ชื่อของผมคือ Oswin เกิดที่นครGeffenแห่งนี้ ตระกูลของผมเป็นตระกูลนักเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่และคาดหวังจะให้ผม ผู้เป็นลูกหลานได้เป็นนักเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่เช่นเดียวกัน แต่ผมกลับมีความใฝ่ฝันที่ต่างออกไป ผมเบื่อหน่ายกับการที่ต้องอยู่แต่ในคฤหาสน์ที่โอ่อ่า เบื่อการเรียนรู้เวทย์มนต์ต่างๆจากตำราคาถา
ผมรักในการขับกล่อมแห่งเสียงเพลงและหวังจะเป็นกวีเร่ร่อน พเนจรไปตามสถานที่ต่างๆซึ่งไม่เคยได้ไปมาก่อน เพื่อบอกกล่าวเรื่องราวแห่งการผจญภัยของผมเป็นบทเพลงที่แสนไพเราะ
วันนั้นฝนตกหนัก อากาศมืดครึ้ม ผมไม่มีทางเลือก จึงเดินตรงไปยังห้องสมุดที่ซึ่งผมไม่ค่อยได้เข้าไปนัก แม้มันจะเป็นส่วนหนึ่งของคฤหาสน์แห่งนี้ แต่สำหรับแล้วผมมันเป็นสถานที่ที่น่าเบื่อหน่ายเหลือเกิน ห้องสมุดแห่งนี้เคยเป็นห้องโถงเก่าแก่สมัยปู่ของปู่ทวดผม
บรรยากาศของห้องจึงดูขลังที่สุดในบรรดาห้องทั้งหลาย
ผมพบหนังสือเก่าแก่เล่มหนึ่ง ปกแข็งทำด้วยไม้สีน้ำเงิน ผมพลิกหน้ากระดาษแห้งกรอบเปิดดูทีละหน้าซึ่งบันทึกด้วยอักคระที่งดงาม ขีดเขียนด้วยหมึกดำจากปลายพู่กัน ราวกลับเป็นบทเพลงแห่งความทรงจำของเรื่องราวในอดีต ผมรู้สึกหลงใหลในอักคระเหล่านั้น มันดูคล้ายกับภาษาที่ใช้เขียนในนครPayon แต่ดูเก่าแก่ยิ่งกว่า ผมพลิกหน้ากระดาษไปเรื่อยๆ กระทั่งพบรูปเหมือนของหญิงสาวผู้หนึ่งซึ่งขั้นไว้ในหน้าหนึ่งของหนังสือ เธอเป็นหญิงสาวหน้าตาสวยเศร้า สวมชุดจีนสีแดงสดและสวมหมวกรูปทรงแปลกตา และนั่นเป็นจุดประกายที่ทำให้ผมตัดสินใจออกเดิน
ทางมุ่งสู่นครPayon เพื่อค้นหาความหมายแห่งอักคระงดงามเหล่านี้
ผมเริ่มต้นเรียนรู้ภาษาใหม่ ที่ใช้กันในนครPayonถึงแม้มันอาจแตกต่างกันไปบ้างจากภาษาที่ใช้เขียนในไดอารี่เก่าแก่เล่มนี้ แต่ผมก็พอจะทราบในที่สุดว่าหนังสือเล่มนี้เป็นไดอารี่ของหญิงสาวผู้หนึ่ง ซึ่งเธอได้บันทึกเรื่องราวความรู้สึกต่างๆที่มีอยู่ ถึงชายหนุ่มผู้เป็นที่รัก ซึ่งมีชื่อว่าBon Gun ผมอ่านได้เพียงบ่างส่วนและทำความเข้าใจได้เพียงเท่านั้น
วันหนึ่งขณะที่ผมเดินลัดเลาะเข้าไปในป่า แล้วหยิบไดอารี่สีน้ำเงินขึ้นมาถือไว้ ฉับพลัน สัมผัสถึงความรู้สึกเก่าแก่บางอย่าง ผมเดินมาหยุดอยู่เบื้องหน้าถ้ำแห่งหนึ่งซึ่งถูกปิดไว้ด้วยหิน ก้อนกลมขนาดใหญ่ ผมสงสัยเหลือเกินว่ามีสิ่งใดอยู่ในถ้ำ ผมพยายามดันหินใหญ่ให้เคลื่อนออก สุดกำลังจนแต่ก็จนปัญญา แล้วจู่ๆชั่วพริบตาหนึ่งดูเหมือนว่าไดอารี่สำน้ำเงินได้ส่องสว่างขึ้น
