11/05/2004
สวัสดีครับคุณตานายเดิน
ห่างหายไปซะนานเป็นเพราะชีพจรลงเท้ามากไปหน่อย
เดินทางได้ตลอดช่วงนี้จากเหนือไปใต้ วุ่น ๆ อยู่กับงานตลอด
วันนี้ตั้งสติได้อีกทีก็ลงมือนั่งเขียนจดหมายฉบับนี้
คุณรู้สึกไหมว่าชีวิตกับการเดินทางเป็นของคู่กันซะจนเราไม่รู้สึกตัว
ตั่งแต่ตื่นนอนจนกระทั่งหลับผมลองหลับตาดูว่าจะมีสักวันไหนบ้างไหมที่จะไม่ต้องเดินทาง
นึกอยู่สองอึดใจก็พบว่าแทบจะไม่มีเลย
ไม่ว่าจะใกล้หรือไกลยังไงลองขาก็ต้องพาตัวเองขับเคลื่อนไปยังที่ต่าง ๆ
อยู่ตลอดเวลา
เมื่อสองอาทิตย์ที่ผ่านมาผมได้ไปสัมผัสกลิ่นอายบรรยากาศที่แตกต่าง
อย่างใกล้เคียงกัน กับสถานที่สองแห่ง ในเวลาใกล้เคียงกันมาก บางแสน กับ
บางแสน2 คุณพอจะคุณหูบ้างไหมล่ะ
ถ้าบางแสนหนึ่งผมก็คงไม่ต้องอธิบายอะไรออกไปให้เมื่อยนิ้ว
เพราะคิดว่าทุกคนที่เกิดเป็นคนไทยคงรู้จักมักคุ้นกับสถานที่นี้เป็นอย่างดี
แต่ถ้าผมจะพูดถึง บางแสน2 ล่ะ คุณจะพอรู้จักไหม ถ้าคุณรู้จักแล้วก็ไม่เป็นไร
แต่ผมจะเล่าให้ฟังบรรยากาศให้กับคนที่ไม่รู้จักและไม่เคยได้ไปสัมผัสบรรยากาศของมันแล้วกัน
ว่าต่อจากการเดินทางชีพจรลงเท้าของผม บังเอิญได้ไปจังหวัดขอนแก่น
ตอนกลางคืนก็เที่ยวชะเวิบชะวาบตามประสา ไม่มีอะไรน่าสนใจที่จะหยิบยกมาเล่า
แต่ตอนกลางวันนี่สิ ตื่นนอนมาตอนบ่าย ๆ ก็เห็นว่าไม่มีอะไรทำ
พี่ที่รู้จักกันก็เลยชวนไปเขื่อนอุบลรัตน์ดู ไอ้ผมก็เซ็ง ๆ
เลยตอบตกลงอย่างง่ายดาย
เขื่อนอุบลรัตน์อยู่ห่างจากตัวเมืองขอนแก่นขับรถไปประมาณ 30 นาทีเห็นจะได้มั่ง
(ผมไม่แน่ใจนะอาจจะนานกว่านั้นเพราะหลับตลอดทาง)
พอไปถึงก็ได้สัมผัสบรรยากาศแมกไม้ร่มรื่น
บรรยากาศธรรมชาติที่หาได้ยากจากเมืองหลวง เมืองกรุง แต่พอลงจากรถเท่านั้นแหละ
เปลวแดดระอุแทบจะเผาร่างให้ละลายคล้ายช๊อกโกแลตผึ่งแดด
ผมก็เดินลงไปชมเขื่อนอุบลรัตน์พอเป็นพิธี
เพราะถ้าเกิดชื่นชมมากไปผมคงต้องละลายแน่นอน
แต่ขอบอกนิดนึงว่าแม้จะเดินดูเป็นเวลาชั่วครู่ชั่วคราว
แต่ทัศนียภาพของเขื่อนอุบลรัตน์นั้นสวยงามมาก ท้องน้ำกว้างสุดตา
สันเขาสีเขียวจาง ๆ ท้องฟ้าสีคราม (นี่ถ้าแดดไม่แรงจริง ๆ
