CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown



    ตานายเดินvsเรื่อยเปื่อยไปวัน ๆ no.6

    11/05/2004




    สวัสดีครับคุณตานายเดิน




    ห่างหายไปซะนานเป็นเพราะชีพจรลงเท้ามากไปหน่อย
    เดินทางได้ตลอดช่วงนี้จากเหนือไปใต้ วุ่น ๆ อยู่กับงานตลอด
    วันนี้ตั้งสติได้อีกทีก็ลงมือนั่งเขียนจดหมายฉบับนี้




    คุณรู้สึกไหมว่าชีวิตกับการเดินทางเป็นของคู่กันซะจนเราไม่รู้สึกตัว
    ตั่งแต่ตื่นนอนจนกระทั่งหลับผมลองหลับตาดูว่าจะมีสักวันไหนบ้างไหมที่จะไม่ต้องเดินทาง
    นึกอยู่สองอึดใจก็พบว่าแทบจะไม่มีเลย
    ไม่ว่าจะใกล้หรือไกลยังไงลองขาก็ต้องพาตัวเองขับเคลื่อนไปยังที่ต่าง ๆ
    อยู่ตลอดเวลา




    เมื่อสองอาทิตย์ที่ผ่านมาผมได้ไปสัมผัสกลิ่นอายบรรยากาศที่แตกต่าง
    อย่างใกล้เคียงกัน กับสถานที่สองแห่ง ในเวลาใกล้เคียงกันมาก “บางแสน” กับ
    “บางแสน2” คุณพอจะคุณหูบ้างไหมล่ะ
    ถ้าบางแสนหนึ่งผมก็คงไม่ต้องอธิบายอะไรออกไปให้เมื่อยนิ้ว
    เพราะคิดว่าทุกคนที่เกิดเป็นคนไทยคงรู้จักมักคุ้นกับสถานที่นี้เป็นอย่างดี
    แต่ถ้าผมจะพูดถึง “บางแสน2” ล่ะ คุณจะพอรู้จักไหม ถ้าคุณรู้จักแล้วก็ไม่เป็นไร
    แต่ผมจะเล่าให้ฟังบรรยากาศให้กับคนที่ไม่รู้จักและไม่เคยได้ไปสัมผัสบรรยากาศของมันแล้วกัน




    ว่าต่อจากการเดินทางชีพจรลงเท้าของผม บังเอิญได้ไปจังหวัดขอนแก่น
    ตอนกลางคืนก็เที่ยวชะเวิบชะวาบตามประสา ไม่มีอะไรน่าสนใจที่จะหยิบยกมาเล่า
    แต่ตอนกลางวันนี่สิ ตื่นนอนมาตอนบ่าย ๆ ก็เห็นว่าไม่มีอะไรทำ
    พี่ที่รู้จักกันก็เลยชวนไปเขื่อนอุบลรัตน์ดู ไอ้ผมก็เซ็ง ๆ
    เลยตอบตกลงอย่างง่ายดาย
    เขื่อนอุบลรัตน์อยู่ห่างจากตัวเมืองขอนแก่นขับรถไปประมาณ 30 นาทีเห็นจะได้มั่ง
    (ผมไม่แน่ใจนะอาจจะนานกว่านั้นเพราะหลับตลอดทาง)
    พอไปถึงก็ได้สัมผัสบรรยากาศแมกไม้ร่มรื่น
    บรรยากาศธรรมชาติที่หาได้ยากจากเมืองหลวง เมืองกรุง แต่พอลงจากรถเท่านั้นแหละ
    เปลวแดดระอุแทบจะเผาร่างให้ละลายคล้ายช๊อกโกแลตผึ่งแดด
    ผมก็เดินลงไปชมเขื่อนอุบลรัตน์พอเป็นพิธี
    เพราะถ้าเกิดชื่นชมมากไปผมคงต้องละลายแน่นอน
    แต่ขอบอกนิดนึงว่าแม้จะเดินดูเป็นเวลาชั่วครู่ชั่วคราว
    แต่ทัศนียภาพของเขื่อนอุบลรัตน์นั้นสวยงามมาก ท้องน้ำกว้างสุดตา
    สันเขาสีเขียวจาง ๆ ท้องฟ้าสีคราม (นี่ถ้าแดดไม่แรงจริง ๆ
    ผมคงนั่งถ่ายทอดบทกวีตรงสันเขื่อนนั้นเป็นแน่แท้)




