ลืมอธิบาย เนื่องจากคนแต่งเกิดบ้าพลังขึ้นมาอย่างกะทันหัน จึงโพสต์ก่อนในวันอังคาร ตอนต่อไป ยังคงวันพฤหัสเช่นเดิมนะครับ ขอบคุณครับ
****************************************************
"อ..อะ..."
เวรยามสองคนล้มลง กระทั่งเสียงร้องยังมิสามารถเปล่งออกมาแม้เพียงครึ่งคำ แสดงให้เห็นถึงการลงมืออันรวดเร็ว เฉียบคมของฝ่ายตรงข้าม แต่ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ ความโหดเหี้ยมอำมหิตในการลงมือของมัน!
คนทั้งสองถูกทะลวงที่คอหอย
เมื่อคอหอยถูกทะลวงเป็นรูโหว่ ย่อมมิสามารถเปล่งเสียงอันใดออกมา วิธีการแม้อำมหิต แต่กลับได้ผลยิ่ง!!!
ผู้ลงมือย่อมเป็นเกี่ยมฮุ้น!!!
คนผู้นี้นับว่าพลังฝีมือสูงเยี่ยมยิ่ง ทว่ามิใช่จะมิมีผู้ใดมีพลังฝีมือเทียบเทียมมันได้ แต่กับการลงมือที่รวดเร็วและอำมหิตเช่นเมื่อครู่ เกรงว่ามิมีผู้ใดสามารถกระทำได้รวบรัดเด็ดขาดยิ่งกว่ามัน!
นี่คือ...เกี่ยมฮุ้น! เกี่ยมฮุ้นในเวลาที่พลังฝีมือและความมั่นใจเข้มแข็งถึงขีดสุด
คนผู้นี้หากคิดทำสิ่งใด หากมิแน่ใจว่าจักประสบผลสำเร็จย่อมมิกระทำ มันผ่านวันเวลามากว่าสามสิบปี เรื่องที่คำนวณผิดพลาดแทบมิมีแม้นสักเพียงครึ่งประการ
ทว่าเพราะฝีมือของเด็กยังมิสิ้นกลิ่นน้ำนมผู้หนึ่ง ในเวลาไม่กี่วันถึงกับทำมันกระทำเรื่องผิดพลาดหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นการเสียท่าภายใต้เงื้อมมือของอีกฝ่าย หรือกระทั่งแผนการณ์ที่ผ่านการกลั่นกรองมานานปี กลับรั่วไหลออกไปเป็นเหตุให้มันต้องเร่งลงมือให้รวดเร็วกว่านี้
"วันนี้หากเรามิคิดบัญชีกับมัน น่ากลัวเรามิสามารถนอนตาหลับ" เกี่ยมฮุ้นเค้นเสียงออกมาอย่างแผ่วเบา เยือกเย็นจนน่าขนลุก
.............
.......................
ฮั่นตงสำแดงพลังตัวเบาถึงขีดสุด โผพุ่งออกอย่างสุดกำลัง ท่าร่างที่ใช้ออก บัดเดี๋ยวเคลื่อนมาซ้าย บัดเดี๋ยวย้ายมาขวา คนคล้ายเซียนเหาะเหิน ต่อให้ภูตผี วิญญาณก็อย่าหมายหลีกลี้หนีหน้า คนชุดดำทั้งแปดเห็นอีกฝ่ายท่าร่างรวดเร็วร้ายกาจถึงเพียงนี้ ก็พากันกระจายออกเป็นสี่สาย แยกย้ายกันหลบหนี
วิธีการนี้นับว่าประเสริฐยิ่ง อีกฝ่ายอย่างไรก็มีเพียงคนเดียว ย่อมมิสามารถแยกย้ายติดตามพวกมันได้ครบทั้งสี่ทาง ทว่าเหตุใดมันจึงเลือกวิธีการยุ่งยากเช่นนี้ แทนที่จะจัดการกลุ้มรุมอีกฝ่ายเสียให้จบสิ้นไป ในเมื่ออีกฝ่ายมีเพียงคนเดียวเท่านั้น
นั่นย่อมมิใช่เพราะกลัวเกรงฮั่นตง พวกมันอย่างไรก็พอมีฝีมือติดตัว คนแปดคนย่อมมิอาจกลัวเกรงคนๆ เดียว แต่ที่ทำเช่นนั้นเพราะมันมิเคยฝ่าฝืนคำสั่ง!!
