CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown



    ตัวละคร...คนคิดกับคนเขียน

    ตัวละคร...คนคิดกับคนเขียน


    ฉันตั้งท่าจะเขียนนิยายสักเรื่องหนึ่งมาหลายวันแล้ว แต่การเริ่มต้นครั้งนี้ไม่เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา
    ตัวละคร...มักเป็นสิ่งที่ฉันใช้ในการเริ่มต้นเรื่องราว และตัวละครจะเป็นแรงบันดาลใจ และจูงใจให้เรื่องของฉันดำเนินไปจนจบได้
    ที่ผ่านมาฉันสร้างตัวละครได้ไม่ยากเลย แต่...คราวนี้ไม่เหมือนทุกครั้ง ฉันนึกชื่อตัวละครอยู่ตั้งนาน...

    "ผมไม่ชอบชื่อนี้" ตัวละครของฉันบ่น
    "คิดหลายชื่อแล้วนะ" ฉันถอนใจ ไม่อยากบอกเขาเลยว่าชื่อที่กำลังตั้งอยู่นี้ไม่ใช่ชื่อของเขา
    "แต่ผมไม่ชอบชื่อนี้นี่นา"
    ฉันจนใจ...บอกกับเขาว่าจะกลับมานึกชื่อให้ใหม่ทีหลัง...ไม่อย่างนั้นฉันก็คงไม่ได้เริ่มเรื่องเสียที

    "คราวนี้ผมต้องรับบทแบบไหน?"  
    ส่วนใหญ่ลักษณะของตัวละครหลักของฉันจะมีบุคลิกสองสามแบบในตัว เพราะนั่นคือลักษณะที่เขาเป็นอยู่จริง

    เขาเป็นตัวละครที่ดี...แต่สำหรับเรื่องใหม่นี้ ฉันไม่อยากให้เขามาเป็นตัวละครของฉัน ฉันอยากจะจินตนาการลักษณะตัวละครของฉันขึ้นมาเองบ้าง

    "จินตนาการเอาเอง ไม่สมจริงนา" ตัวละครของฉันท้วง
    "ไม่เป็นไร ดีกว่ามีอคติกับนิสัยจริงๆ ของตัวละคร" ฉันตอบอย่างไม่ใส่ใจท่าทางน้อยใจของเขา
    "จินตนาการไปเอง เดี๋ยวพอนึกบทบรรยายไม่ออก ก็แต่งต่อไปไม่ได้ จบไม่ลงไม่รู้ด้วย" เขาดักคอ
    "ถ้าไม่จินตนาการเองบ้าง บทก็ซ้ำๆ อยู่เรื่อย...น่าเบื่อ" ฉันเน้นคำหลัง ตัวละครของฉันกระพริบตาปริบๆ พยายามให้ฉันรู้สึกว่าน่าเห็นใจ

    เขาเป็นอย่างนี้เสมอ...เป็นนักแสดง ชอบการแสดงออกแม้สิ่งที่เขาแสดงจะไม่ใช่สิ่งที่เขาเป็น เขาชอบทำท่าให้น่าสงสารและน่าเห็นใจ ทั้งๆ ที่เขาไม่ได้กำลังทุกข์ร้อนใจในสิ่งที่กำลังเป็น

    "จินตนาการจากลักษณะของผมจริงๆ สิ เปลี่ยนให้เป็นในแบบที่อยากให้เป็น อะไรก็ได้ จะได้มีพื้นฐานที่สมจริงอยู่บ้าง แล้วก็ไม่ติดไปกับลักษณะของผมจนเกินไป" บ่อยครั้งที่เขาจะมีคำแนะนำที่น่าฟัง และฉันไม่เมินเฉยกับคำแนะนำดีๆ แบบนี้แน่

    ฉันเริ่มต้น โดยการเขียนบรรยายลักษณะของตัวละครในจินตนาการ และลักษณะของเขาออกมาได้ถึงหนึ่งย่อหน้า บรรยายทั้งภาพรวมและรายละเอียด จากรูปธรรมจนถึงความคิดความฝันจากภายใน

    ฉันแทบจะเปลี่ยนลักษณะของเขาไปเลยละ

    "ลองบรรยายสรุปลักษณะพวกนั้นให้อยู่ในประโยคเดียวสิครับ เวลาพูดถึงตัวละครตอนที่ออกมาแรกๆ น่ะ" ตัวละครของฉันอ่านบทบรรยายนั้นแล้วเสนอแนะอีก

    เป็นความคิดที่ดีที่จะบรรยายลักษณะแบบกว้างๆ ไว้ก่อนในตอนเริ่มเรื่อง ไม่อย่างนั้นตัวละครของฉันก็จะติดกับรูปแบบนั้นไปจนดิ้นไม่หลุด

    "เป็นคนช่างคิด...เป็นนักวางแผน...เจ้าเล่ห์...เล่นละคร" ฉันลองตอบดูอย่างไม่มั่นใจนัก
    "อย่าสรุปแบบยกตัวอย่างสิครับ ต้องดูเหมือนชัดเจนกว่านี้ แต่ซ่อนอะไรไว้ให้น่าสนใจ"
    "ตัวตนจริงๆ แตกต่างกับสิ่งที่เห็น...ทำให้คนที่อยู่ใกล้มีความรู้สึกแปลกๆ เสมอ เหมือนกับว่า...แม้สิ่งที่สัมผัสได้มากกว่าที่เห็น...ก็ไม่ใช่สิ่งที่เป็นเสมอไป" ฉันคิดอยู่นานก่อนจะตอบ
    "ดีขึ้นครับ ถ้านั่นเป็นกุญแจของเรื่องที่ใช้ไขไปสู่ตอนจบด้วยจะดีมาก" เขาชม แล้วก็ช่วยออกความคิดเห็นต่อไป

