CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown



    ละอองฝนบนหน้าต่าง(เรื่องนี้ไม่มีคำว่ารัก)

    ท้องฟ้าเบื้องนอกมืดดำ นี่เป็นเวลารุ่งเช้าแล้ว
    แต่ดวงอาทิตย์ที่ควรจะทอแสงแห่งรุ่งอรุณกลับถูกบดบังด้วยเมฆฝน
    ผมเอียงตัวพิงผนังข้างกระจกหน้าต่างบานใหญ่ภายในห้องนอน
    เฝ้ามองละอองฝนเม็ดเล็กๆที่ถูกสายลมพัดพามาจับต้องบานกระจก
    หยาดน้ำเม็ดเล็กที่พร่างพราวค่อยๆเลื่อนไหล
    และเมื่อมันเคลื่อนผ่านหยดน้ำหยดเล็กๆที่เกาะยึดพื้นที่บนบานกระจกอยู่ก่อน
    มันก็รวมตัวกันเป็นหยดน้ำที่ใหญ่ขึ้นแล้วไหลร่วงสู่เบื้องล่าง
    ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับเธอก็คงคล้ายกับละอองฝนเม็ดเล็กๆนี้ที่ไม่รู้ว่าร่วงหล่นมาจากส่วนไหนของฟากฟ้า
    ถูกสายลมหอบหิ้วมาสู่กระจกบานเดียวกัน
    และด้วยเหตุผลบางอย่างที่ทำให้เราทั้งคู่ได้มาพบเจอกัน
    เป็นของกันและกัน
    แล้วความสัมพันธ์นั้นก็จำต้องยุติลงอย่างรวดเร็ว

    ผมยังจำวันแรกที่ผมกับเธอเริ่มรู้จักกันได้ดี
    ก่อนหน้านั้นผมเคยเห็นเธอมาบ้างแล้ว
    บ่อยครั้งที่เธอกับเพื่อนเดินผ่านผมที่นั่งเล่นกีตาร์อยู่ที่ใต้ถุนตึกเรียน
    ย่อยครั้งที่ผมพบเธอยืนถ่ายเอกสารอยู่ในห้องสมุด
    และบ่อยครั้งที่ผมพบเธอยืนอยู่ที่ป้ายรถเมล์หน้ามหาวิทยาลัย
    และวันนั้นก็เช่นกัน วันนั้นฝนตกเหมือนกันกับวันนี้
    ต่างกันที่สายฝนเมื่อวันนั้นกระหน่ำตกลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา
    มันเป็นเวลาสองทุ่มกว่า เวลาปกติที่ผมกลับบ้านหลังจากที่ซ้อมบาสเกตบอลเสร็จ
    ผมยืนรอรถเมล์สายประจำอยู่นาน
    คงเป็นเพราะคืนนี้ฝนตกหนัก รถที่เคยติดจึงติดหนักกว่าเดิม
    สักพักหนึ่งท่ามกลางสายฝนที่โหมกระหน่ำ
    เธอคนนั้นก็เดินป้องศีรษะฝ่าสายฝนด้วยกล่องใส่เอกสาร
    เสื้อผ้าที่เปียกปอนของเธอคงสามารถบอกได้ดีว่ากล่องเอกสารสีชมพูของเธอนั้นสามารถต้านทานลมฝนที่โหมหนักอย่างนี้ได้หรือไม่
    เธอละมือที่ถือกล่องใส่เอกสารลงเมื่อได้หยุดพักใต้ชายคาของป้ายรถเมล์
    หากผมไม่ได้เข้าข้างตัวเอง ผมจำได้ว่าเธอสบตาแล้วยิ้มเล็กๆมาที่ผม
    แล้วเธอก็ยืนกอดกล่องเอกสารของเธอมองฟ้ามองฝนมองท้องถนนอย่างรวดเร็ว
    ด้วยเหตุผลที่ว่าชุดนักศึกษาสีขาวที่เปียกปอนของเธอนั้นมันช่างบางแนบเนื้อ
    เผยให้เห็นลวดลายบนเสื้อซับในของเธอ
    ทำให้ผมต้องต้องเดินเข้าไปทำความรู้จักกับเธอ
    และให้เธอหยิบยืมเสื้อนักศึกษาของผมใส่ก่อนเปลี่ยนเป็นชุดกีฬาเพื่อปกปิดทรวดทรงที่ถูกขับเน้นด้วยสายฝน
    วันแรกที่ผมได้รู้จักเธอจบลงที่ป้ายรถเมล์หน้ามหาวิทยาลัยนั่นเอง
    เธอยิ้มแล้วขอบคุณผมที่ให้ยืมเสื้อมาคลุมร่างที่เปียกปอน
    คงเป็นเพราะรอยยิ้มก่อนที่เธอจะขึ้นรถเมล์
    ที่ทำให้ผมรู้สึกว่าเธอนั้นต่างไปจากทุกๆวันที่ผมเคยเจอเธอมา