    เดินลงมาก็หวังจะหาอะไรทานกันสักหน่อย เพื่อให้ถึงบรรยากาศการมาเขื่อนจริง ๆ
    แต่บางอย่างก็มาสะดุดตาผมจนได้
    บางอย่างที่ทำให้ผมได้เรียนรู้สัจจะธรรมชีวิตอีกข้อหนึ่ง (ของผม)
    รถบัสคันโตสองคันจอดเทียบเพื่อนที่จะนำนักท่องเที่ยวเดินชมเขื่อน
    ซึ่งเขาเหล่านั้นก็คงไม่ต่างจากผมสักเท่าไร แต่มีบางอย่างซึ่งแตกต่าง
    บางอย่างซึ่งทำให้ผมคิดว่าชีวิตนั้นสั้นกว่าที่คิดมากนัก
    ผมได้เห็นหญิงชายวัยชรา (หรือว่าเป็นวัยเกษียณอายุดีล่ะ)
    เดินงักแง่งักงันเป็นกลุ่ม ๆ ค่อย ๆ เดินขึ้นบันได
    ผมคาดว่านี่คงเป็นทริปท่องเที่ยว ท่องเที่ยวหนึ่งแน่นอน




    ได้อ่านบรรทัดนี้คุณคิดเหมือนผมไหมล่ะ ผมอาจจะคิดแตกต่างจากคนอื่นก็ได้
    นั้นก็ไม่ได้หมายความว่าผมถูกหรือว่าหมายความว่าผมผิด (แล้วผมคิดอะไรได้ล่ะ)




    ผมคิดได้ว่าคนเราเริ่มท่องเที่ยวเมื่อไร เมื่อมีแรง หรือเมื่อหมดแรง
    ชีวิตคนเราช่างสั้นนัก
    วัยทำงานสะสมเงินทองที่เป็นปึกแผ่นให้กับชีวิตได้ดูดกลืนชีวิตท่องเที่ยวและความสุขไปซะหมด
    บางคนเก็บเงินเพื่อที่จะสร้างตัวตั้งแต่อายุน้อย ๆ เพื่อคิดว่าเมื่อโตขึ้น
    เมื่อมีรากฐานการเงินที่ดีขึ้นชีวิตจะได้สุขสบาย แต่บางครั้งคน ๆ
    นั้นก็ใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อปฏิบัติภารกิจนั้น ได้ใช้เงินก็เมื่อสาย
    ได้ใช้เงินก็เมื่อตัวเองไม่มีแรงที่จะใช้มัน (อย่างที่ผมได้พบเห็น
    และได้แวบคิดขึ้นมา แต่อย่างไรก็ตามแต่ ความคิดแบบผมอาจจะผิดหรือถูกก็ได้
    แล้วแต่วิจารณญาณในการตัดสินใจของแต่ละบุคคล)
    เล่ามาซะน้ำท่วมทุ่งยังไม่ถึงบางแสน 2 สักที (ผมกำลังจะวนรถไปแล้ว รอสักครู่)




    หลังจากเดินสวนกับกลุ่มทัวร์สูงอายุผมก็ได้มานั่งพิงพังใต้ร่มไม้มีเสื่อกางปูรับรองอย่างดี
    สั่งอาหารทานกัน (ถ้ามีโอกาสได้ไปขอนแก่นอย่าลืมทานปลาเผานะครับ อร่อยดี ผมชอบ)
    ทานเสร็จเราก็มุ่งตรงไปนมัสการพระพุทธรูปองค์ใหญ่บนยอดเขา
    (ขออภัยที่ไม่สามารถเล่าได้ละเอียดมากพอ) และสุดท้ายเราก็ได้ไป “บางแสน 2”
    กันซะที