เพียงวูบเดียว ผมตกใจหยิบมันมาดูแต่ก็ไม่มีอะไร ทันใดนั้นหินที่ปิดปากถ้ำอยู่ก็ค่อยๆเคลื่อนตัวออกช้าๆจนมีทางเล็กๆพอที่ผมจะลอดผ่านเข้าไปในถ้ำ ผมใจเต้นแรง รู้สึกถึงกลิ่นอายแห่งการพจญภัยครั้งใหญ่ ผมเดินเข้าไปในถ้ำ ภายในถ้ำเป็นสถานที่ที่กว้างและมีทางเดินคดเคี้ยวสลับซับซ้อนกันอยู่หลายชั้น หินย้อยส่องประกายสีเขียวเรืองๆอยู่ในความมืด สว่างพอที่ผมจะได้เห็นความงดงามของถ้ำแห่งนี้
โดยที่ผมหารู้ไม่ว่าถ้ำแห่งนี้ไม่มีใครเลยที่จะกล้าย่างกรายเข้ามา หรือแม้แต่จะเอ่ยถึงมัน ผมเดินขึ้นไปตามทางที่สูงชันขึ้นกระทั้งขึ้นมาถึงประมาณชั้นที่4และได้พบกับราชวังเก่าแก่ทรงจีนที่สวยงามมาก แต่มันดูเก่าและผุพังไปราวกับผ่านกาลเวลามายาวนานหลายร้อยหลายพันปี ผมตกตะลึงกับสิ่งที่พบเห็น ผมพยายามรวบรวมสติกลับมาอีกครั้ง มือกำไดอารี่ไว้แน่นแนบอกสัมผัสถึงความรู้สึกแปลกประหลาดที่แผ่ซ่านรุนแรงขึ้นทุกขณะ
ผมเดินผ่านประตูไม้บานเก่าขนาดใหญ่เข้าไปข้างใน ทันใดนั้นประตูไม้ปิดลง ไดอารี่ในมือผมร่วงหล่นกับพื้น หน้ากระดาษพลิกเปิดด้วยความเร็วปรากฏวงแหวนเป็นอักคระโบราณรอบตัวผม มีแสงสว่างจ้าบาดนัยน์ตาแล้วผมก็หมดสติล้มลง
***********
ผมค่อยๆลืมตาตื่นขึ้น ได้ยินเสียงเรียกก้องกังวานใสไพเราะดุจเสียงระฆัง หญิงสาวผู้หนึ่งนั่งอยู่ข้างๆผม สวัสดีจ้ะ เธอกล่าวทักทายด้วยภาษาจีน แต่แปลกที่มันฟังดูคุ้นหูราวกับเป็นภาษาของผมเอง เมื่อสังเกตดีๆผมตระหนักได้ว่าเธอคือหญิงสาวเจ้าของรูปคนนั้นนั่นเอง ผมพยายาม
จะกล่าวตอบ แต่ก็พบว่าตนเองทำได้แค่เพียงกระโดดหย๋อมๆ ผมไม่มีแขน ไม่มีขา มีแต่หัว ตัวอ้วนกลมสีชมพู ผม~ กลายเป็นตัวPoring!!?*
เจ้าPoringน้อย เจ้าเข้ามาในห้องของข้าได้อย่างไรกัน? เธอกล่าวอย่างสงสัย
นอกจากจะเป็นโปริ่งแล้ว ผมยังสามารถฟังภาษาจีนเข้าใจทั้งหมดอีกด้วยแฮะ ผมนึก
ข้าชื่อMunak เจ้าอยากมาเป็นสัตว์เลี้ยงของข้ามั้ยละจ้ะ? เธอพูดพลางใช้นิ้วจิ้มตัวผมเล่น ผม
พยักหน้า ตัวแทบกลิ้งม้วนเป็นวงกลม ทราบดีว่าหน้าตาจะดูบ้องแป้วขนาดไหน แต่ช่างเถอะ
Poringก็Poring
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาผมก็ได้กลายมาเป็นPoringแสนรักของMunak เธอเป็นผู้หญิงที่น่ารัก