เกี่ยมฮุ้นเมื่อสั่งให้พวกมันวางเพลิงจากนั้นหลบหนีทันทีโดยมิให้ชักช้า พวกมันก็ปฏิบัติตามโดยมิบิดพลิ้วเป็นอื่น
ฮั่นตงลอบร้องคำร้ายกาจ แต่อย่างไรวันนี้ต้องจับกุมพวกมันให้ได้ อดีตยอดมือปราบหารู้ไม่ว่าทั้งหมดเป็นแผนการณ์อันร้ายกาจชนิดหนึ่ง มิว่าเขาตัดสินใจติดตามไปทิศทางใด ผู้คนที่เหลือย่อมสามารถหนีรอด และถึงแม้เขาจะมีความสามารถติดตามจับกุมพวกมันได้จนหมดสิ้น ก็ยังคงพลาดท่าต่อแผนการณ์อันร้ายกาจของอีกฝ่ายอยู่ดี
ฮั่นตงสมควรทำประการใด!!?
.................
............................
"แอ้ดดด" ประตูห้องพักถูกเปิดออก เสี่ยวซาที่ตื่นขึ้นมากลางดึกเพราะเสียงอึกทึก ได้เดินออกมาจากห้องพัก เวลานั้นเป็นเวลาเดียวกับที่ฮั่นตงได้ติดตามคนชุดดำเหล่านั้นไป ไฟที่ถูกจุดขึ้นตามจุดต่างๆ กำลังลุกไหม้โชติช่วง เด็กหนุ่มเห็นเช่นนั้นก็สาดพุ่งกายอย่างรวดเร็วไปที่บ่อน้ำ คว้าได้ถังใบหนึ่งตักจ้วงลงไปในบ่อ โชคดีที่น้ำในบ่อมีปริมาณมากจึงเอ่อล้นมาถึงปากบ่อ ทำให้เด็กหนุ่มเพียงจ้วงตักก็ได้ใน้มาปริ่มถัง
เสี่ยวซาวางถังใบนั้นลง หยิบถังอีกใบจ้วงตักลงไปอีกครา หลังจากนั้นมันก็หอบหิ้วถังน้ำสองใบโลดแล่นไปทางทิศที่เห็นเปลวไฟอยู่ใกล้ที่สุด น้ำในถังถูกสาดเข้ากองไฟอันโชติช่วง ทว่ากองไฟเพียงหรี่เปลวของมันลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
เสี่ยวซามิรีรอชักช้า หอบหิ้วถังน้ำสองใบกลับไปบ่อน้ำ จ้วงตักแล้วนำมาดับไฟดังกล่าว ทำอยู่ประมาณยี่สิบเที่ยว เปลวไฟก็มอดดับลง มันถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ยกมือที่แปดเปื้อนคราบเขม่าขึ้นปาดเหงื่อบนใบหน้า
ทันใดนั้น ได้ยินเสียงฝีเท้าที่ด้านหลัง เด็กหนุ่มรีบหันกลับไปทันที พบว่า...หลี่ซังซังในชุดสีชมพูสดใสยืนงัวเงียอยู่ด้านหลัง
"อืมม เจ้าโง่ เกิดเรื่องอันใดขึ้น อึกทึกครึกโครมจนข้าพเจ้านอนมิหลับแล้ว" เด็กสาวกล่าวพึมพำออกมา
เสี่ยวซาเบิ่งตามองอีกฝ่ายจนดวงตากลมโต
หลี่ซังซังเห็นเช่นนั้นก็ค้อนควับ กล่าวว่า
"เมื่อกลางวันติดตามพี่ฮั่น ค้นหาคนจนเหน็ดเหนื่อยอ่อนเพลียยิ่ง เจ้ามิต้องมองข้าพเจ้าเช่นนั้น" หลี่ซังซังกล่าวพลางขยี้เท้า