    ขับรถวนไปตามทางฉวัดเฉวียน จนมาถึงเส้นทางที่เราตามหามานาน บางแสน 2
    สองข้างทางมีบ้านเรือนประปราย เป็นบ้านของชาวท้องถิ่นที่อาศัยอยู่ระแวกนั้น
    มีรีสอร์ตบ้านพักอยู่ไม่มากนัก ประมาณหนึ่งหรือสอง พอขับรถลงไปเรียบชายหาด
    ขอย้ำว่าเรียบชายหาดจริง ๆ
    มีหาดทรายซึ่งผมคิดว่าคงไม่ขาวเท่าหาดทรายตามแหล่งท่องเที่ยวตามภาคใต้
    วันที่ผมไปนั้นไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวสักเท่าไรนัก ขอให้คุณนึกถึงหาด หาด
    หาดแถว ๆ ระยองแล้วกัน ผมคิดว่าคล้ายกับหาดแถวระยองมากกว่า
    มีเพิงไม้มุงจางตั้งเรียงรายอยู่เต็มชายหาด
    จนผมคิดว่าเพิงไม้เหล่านี้มันดรอบทัศนย์ภาพของเวิ้งน้ำสุดตาไปซะหมด
    ขับรถเรียบชายหาดได้สัก 200 เมตร ก็สุดชายหาด เป็นหาดสั้น ๆ
    (แต่อย่าเพิ่งลืมนะครับว่าที่นี้คือภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย
    ไม่ใช่ภาคใต้) นั่งถกกับพี่และเพื่อนที่มาในรถด้วยกันว่าจะเอายังไงดี
    จะลองเดินลงไปดูไหม หรือว่าจะเอายังไง สรุปได้สั้น ๆ ก็คือ
    จอดรถดูทิวทัศน์เก็บภาพความประทับใจสักพักแล้วค่อยวนรถกลับ
    ถึงแม้ว่าวันนั้นผมจะไม่ได้เดินลงไปสัมผัสแต่ก็ขอบอกได้ว่า หาดบางแสน 2
    นั้นสวยงามไม่แพ้หาดชายทะเลจริง ๆเลย
    (เสียอย่างเดียวว่าเพิงไม้มุมจากบดบังภาพความงามไปซะเกือบหมด)
    เก็บความชุ่มชื่นไว้เต็มสี่ห้องหัวใจแล้วก็เดินทางกลับโดยไม่ลืมพกเอากลิ่นอายธรรมชาติเก็บใส่กระเป๋ามาด้วย




    ขากลับผมหลับตลอดทางอีกเช่นเคย





    แม้จะหายไปนานก็ไม่หายไปเลยซะทีเดียว
    บางครั้งชีวิตมันก็ต้องมีการพักผ่อนกันบ้าง แต่พักนานไปก็ไม่ดี
    ความขี้เกียจมันก็จะมานั่นเป็นเพื่อนแทนความฝัน
    กลับจากขอนแก่นผมก็มีโอกาสได้ไป บางแสน พัทยา ระยอง ต่อเนื่องกัน
    (ชีพจรลงเท้าจริง ๆ) ได้หลับตาสัมผัสกลิ่นอายทะเล รสชาติทะเล ความเค็มปะแล่ม ๆ
    และสุดท้าย ผมได้คอนเน็ตติ้งพิเพิลกับทะเลด้วยล่ะ!!!




    สวัสดีผู้ที่แวะเข้ามาอ่านทุกคนด้วยนะครับ ลองถามตัวเองดูสิ
    ว่าคุณไปเที่ยวครั้งสุดท้ายเมื่อไร? และถามตัวเองอีกครั้งว่า
    คุณตรากตรำกับการทำงานมาแล้วเท่าไร?

    จากคุณ : คนแปะ - [ 12 พ.ค. 47 10:54:33 A:202.57.187.66 X: ]