มากแสนดีกับผมเสมอ บางครั้งเธอจะอุ้มผมมาไว้บนตักแล้วเริ่มต้นเล่าเรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับตัว
เธอให้ฟัง ผมทราบมาว่าพ่อของเธอเป็นขุนนางรับดับสูงในวังหลวง เป็นเสนาคนสนิทของ
กษัตริย์ เธอเองก็ได้พบเจ้าชายHye Gunบ่อยครั้งสมัยที่ยังเป็นเด็กเนื่องจากในบางครั้งกษัตริย์
จะเสร็จมาที่คฤหาสน์ของเธอพร้อมกับเจ้าชายHye Gun ซึ่งอาจเรียกได้ว่าเจ้าชายเป็นเพื่อนคน
แรกเพียงคนเดียวของเธอ
ในคืนที่Munakเกิด เธอได้รับคำทำนายไว้ว่า เธอจะชะตาขาดก่อนอายุ18ปี แต่หากเธอ
สามารถผ่านคืนอายุ18ไปได้ภัยร้ายก็จะผ่านพ้นไปและหลังจากนั้นควรรีบจัดพิธีมงคล เช่นพิธี
สมรส พ่อของเธอจึงสั่งให้เธออยู่แต่ในคฤหาสน์ สั่งห้ามเธอออกไปไหนเด็ดขาด แต่เธอได้
แอบกระทำความผิด ทำให้เธอถูกลงโทษโดยถูกกักตัวให้อยู่แต่ในห้อง ดั่งเช่นที่เป็นอยู่ทุกวันนี้
ทุกๆค่ำคืนMunakจะมานั่งเดียวดายอยู่ที่โต๊ะ เขียนบันทึกเรื่องราวต่างๆลงในไดอารี่สีน้ำเงิน
เมื่อผมเข้าไปใกล้เธออุ้มผมขึ้นมากอดไว้ และเริ่มต้นเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งเธอ
บันทึกเรื่องราวถึงเขาตลอดมา
5ปีก่อน Munakอายุครบ13ปี เธอกระหายใคร่รู้เรื่องราวของโลกภายนอกเหลือเกิน
Munakจึงแอบหนีออกไปจากคฤหาสน์ ลัดเลาะเข้าไปในป่า และได้พบกับเด็กหนุ่มซึ่งมีชื่อว่า
Bon Gunเด็กชายผู้มีดวงตาสีน้ำเงิน เขาได้ช่วยชีวิตเธอไว้จากสัตว์ประหลาด และได้พา
Munakไปทำแผลที่กระท่อมของเขา Bon Gunอาศัยอยู่ในป่าแห่งนี้เพียงลำพังและยินดีให้
Munakอาศัยอยู่ที่นี่
Bon Gunใฝ่ฝันที่จะเป็นนักดาบอันดับ1แห่งดินแดนทั้งหมด Bon Gunเล่าให้Munakฟัง
ว่าเมื่อสมัยที่เขายังเป็นเด็กน้อย เขาอาศัยอยู่กับบิดามารดาในแถบชานเมือง แต่แล้ววันหนึ่งได้มี
ชายแปลกหน้าบุกเข้ามาในบ้านและต่อสู้กับบิดาของเขา เขาได้แต่เฝ้ามองบิดาใช้ดาบเล่มนี้ต่อสู้
เพื่อปกป้องครอบครัวอย่างเอาเป็นเอาตายโดยที่เขาไม่สามารถทำอะไรได้เลย เขาเห็นบิดาถูก
สังหารด้วยคมดาบอาบเลือด ซึ่งเขายังจดจำดาบเล่มนั้นได้เป็นอย่างดี ดาบด้ามแดงที่สลักด้วย
อักษรเวทย์มนตร์ มารดาของเขาพาหนีมากระทั่งมาตั้งรกรากอยู่ในป่า แต่ไม่กี่ปีให้หลัง มารดา
ของเขาเกิดป่วยหนักและด่วนจากไป ทิ้งเขาไว้ให้อยู่เพียงลำพังเช่นนี้