ผมคงนั่งถ่ายทอดบทกวีตรงสันเขื่อนนั้นเป็นแน่แท้)
เดินลงมาก็หวังจะหาอะไรทานกันสักหน่อย เพื่อให้ถึงบรรยากาศการมาเขื่อนจริง ๆ
แต่บางอย่างก็มาสะดุดตาผมจนได้
บางอย่างที่ทำให้ผมได้เรียนรู้สัจจะธรรมชีวิตอีกข้อหนึ่ง (ของผม)
รถบัสคันโตสองคันจอดเทียบเพื่อนที่จะนำนักท่องเที่ยวเดินชมเขื่อน
ซึ่งเขาเหล่านั้นก็คงไม่ต่างจากผมสักเท่าไร แต่มีบางอย่างซึ่งแตกต่าง
บางอย่างซึ่งทำให้ผมคิดว่าชีวิตนั้นสั้นกว่าที่คิดมากนัก
ผมได้เห็นหญิงชายวัยชรา (หรือว่าเป็นวัยเกษียณอายุดีล่ะ)
เดินงักแง่งักงันเป็นกลุ่ม ๆ ค่อย ๆ เดินขึ้นบันได
ผมคาดว่านี่คงเป็นทริปท่องเที่ยว ท่องเที่ยวหนึ่งแน่นอน
ได้อ่านบรรทัดนี้คุณคิดเหมือนผมไหมล่ะ ผมอาจจะคิดแตกต่างจากคนอื่นก็ได้
นั้นก็ไม่ได้หมายความว่าผมถูกหรือว่าหมายความว่าผมผิด (แล้วผมคิดอะไรได้ล่ะ)
ผมคิดได้ว่าคนเราเริ่มท่องเที่ยวเมื่อไร เมื่อมีแรง หรือเมื่อหมดแรง
ชีวิตคนเราช่างสั้นนัก
วัยทำงานสะสมเงินทองที่เป็นปึกแผ่นให้กับชีวิตได้ดูดกลืนชีวิตท่องเที่ยวและความสุขไปซะหมด
บางคนเก็บเงินเพื่อที่จะสร้างตัวตั้งแต่อายุน้อย ๆ เพื่อคิดว่าเมื่อโตขึ้น
เมื่อมีรากฐานการเงินที่ดีขึ้นชีวิตจะได้สุขสบาย แต่บางครั้งคน ๆ
นั้นก็ใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อปฏิบัติภารกิจนั้น ได้ใช้เงินก็เมื่อสาย
ได้ใช้เงินก็เมื่อตัวเองไม่มีแรงที่จะใช้มัน (อย่างที่ผมได้พบเห็น
และได้แวบคิดขึ้นมา แต่อย่างไรก็ตามแต่ ความคิดแบบผมอาจจะผิดหรือถูกก็ได้
แล้วแต่วิจารณญาณในการตัดสินใจของแต่ละบุคคล)
เล่ามาซะน้ำท่วมทุ่งยังไม่ถึงบางแสน 2 สักที (ผมกำลังจะวนรถไปแล้ว รอสักครู่)
หลังจากเดินสวนกับกลุ่มทัวร์สูงอายุผมก็ได้มานั่งพิงพังใต้ร่มไม้มีเสื่อกางปูรับรองอย่างดี
สั่งอาหารทานกัน (ถ้ามีโอกาสได้ไปขอนแก่นอย่าลืมทานปลาเผานะครับ อร่อยดี ผมชอบ)
ทานเสร็จเราก็มุ่งตรงไปนมัสการพระพุทธรูปองค์ใหญ่บนยอดเขา
(ขออภัยที่ไม่สามารถเล่าได้ละเอียดมากพอ) และสุดท้ายเราก็ได้ไป บางแสน 2
กันซะที