    คงเป็นเพราะรอยยิ้มของเธอในวันแรกที่เราได้รู้จักกัน
    ที่ทำให้จิตใจของผมไม่อยู่กับเนื้อกับตัวในวันรุ่งขึ้น
    ผมเฝ้ามองหาเธอในทุกๆที่ที่ผมเคยได้เจอเธอ
    ผมรีบมามหาวิทยาลัยแต่เช้าแต่ผมก็ได้เข้าเรียน
    ผมเฝ้ามองเธออยู่ใต้ถุนตึกเรียนที่เธอและเพื่อนของเธอเคยเดินผ่าน
    ผมรอจนเกือบเที่ยงก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของเธอ
    เพื่อนของเธอเดินผ่านผมไปหลายครั้งแต่ก็ไม่มีเธอเดินมาด้วย
    เธออาจจะมีเรียนตอนบ่าย ผมคิดในแง่ดี
    จากบ่ายจรดเย็นผมก็ยังเฝ้ารอเธออยู่ที่นั่น
    และเพื่อนของเธอก็เดินผ่านผมไปอีกหลายครั้งหลายหน
    จนผมไม่สามารถเก็บความรู้สึกที่อัดอั้นไว้ได้อีกต่อไปได้
    ผมจึงได้รู้จากเพื่อนของเธอเมื่อผมเดินเข้าไปถามถึงเธอว่าเธอไม่สบาย
    วันนี้จึงหยุดเรียนนอนพักผ่อนที่หอ
    และเย็นวันนี้เพื่อนของเธอกำลังจะไปเยี่ยมเธอ
    คงเป็นเพราะความรุ้สึกในตอนนั้นที่ผมมีต่อเธอที่ทำให้ผมตามเพื่อนของเธอไปเยี่ยมเธอด้วย
    ในเย็นวันนั้นเธอมีทีท่าประหลาดใจเมื่อได้เห็นผมมาเยี่ยมเธอ
    เรานั่งคุยกันได้ไม่นานเพื่อนของเธอก็นึกขึ้นมาได้ว่าลืมรายงานที่จะต้องส่งในวันรุ่งขึ้นไว้ที่ห้องสมุดจึงขอตัวกลับก่อน
    ส่วนผมเห็นว่าเพื่อนเธอจะครหาได้หากผมละเธออยู่ด้วยกันสองต่อสอง
    ผมจึงตามเพื่อนของเธอกลับไปด้วย
    แต่ก่อนที่จะกลับเธอฝากให้ผมซื้อข้าวต้มที่ร้านค้าหน้าหอขึ้นมาให้เธอ
    หลังจากที่ผมรอข้าวต้มอยู่นาน ฝนเม็ดบางก็เริ่มโปรยลงมา
    ผมกลัวว่าเธอจะหิวจึงรีบฝ่าสายฝนเอาข้าวต้มขึ้นไปให้เธอ
    เมื่อไปถึงห้องของเธอผมก็เปียกโชกไปทั้งตัว
    ฝนเริ่มตกหนักขึ้นเธอจึงชวนให้ผมรอฝนอยู่ในห้องของเธอก่อน
    เธอบอกว่ากลัวว่าผมจะไม่สบายเหมือนเธอ
    หลังจากเธอกินข้าวต้มเสร็จ ฝนที่โหมหนักก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดหรืออ่อนแรงลง
    เธอชวนผมคุยได้พักใหญ่เธอก็เพลียหลับไป
    คงเพราะสายลมและฝนที่พัดเข้ามาจึงทำให้ไข้เธอขึ้นสูงอีกครั้ง
    เธอเริ่มสั่นเพ้อผมจึงหาผ้าชุบน้ำมาวางที่ศีรษะของเธอ
    และคงเพราะพิษไข้ทำให้เธอหนาวสั่นโผตัวเข้ามากอดผมแน่นด้วยเนื้อตัวที่สั่นเทิ้ม
    กลิ่นกายอ่อนๆของเธอทำให้ผมหวั่นไหว
    ร่างกายที่นิ่มละมุนของเธอทำให้ผมทนต่อไปไม่ไหว
    และในวันนั้น ผมกับเธอก็เป็นของกันและกัน

