ท้องฟ้าเบื้องนอกมืดดำ นี่เป็นเวลารุ่งเช้าแล้ว
แต่ดวงอาทิตย์ที่ควรจะทอแสงแห่งรุ่งอรุณกลับถูกบดบังด้วยเมฆฝน
ผมเอียงตัวพิงผนังข้างกระจกหน้าต่างบานใหญ่ภายในห้องนอน
เฝ้ามองละอองฝนเม็ดเล็กๆที่ถูกสายลมพัดพามาจับต้องบานกระจก
หยาดน้ำเม็ดเล็กที่พร่างพราวค่อยๆเลื่อนไหล
และเมื่อมันเคลื่อนผ่านหยดน้ำหยดเล็กๆที่เกาะยึดพื้นที่บนบานกระจกอยู่ก่อน
มันก็รวมตัวกันเป็นหยดน้ำที่ใหญ่ขึ้นแล้วไหลร่วงสู่เบื้องล่าง
ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับเธอก็คงคล้ายกับละอองฝนเม็ดเล็กๆนี้ที่ไม่รู้ว่าร่วงหล่นมาจากส่วนไหนของฟากฟ้า
ถูกสายลมหอบหิ้วมาสู่กระจกบานเดียวกัน
และด้วยเหตุผลบางอย่างที่ทำให้เราทั้งคู่ได้มาพบเจอกัน
เป็นของกันและกัน
แล้วความสัมพันธ์นั้นก็จำต้องยุติลงอย่างรวดเร็ว
ผมยังจำวันแรกที่ผมกับเธอเริ่มรู้จักกันได้ดี
ก่อนหน้านั้นผมเคยเห็นเธอมาบ้างแล้ว
บ่อยครั้งที่เธอกับเพื่อนเดินผ่านผมที่นั่งเล่นกีตาร์อยู่ที่ใต้ถุนตึกเรียน
ย่อยครั้งที่ผมพบเธอยืนถ่ายเอกสารอยู่ในห้องสมุด
และบ่อยครั้งที่ผมพบเธอยืนอยู่ที่ป้ายรถเมล์หน้ามหาวิทยาลัย
และวันนั้นก็เช่นกัน วันนั้นฝนตกเหมือนกันกับวันนี้
ต่างกันที่สายฝนเมื่อวันนั้นกระหน่ำตกลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา
มันเป็นเวลาสองทุ่มกว่า เวลาปกติที่ผมกลับบ้านหลังจากที่ซ้อมบาสเกตบอลเสร็จ
ผมยืนรอรถเมล์สายประจำอยู่นาน
คงเป็นเพราะคืนนี้ฝนตกหนัก รถที่เคยติดจึงติดหนักกว่าเดิม
สักพักหนึ่งท่ามกลางสายฝนที่โหมกระหน่ำ
เธอคนนั้นก็เดินป้องศีรษะฝ่าสายฝนด้วยกล่องใส่เอกสาร
เสื้อผ้าที่เปียกปอนของเธอคงสามารถบอกได้ดีว่ากล่องเอกสารสีชมพูของเธอนั้นสามารถต้านทานลมฝนที่โหมหนักอย่างนี้ได้หรือไม่
เธอละมือที่ถือกล่องใส่เอกสารลงเมื่อได้หยุดพักใต้ชายคาของป้ายรถเมล์
หากผมไม่ได้เข้าข้างตัวเอง ผมจำได้ว่าเธอสบตาแล้วยิ้มเล็กๆมาที่ผม
แล้วเธอก็ยืนกอดกล่องเอกสารของเธอมองฟ้ามองฝนมองท้องถนนอย่างรวดเร็ว
ด้วยเหตุผลที่ว่าชุดนักศึกษาสีขาวที่เปียกปอนของเธอนั้นมันช่างบางแนบเนื้อ
เผยให้เห็นลวดลายบนเสื้อซับในของเธอ
ทำให้ผมต้องต้องเดินเข้าไปทำความรู้จักกับเธอ
และให้เธอหยิบยืมเสื้อนักศึกษาของผมใส่ก่อนเปลี่ยนเป็นชุดกีฬาเพื่อปกปิดทรวดทรงที่ถูกขับเน้นด้วยสายฝน
วันแรกที่ผมได้รู้จักเธอจบลงที่ป้ายรถเมล์หน้ามหาวิทยาลัยนั่นเอง
เธอยิ้มแล้วขอบคุณผมที่ให้ยืมเสื้อมาคลุมร่างที่เปียกปอน
คงเป็นเพราะรอยยิ้มก่อนที่เธอจะขึ้นรถเมล์
ที่ทำให้ผมรู้สึกว่าเธอนั้นต่างไปจากทุกๆวันที่ผมเคยเจอเธอมา
คงเป็นเพราะรอยยิ้มของเธอในวันแรกที่เราได้รู้จักกัน
ที่ทำให้จิตใจของผมไม่อยู่กับเนื้อกับตัวในวันรุ่งขึ้น
ผมเฝ้ามองหาเธอในทุกๆที่ที่ผมเคยได้เจอเธอ
ผมรีบมามหาวิทยาลัยแต่เช้าแต่ผมก็ได้เข้าเรียน
ผมเฝ้ามองเธออยู่ใต้ถุนตึกเรียนที่เธอและเพื่อนของเธอเคยเดินผ่าน
ผมรอจนเกือบเที่ยงก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของเธอ
เพื่อนของเธอเดินผ่านผมไปหลายครั้งแต่ก็ไม่มีเธอเดินมาด้วย
เธออาจจะมีเรียนตอนบ่าย ผมคิดในแง่ดี