"ข้าก็มิได้ว่าอันใด เจ้ามิเห็นต้องร้อนรนไป" เสี่ยวซากล่าวพลางทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ นิ่งไปชั่วครู่จึงกล่าวต่อ
"อยู่ดีๆ มิรู้เหตุใดจึงเกิดเพลิงไหม้ ทำเอาเกือบทุกคนปั่นป่วนกันไปหมด" เด็กหนุ่มพูดพลางมองเด็กสาวเป็นนัย
"ฮึ่มม ไม่ต้องมาประชดประชัน ช่างเถอะ ข้าพเจ้าจะกลับไปนอนแล้ว" หลี่ซังซังกล่าวพลางสะบัดหน้ากลับห้อง
ระหว่างทางที่หญิงสาวเดินกลับห้องนั้น ก็บ่นไปพลางเดินไปพลาง
"หนอย เจ้าโง่ ตื่นก่อนข้าพเจ้านิดหน่อย ทำเป็นมาพูดจาประชดประชัน คอยดูนะข้าพเจ้าจะต้องหาทางแก้เผ็ดมัน" นางผลักประตูเข้าสู่ภายในห้อง
ห้องของหลี่ซังซังนั้นเป็นห้องที่อยู่ห่างไกลไปทางทิศที่มิได้เกิดเหตุเพลิงไหม้ ดังนั้นนางแทบจะมิได้ยินเสียงเอะอะอึกทึก เมื่อเข้าสู่ภายในห้องหญิงสาวก็ปิดประตูทันที ขณะจะเดินไปที่เตียงนอน พลันรู้สึกว่าภายในห้องมีบางอย่างผิดแผกไปจากเดิม
"เอ มีอันใดผิดแปลกไปหรือเปล่า เหตุใดข้าพเจ้ารู้สึกว่ามีบางสิ่งไม่ถูกต้อง" หลี่ซังซังกล่าวพลางสำรวจมองไปโดยรอบห้อง
"ประสาทสัมผัสอันยอดเยี่ยม" เสียงอันเยียบเย็นเสียงหนึ่งดังขึ้นที่ข้างกายของนาง
"จ...เจ้า!!!" หญิงสาวอุทานออกมา นางนึกออกแล้วว่าในห้องของนางมีสิ่งใดผิดปกติไป กระบี่ "สยบเวหา" ที่เดิมทีแขวนอยู่ข้างเตียงของนางได้หายไปจากจุดที่แขวนอยู่แล้ว แต่หญิงสาวกลับไม่รู้สึกสงสัยแต่อย่างใดว่ามันหายไปที่ใด
นั่นก็เพราะว่า... สยบเวหาได้จี้จ่ออยู่ที่คอของนางแล้วนั่นเอง!!!
..................
.................................
"เอ เราหยอกล้อนางเช่นนั้นจะนึกเคืองโกรธเราหรือไม่?" เสี่ยวซายืนเกาหัวไปพลาง นึกถึงเมื่อครู่ตนเองจงใจหยอกเอินหลี่ซังซัง
"หรือจะตามไปขอโทษนางดี" มันบ่นพึมพำพลางออกเดินไปทางห้องของหลี่ซังซัง
แต่แล้วเด็กหนุ่มก็เปลี่ยนใจ
"ช่างเถอะ พรุ่งนี้นางคงจะหายโกรธเองแหละ" กล่าวพลางหันหลังกลับสู่ที่พักของตน
แก้ไขเมื่อ 14 พ.ค. 47 12:44:11
แก้ไขเมื่อ 11 พ.ค. 47 21:47:33
จากคุณ :
ทีมแต่งนิยาย
- [
11 พ.ค. 47 21:45:45
]