    "ลองจินตนาการให้ผมอยู่ในสถานการณ์สักแบบสิครับ ผมอยากรู้ว่าจะให้ผมมีปฏิกิริยาอย่างไร"
    ฉันไม่สร้างสถานการณ์ที่เป็นพิเศษมากนัก แล้วเขียนบรรยายแบบง่ายๆ ด้วยปฏิกิริยาอันเป็นธรรมชาติทั่วๆ ไปของเขา

    "อืม...ให้ความรู้สึกคุ้นเคยดี...แต่ทำไมถึงเขียนจากมุมมองของตัวเองล่ะ"
    "ไม่รู้สิ..." คงเป็นธรรมชาติของฉันไปแล้ว พอเริ่มเขียนทีไร ฉันก็เขียนจากมุมมองของตัวเองทุกที

    "น่าจะลองเขียนในมุมมองของผมบ้าง"
    "ก็ได้" ฉันพยักหน้าอย่างเห็นด้วย ฉันคิดว่าเมื่อได้ลองเขียนในมุมมองของเขา ฉันคงค้นพบว่าในเหตุการณ์เดิมนั้น มีแง่คิดและสิ่งที่มองไม่เห็นในคราวแรกเพิ่มเติมในรายละเอียด ฉันรู้สึกว่าคงจะมีอะไรใหม่ๆ แน่...

    และฉันอาจจะหาคนเล่าเรื่องได้ถูกคนในที่สุดก็ได้...

    ......
    ......
    ......

    ผมมองเธอนั่งคิดอยู่คนเดียวเงียบๆ นานแล้ว...

    เธอเป็นคนสร้างชีวิตในอีกรูปแบบหนึ่งให้ผม เรื่องราวที่เธอเขียนมีผมเป็นตัวละครเสมอ ผมเคยถามเธอว่าทำไมเธอจึงเลือกผม เธอบอกผมว่า...ผมมีอะไรบางอย่างที่น่าค้นหา

    ผมถามเธอหลังจากที่เธอเขียนเรื่องล่าสุดจบไป ว่าเธอหาอะไรบางอย่างในตัวผมเจอหรือยัง?
    เธอเงียบไปนาน...ไม่ให้คำตอบแก่ผมอยู่หลายวัน จนวันนี้ที่เธอทำท่าว่าจะเริ่มเขียนเรื่องใหม่สักเรื่อง เธอก็บอกผมว่า

    "ฉันอยากจะจินตนาการตัวละครของฉันขึ้นมาเองบ้าง"
    เธอหมายความว่าเธอจะไม่ให้ผมเป็นตัวละครของเธอแล้วอย่างนั้นหรือ?
    "จินตนาการเอาเอง ไม่สมจริงนา" ผมแกล้งขู่ให้เธอไม่มั่นใจ เธอไม่เคยประสบความสำเร็จกับการจินตนาการตัวละครขึ้นมาเองลอยๆ แบบนั้น เธอเขียนเรื่องได้ดีเมื่อมีผมต่างหาก
    คงได้ผล...เธอหยุดคิด แต่เธอก็ยังพยายามดื้อ
    "ไม่เป็นไร ดีกว่ามีอคติกับนิสัยจริงๆ ของตัวละคร" ท่าทางที่เธอแสดงว่าไม่ใส่ใจ บอกว่าเธอไม่มั่นใจ และหลงเชื่อผมเข้าแล้ว

    "จินตนาการไปเอง เดี๋ยวพอนึกบทบรรยายไม่ออก ก็แต่งต่อไปไม่ได้ จบไม่ลงไม่รู้ด้วย"
    ผมยิ่งสำทับลงไปอีก การแต่งเรื่องไม่จบเป็นสิ่งที่เธอหวาดหวั่นเสมอมา เธอคงยอมรับว่าสิ่งที่ผมพูดมานั้นถูกต้อง และจี้จุดอ่อนในใจเธอ
    "ถ้าไม่จินตนาการเองบ้าง บทก็ซ้ำๆ อยู่เรื่อย" คำพูดนี้ยืนยันถึงสิ่งที่เธอกังวล
    "...น่าเบื่อ" แล้วเธอก็บอกให้ผมทราบว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่

    การให้ตัวละครอย่างผม ผลักดันและชักจูงเรื่องมาตลอดนั้นคงกลายเป็นสิ่งไม่ท้าทายสำหรับเธอไปเสียแล้ว หรือไม่ก็เพราะว่าเธอไม่รู้...ว่าผมเป็นตัวละครที่แสนวิเศษของเธอ...ผมสามารถเปลี่ยนตัวเองไปเพื่อเธอได้เสมอ

    ผมแนะนำให้เธอเปลี่ยนแปลงตัวผมไปในแบบไหนก็ได้ที่เธอต้องการ ดูเธอจะเห็นด้วย และกระตือรือร้นในการปรับเปลี่ยนนั้น...เธอทำตามคำแนะนำของผม และดูมีความสุขที่ได้ใช้จินตนาการของเธอเอง สร้างตัวละครขึ้นใหม่อย่างที่เธอตั้งใจไว้ตั้งแต่แรก

    ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว เธอไม่รู้ตัวหรอกว่าผมกำลังเปลี่ยนตัวเองในการรับรู้ของเธอ

    และในที่สุด เธอก็จะมีผม...เป็นตัวละคร ในเรื่องๆ ใหม่ที่เธอกำลังเขียน...
    ......
    ......
    ......

    แก้ไขเมื่อ 16 พ.ค. 47 16:12:28

    แก้ไขเมื่อ 14 พ.ค. 47 18:01:48

    จากคุณ : ninaM - [ 14 พ.ค. 47 14:17:04 ]