    เมื่อผ่านพ้นเวลานั้นไปเธอก็บอกกับผมว่าเสียใจในสิ่งที่เกิดขึ้น
    เธอไม่โทษว่าผมแต่เธอก็ไม่อยากพบผมอีกต่อไป
    เธอขอให้เรื่องของเราสิ้นสุดลงในวันนั้น
    ผมและเธอจึงเป็นได้แค่ละอองน้ำเล็กๆบนหน้าต่าง
    ละอองน้ำจากสายฝนที่ถูกลมพัดพามาอยู่บนกระจกหน้าต่าง
    ละอองน้ำที่ค่อยๆเลื่อนไหลรวมตัวกันเป็นหยดน้ำเม็ดใหญ่
    และหยดน้ำนั้นก็ไหลร่วงตามกระจกหน้าต่างไป

    *************************************

    “เปลี่ยนหน้าเป็นว่าเล่นเลยนะแก”

    “พูดมากหนะยัยนกต่อ เมื่อวานเกือบไม่สำเร็จแล้วมั้ยหละ
    ไอ้โง่นั่นดันจะทำตัวเป็นสุภาษบุรุษกลับพร้อมแก
    ดีนะที่ฉันมีมารยาร้อยเล่มเกวียน”

    *************************************

    หยดน้ำจากละอองฝนยังคงค่อยๆเลื่อนไหลผ่านบานกระจกหน้าต่าง
    ผมหวนนึกถึงคำพูดที่เพื่อนสนิทของผมเคยบอกไว้

    “อีนี่ง่ายจะตาย เอ็งลองคั่วสักวันสองวัน รับรองได้ว่าแม่นั่นไม่รอดหรอกเว้ย”

    ผมไม่เคยคิดเลยครับว่าเธอจะง่ายขนาดนี้
    ถ้าวันนั้นผมไม่ได้แกล้งทำเป็นสุภาพบุรุษวางมาด
    เราคงได้เป็นของกันและกันเร็วกว่านี้

    zaxฑูตกุหลาบ
    ปล.ผมเตือนในชื่อแล้วนะ ว่าเรื่องนี้ไม่มีคำว่ารัก
    อิอิ

    แก้ไขเมื่อ 09 พ.ค. 47 00:04:23

    แก้ไขเมื่อ 09 พ.ค. 47 00:02:51

    แก้ไขเมื่อ 08 พ.ค. 47 23:59:15

    แก้ไขเมื่อ 08 พ.ค. 47 23:47:23

    แก้ไขเมื่อ 08 พ.ค. 47 22:50:40

    จากคุณ : Devil Cupid - [ 8 พ.ค. 47 22:26:43 ]