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมามาMunakได้มาอาศัยอยู่ ณ กระท่อมกลางป่าแห่งนี้ เธอได้ฝึกทำอะไรต่อ
มิอะไรหลายอย่าง เช่นปลูกข้าวโพด เลี้ยงเห็ด Spore และอื่นๆอีกมากมาย Munakมีความสุด
มาก Bon Gunก็เช่นกัน
วันหนึ่งขณะที่MunakออกไปจับPickyในป่า คนในคฤหาสน์พบตัวเธอเข้า และได้พาตัว
กลับไปยังคฤหาสน์ พ่อของเธอโกรธมากและทำโทษโดยการกักบริเวณให้เธออยู่แต่ภายในห้อง
Munakร้องไห้คิดถึงBon Gun ส่วนBon Gunนั้นเห็นMunakไม่กลับมาสักทีก็เป็นห่วง จึง
ออกตามหากระทั่งเข้าไปในเมืองได้ยินข่าวเกี่ยวกับMunakแล้วทราบว่าแท้จริงแล้วMunak
เป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของขุนนางระดับสูงในวังที่หนีออกจากบ้านไป Bon Gunได้ยินมาว่า
Munakล้มป่วยพ่อของเธอจึงตามหมอที่เก่งที่สุดในPayonให้ไปรักษา
Bon Gunจึงไปหาหมอคนนั้นและเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ฟัง เขาอยากเจอ
Munakอีกครั้งและขอร้องให้พาเขาไปด้วย หมอรู้สึกสงสารจึงให้Bon Gunปลอมเป็นเด็กผู้
ช่วยของหมอ เมื่อไปถึงMunakเห็นBon Gunก็ดีใจมาก สั่งให้คนอื่นออกไปจากห้องให้หมด
เหลือเพียงหมอกับBon Gun แล้วทั้ง2โผเข้ากอดกันด้วยความรักและใยคิดถึง หลังจากนั้น
Munakก็แกล้งป่วยไม่ยอมทานข้าว เพื่อที่จะได้พบกับBon Gunอีก เป็นเช่นนั้นเรื่อยมา
กระทั่งความแตก
เมื่อถูกจับได้บิดาของMunakโกรธมาก Munakร้องไห้อ้อนวอนบิดาตนให้ยกโทษให้ทั้ง
Bon Gunและหมอ กล่าวว่าทั้งหมดเป็นแผนของเธอเพียงคนเดียวถ้าจะลงโทษเธอขอรับโทษ
แทนทั้งหมด Bon Gun
กล่าวว่าเป็นความผิดของเขาเองที่อยากพบMunak จึงปลอมตัวมาเพื่อมาพบMunak
Bon Gunกล่าวแก่บิดาของMunakว่าเขารักMunakมากจริงๆ และตั้งใจจะเป็นนักดาบที่เก่ง
ที่สุดในดินแดนนี้ให้จงได้ บิดาของMunakเห็นความมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวในดวงตาของBon Gun
ก็พอใจ จึงกล่าวแก่Bon Gunว่า จากนี้5ปีข้าข้าให้เวลาเจ้า ถ้าเจ้าสามารถเป็นนักดาบอันดับ1
ได้จริงละก็ จงกลับมาอย่างสมเกียรติ ข้าสัญญาว่าจะยกMunakให้แก่เจ้า แต่ตลอดระยะเวลา5ปี
นี้ห้ามเจ้าพบMunakเป็นอันขาด กระทั่งเจ้าสามารถเป็นสุดยอดนักดาบอันดับ1แล้วนั่น
แหล่ะ แต่ถ้าภายใน5ปีนี้ เจ้าไม่สามารถเป็นนักดาบอันดับ1ได้ละก็ จงอย่างกลับมาให้ข้าเห็นหน้า
อีกเป็นครั้งที่2