จากบ่ายจรดเย็นผมก็ยังเฝ้ารอเธออยู่ที่นั่น
และเพื่อนของเธอก็เดินผ่านผมไปอีกหลายครั้งหลายหน
จนผมไม่สามารถเก็บความรู้สึกที่อัดอั้นไว้ได้อีกต่อไปได้
ผมจึงได้รู้จากเพื่อนของเธอเมื่อผมเดินเข้าไปถามถึงเธอว่าเธอไม่สบาย
วันนี้จึงหยุดเรียนนอนพักผ่อนที่หอ
และเย็นวันนี้เพื่อนของเธอกำลังจะไปเยี่ยมเธอ
คงเป็นเพราะความรุ้สึกในตอนนั้นที่ผมมีต่อเธอที่ทำให้ผมตามเพื่อนของเธอไปเยี่ยมเธอด้วย
ในเย็นวันนั้นเธอมีทีท่าประหลาดใจเมื่อได้เห็นผมมาเยี่ยมเธอ
เรานั่งคุยกันได้ไม่นานเพื่อนของเธอก็นึกขึ้นมาได้ว่าลืมรายงานที่จะต้องส่งในวันรุ่งขึ้นไว้ที่ห้องสมุดจึงขอตัวกลับก่อน
ส่วนผมเห็นว่าเพื่อนเธอจะครหาได้หากผมละเธออยู่ด้วยกันสองต่อสอง
ผมจึงตามเพื่อนของเธอกลับไปด้วย
แต่ก่อนที่จะกลับเธอฝากให้ผมซื้อข้าวต้มที่ร้านค้าหน้าหอขึ้นมาให้เธอ
หลังจากที่ผมรอข้าวต้มอยู่นาน ฝนเม็ดบางก็เริ่มโปรยลงมา
ผมกลัวว่าเธอจะหิวจึงรีบฝ่าสายฝนเอาข้าวต้มขึ้นไปให้เธอ
เมื่อไปถึงห้องของเธอผมก็เปียกโชกไปทั้งตัว
ฝนเริ่มตกหนักขึ้นเธอจึงชวนให้ผมรอฝนอยู่ในห้องของเธอก่อน
เธอบอกว่ากลัวว่าผมจะไม่สบายเหมือนเธอ
หลังจากเธอกินข้าวต้มเสร็จ ฝนที่โหมหนักก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดหรืออ่อนแรงลง
เธอชวนผมคุยได้พักใหญ่เธอก็เพลียหลับไป
คงเพราะสายลมและฝนที่พัดเข้ามาจึงทำให้ไข้เธอขึ้นสูงอีกครั้ง
เธอเริ่มสั่นเพ้อผมจึงหาผ้าชุบน้ำมาวางที่ศีรษะของเธอ
และคงเพราะพิษไข้ทำให้เธอหนาวสั่นโผตัวเข้ามากอดผมแน่นด้วยเนื้อตัวที่สั่นเทิ้ม
กลิ่นกายอ่อนๆของเธอทำให้ผมหวั่นไหว
ร่างกายที่นิ่มละมุนของเธอทำให้ผมทนต่อไปไม่ไหว
และในวันนั้น ผมกับเธอก็เป็นของกันและกัน
เมื่อผ่านพ้นเวลานั้นไปเธอก็บอกกับผมว่าเสียใจในสิ่งที่เกิดขึ้น
เธอไม่โทษว่าผมแต่เธอก็ไม่อยากพบผมอีกต่อไป
เธอขอให้เรื่องของเราสิ้นสุดลงในวันนั้น
ผมและเธอจึงเป็นได้แค่ละอองน้ำเล็กๆบนหน้าต่าง
ละอองน้ำจากสายฝนที่ถูกลมพัดพามาอยู่บนกระจกหน้าต่าง
ละอองน้ำที่ค่อยๆเลื่อนไหลรวมตัวกันเป็นหยดน้ำเม็ดใหญ่
และหยดน้ำนั้นก็ไหลร่วงตามกระจกหน้าต่างไป
*************************************
เปลี่ยนหน้าเป็นว่าเล่นเลยนะแก
พูดมากหนะยัยนกต่อ เมื่อวานเกือบไม่สำเร็จแล้วมั้ยหละ
ไอ้โง่นั่นดันจะทำตัวเป็นสุภาษบุรุษกลับพร้อมแก
ดีนะที่ฉันมีมารยาร้อยเล่มเกวียน
*************************************
หยดน้ำจากละอองฝนยังคงค่อยๆเลื่อนไหลผ่านบานกระจกหน้าต่าง
ผมหวนนึกถึงคำพูดที่เพื่อนสนิทของผมเคยบอกไว้
อีนี่ง่ายจะตาย เอ็งลองคั่วสักวันสองวัน รับรองได้ว่าแม่นั่นไม่รอดหรอกเว้ย
ผมไม่เคยคิดเลยครับว่าเธอจะง่ายขนาดนี้
ถ้าวันนั้นผมไม่ได้แกล้งทำเป็นสุภาพบุรุษวางมาด
เราคงได้เป็นของกันและกันเร็วกว่านี้


ปล.ผมเตือนในชื่อแล้วนะ ว่าเรื่องนี้ไม่มีคำว่ารัก
อิอิ
แก้ไขเมื่อ 09 พ.ค. 47 00:04:23
แก้ไขเมื่อ 09 พ.ค. 47 00:02:51
แก้ไขเมื่อ 08 พ.ค. 47 23:59:15
แก้ไขเมื่อ 08 พ.ค. 47 23:47:23
แก้ไขเมื่อ 08 พ.ค. 47 22:50:40
จากคุณ :
Devil Cupid
- [
8 พ.ค. 47 22:26:43
]