ขับรถวนไปตามทางฉวัดเฉวียน จนมาถึงเส้นทางที่เราตามหามานาน บางแสน 2
สองข้างทางมีบ้านเรือนประปราย เป็นบ้านของชาวท้องถิ่นที่อาศัยอยู่ระแวกนั้น
มีรีสอร์ตบ้านพักอยู่ไม่มากนัก ประมาณหนึ่งหรือสอง พอขับรถลงไปเรียบชายหาด
ขอย้ำว่าเรียบชายหาดจริง ๆ
มีหาดทรายซึ่งผมคิดว่าคงไม่ขาวเท่าหาดทรายตามแหล่งท่องเที่ยวตามภาคใต้
วันที่ผมไปนั้นไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวสักเท่าไรนัก ขอให้คุณนึกถึงหาด หาด
หาดแถว ๆ ระยองแล้วกัน ผมคิดว่าคล้ายกับหาดแถวระยองมากกว่า
มีเพิงไม้มุงจางตั้งเรียงรายอยู่เต็มชายหาด
จนผมคิดว่าเพิงไม้เหล่านี้มันดรอบทัศนย์ภาพของเวิ้งน้ำสุดตาไปซะหมด
ขับรถเรียบชายหาดได้สัก 200 เมตร ก็สุดชายหาด เป็นหาดสั้น ๆ
(แต่อย่าเพิ่งลืมนะครับว่าที่นี้คือภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย
ไม่ใช่ภาคใต้) นั่งถกกับพี่และเพื่อนที่มาในรถด้วยกันว่าจะเอายังไงดี
จะลองเดินลงไปดูไหม หรือว่าจะเอายังไง สรุปได้สั้น ๆ ก็คือ
จอดรถดูทิวทัศน์เก็บภาพความประทับใจสักพักแล้วค่อยวนรถกลับ
ถึงแม้ว่าวันนั้นผมจะไม่ได้เดินลงไปสัมผัสแต่ก็ขอบอกได้ว่า หาดบางแสน 2
นั้นสวยงามไม่แพ้หาดชายทะเลจริง ๆเลย
(เสียอย่างเดียวว่าเพิงไม้มุมจากบดบังภาพความงามไปซะเกือบหมด)
เก็บความชุ่มชื่นไว้เต็มสี่ห้องหัวใจแล้วก็เดินทางกลับโดยไม่ลืมพกเอากลิ่นอายธรรมชาติเก็บใส่กระเป๋ามาด้วย
ขากลับผมหลับตลอดทางอีกเช่นเคย
แม้จะหายไปนานก็ไม่หายไปเลยซะทีเดียว
บางครั้งชีวิตมันก็ต้องมีการพักผ่อนกันบ้าง แต่พักนานไปก็ไม่ดี
ความขี้เกียจมันก็จะมานั่นเป็นเพื่อนแทนความฝัน
กลับจากขอนแก่นผมก็มีโอกาสได้ไป บางแสน พัทยา ระยอง ต่อเนื่องกัน
(ชีพจรลงเท้าจริง ๆ) ได้หลับตาสัมผัสกลิ่นอายทะเล รสชาติทะเล ความเค็มปะแล่ม ๆ
และสุดท้าย ผมได้คอนเน็ตติ้งพิเพิลกับทะเลด้วยล่ะ!!!
สวัสดีผู้ที่แวะเข้ามาอ่านทุกคนด้วยนะครับ ลองถามตัวเองดูสิ
ว่าคุณไปเที่ยวครั้งสุดท้ายเมื่อไร? และถามตัวเองอีกครั้งว่า
คุณตรากตรำกับการทำงานมาแล้วเท่าไร?
จากคุณ :
คนแปะ
- [
12 พ.ค. 47 10:54:33
A:202.57.187.66 X:
]