ก่อนBon Gunจะกล่าวลาเพื่อออกเดินทางฝึกฝนฝีมือดาบ เขาได้ขอรูปเหมือนของMunak
ติดตัวไปด้วยรูปหนึ่ง ซึ่งBon Gunพกติดตัวไว้ตลอดมา และแล้ว เวลาก็ล่วงเลยผ่านไป
ตอนนี้ผมเองก็ได้ทราบเรื่องราวต่างๆมากมายพอสมควรแล้วเกี่ยวกับMunakและBon
Gun ผมรู้สึกเศร้าปนประทับใจในความมุ่งมั่นของBon Gunแต่ถ้านั่นหมายถึงระยะเวลาเพียง
5ปี นี่ก็เป็นโอกาสสุดท้ายของทั้งคู่ เพราะอีกเพียงไม่กี่เดือนMunakก็จะอายุครบ18ปีเต็ม
แล้ววันหนึ่ง บิดาของMunakก็ได้กล่าวกับMunakด้วยความปิติยินดียิ่ง ด้วยว่าเจ้าชาย
Hye Gun โอรสกษัตริย์ผู้ครองนครPayonได้มาสู่ขอMunakกับบิดาของเธอ ซึ่งเป็น
อันตกลงแล้วว่าจะจัดพิธีสมรสขึ้นในวันที่Munakอายุครบ18ปีเต็ม ซึ่งก็อีกเพียงไม่กี่เดือนเท่า
นั้น
Munakได้ฟังก็ตกใจ กล่าวกับบิดาถึงสัญญาที่ให้ไว้แก่Bon Gun บิดาMunakกลับตอบ
ว่า เป็นไปไม่ได้หรอกที่Bon Gunจะกลับมาในฐานะนักดาบอันดับ1แห่งดินแดนทั้งหมด ใน
ระยะเวลาเพียง5ปี บัดนี้Bon Gunเองก็อายุได้เพียง18ปีเท่านั้น ที่สำคัญเจ้าชายHye Gunใน
อนาคตจะได้ขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์องค์ต่อไปและเจ้าก็จะได้อยู่อย่างสบายในฐานะราชินีแห่ง
Payon ลืมBon Gunเสียเถิด จนถึงบัดนี้Bon Gunเองเขาคงลืมเจ้าไปแล้วล่ะ การเดินทางจะ
เปลี่ยนแปลงโลกทัศน์ของเขา Bon Gunเองก็อาจพบรักกับหญิงสาวคนอื่นแล้วก็เป็นได้
คืนนั้น Munakนอนร่ำไห้คร่ำครวญด้วยความเจ็บปวดรวดร้าว เจ้าคิดว่าBon Gunจะ
กลับมามั้ย? เธอเอ่ยถามผมด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ผมจ้องมองดวงตาพร่ามัวด้วยหยาดน้ำตาของ
เธอด้วยความรู้สึกสงสารห่วงใย ผมเองก็ไม่คิดว่าBon Gunจะสามารถกลับมาในฐานะนักดาบ
อันดับ1ได้
Bon Gunจะคงยังรักข้าอยู่หรือเปล่า? เขาอาจพบรักกับหญิงสาวคนอื่นอย่างที่ท่านพ่อ
กล่าวก็เป็นได้ แล้วข้า..ข้า ว่าแล้วMunakก็ร้องไห้โฮ ฟุบหน้าลงกับหมอน ผมพยายามเอนตัว
พิงที่ไหล่ของเธอ เพื่อพยายามบอกให้เธอเชื่อมั่นในตัวBon Gun ผมคิดว่าเขาจะยังคงรัก
Munakอยู่ ผมหวังเช่นนั้น
*********************************
คือว่า อาจจะมีคำหลายๆคำที่อ่านไม่ค่อยเข้าใจนะคะ คือว่าเรื่องนี้เราเอาตัวละครในเกม ragnarokมาแต่ง ซึ่งเรื่องนี้ก็แต่งนานมากๆแล้ว ลองเอามาpostดูอ่าค่ะ
จากคุณ :
Mizo O_o Loki
- [
13 พ.ค. 47 18:46:37
A:203.146.137.50 X:
]