....
    .....ผมกำลังหลงรักผู้หญิงที่ผมผลักไสไปให้คนอื่นงั้นเหรอ.....
    ..........................................................................................................

    จากคุณ : Cookie CO. - [ 8 พ.ค. 47 01:48:06 A:203.113.66.8 X:203.150.209.232 ]