จ้าวสมุทร ตอนที่ 41 -งานสมโภชท้องทะเล-
ไซมาความเร็วสูงค่อย ๆ จอดลงที่สถานีแคริบเบียนอย่างช้า ๆ บรรดาจ้าวสมุทร ราชเทวี นักรบรัชทายาทและ องค์หญิง รวมถึงคนอื่น ๆ ที่เดินทางผ่านมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือก็ทยอยลงจากจรวดไซมาตามลำดับ
พนักงานที่ประจำอยู่ในสถานีแคริบเบียนให้การต้อนรับจนดูน่ารำคาญ.. ความจริง อูวดลก็เคยไปไหนต่อไหนในฐานะของนักรบรัชทายาทอยู่หลายต่อหลายครั้ง แต่ก็ไม่เคยมีครั้งไหนที่ให้การต้อนรับจนน่าอึดอัดขนาดนี้เลย
สถานีแคริบเบียนมีขนาดใหญ่กว่าสถานีไซมาความเร็วสูงของดินแดนอื่น ๆ ที่อูวดลเคยเห็น ที่นี่เป็นเหมือนศูนย์รวมของการเดินทาง มีจรวดไซมาถึงสามลำ ออกเดินทางมุ่งออกไปทั้งสามทิศ อันได้แก่ แอตแลนติคเหนือ อ่าวเม็กซิโก และแปซิฟิกตะวันตก
นักรบรัชทายาทและองค์หญิงทั้งแปด เดินตามหลังจ้าวสมุทรและราชเทวีรวมทั้งหมดสิบสองดินแดนซึ่งเดินทางมาด้วยกันออกจากอุโมงค์มืดที่ติดป้ายไว้ด้านหน้าว่า 'แอตแลนติกเหนือ'
มีจ้าวสมุทรอีกหลายคนที่เดินออกมาจากอุโมงค์ 'อ่าวเม็กซิโก' และ 'แปซิฟิกตะวันตก' ในที่สุด.. จ้าวสมุทรและราชเทวีก็มาครบทั้งยี่สิบเก้าดินแดน.. โดยไม่นับจ้าวสมุทรเฮนรี่และราชเทวีซูซานแห่งแคริบเบียนซึ่งไม่ได้มาให้การต้อนรับถึงที่นี่
ทางศูนย์การปกครองแคริบเบียน จัดยานพาหนะไม่มีชื่อเรียกถึงห้าสิบคันเพื่อใช้ในการต้อนรับผู้มาเยือน
อูวดล มาลาตี กฤษณา นาคิน ขึ้นยานพาหนะไม่มีชื่อเรียกคันเดียวกัน โดยมีหน่วยรบแห่งท้องทะเลเป็นคนขับให้.. ท่าทางระแวดระวังตลอดเวลาของผู้ที่ทำหน้าที่ขับ.. จึงรู้เลยว่า.. นี่คือหนึ่งใน 'ระบบรักษาความปลอดภัย' จากกลุ่มโจรทะเลเลือด
ขบวนยานพาหนะไม่มีชื่อเรียกขับเรียงแถวกันไป.. โดยยานพาหนะที่จ้าวสมุทรและราชเทวีใช้ในการเดินทางจะอยู่ด้านหน้ามีทั้งหมดยี่สิบเก้าคัน ถัดมาคือยานพาหนะสำหรับนักรบรัชทายาทและองค์หญิงซึ่งมีเพียงสี่คัน และที่อยู่รั้งท้ายคือ ยานพาหนะสำหรับ คนธรรมดาที่มี 'สิทธิ' ในการร่วมงาน
ท้องทะเลลึกค่อย ๆ มืดลงเรื่อย ๆ อูวดลมองนาฬิกาข้อมือของตนซึ่งบอกเวลาไว้ว่า ห้าโมงสี่สิบห้า
ท้องทะเลดินแดนนี้ ดูวังเวงชอบกล..
อูวดลมองไม่เห็นอะไรแม้แต่ทางข้างหน้า ยกเว้นความมืดมิด ยานพาหนะไม่มีชื่อเรียกเคลื่อนตัวไปเรื่อย ๆ จนถึงเหวลึกที่ทอดตัวลงไปด้านล่างจนสุดสายตา มองเห็นเพียงความมืดมิดเป็นก้นเหว.. คนขับชะลอความเร็ว แล้วปล่อยให้ยานพาหนะลูกครึ่งเรือ-รถยนต์ ค่อย ๆ จมลงไปในร่องเหวนั้นช้า ๆ
"ศูนย์การปกครองแคริบเบียนตั้งอยู่ในเหวลึก.." มาลาตีบอก เมื่อเห็นอูวดลทำสีหน้าแปลกใจ "เดี๋ยวนายจะได้เห็นอะไร ที่แปลกไปจากศูนย์การปกครองอื่น ๆ เลยล่ะ.."
ยานพาหนะไม่มีชื่อเรียกจมลงก้นเหวไปเรื่อย ๆ จนถึงจุด ๆ หนึ่ง ซึ่งมีลำแสงโผล่มาจากชะง่อนหินด้านล่าง ยานพาหนะไม่มีชื่อเรียกคันก่อน ๆ หายเข้าไปในลำแสงนั้น..
เมื่อลงเข้าไปใกล้ ๆ จึงได้รู้ว่า บริเวณแสงสว่างที่ว่านั้น เป็นประตูทางเข้า-ออกของศูนย์การปกครองแคริบเบียน เมื่อประตูเปิด.. แสงจากภายในจึงสาดส่องออกมา
ยานพาหนะไม่มีชื่อเรียกขับเคลื่อนผ่านช่องประตูขนาดใหญ่เข้าไปภายใน แล้วขับไปตามช่องอุโมงค์ที่สร้างจากเหล็กชุบโครเมียม เมื่อยานพาหนะไม่มีชื่อเรียกคันสุดท้ายของขบวนผ่านเข้ามา.. ประตูกลขนาดใหญ่ก็ปิดลงอย่างอัตโนมัติ ทิ้งสภาพภายนอกให้เป็นเพียงหุบผาของเหวลึกธรรมดา
ขบวนยานพาหนะไม่มีชื่อเรียกทั้งห้าสิบคันเคลื่อนตัวไปตามอุโมงค์เหล็กไปเรื่อย ๆ จนเวลาผ่านไปสักครึ่งชั่วโมง หน่วยรบแห่งท้องทะเลที่ทำหน้าที่เป็นคนขับเอื้อมมือขึ้นกดปุ่ม ๆ หนึ่งตรงแผงควบคุม และทันใดนั้น บริเวณท้องยานพาหนะไม่มีชื่อเรียกก็ปรากฏชิ้นส่วนบางอย่างยื่นออกมาสี่อัน ชิ้นส่วนนั้นกางออกตั้งฉากกับพื้นอุโมงค์ กลายเป็นล้อ แล้วยานพาหนะลูกครึ่งเรือ-รถยนต์ซึ่งกลายสภาพเป็นรถยนต์เต็มรูปแบบก็ค่อย ๆ ลดตัวลง จนล้อสัมผัสกับพื้นอุโมงค์แล้วก็ขับเคลื่อนต่อไป ราวกับวิ่งอยู่บนถนน ไม่ใช่ในอุโมงค์ที่เต็มไปด้วยน้ำ
ขบวนรถยนต์วิ่งต่อไปเรื่อย ๆ จนผ่านเยื่อกั้นน้ำ สู่ห้องโถงขนาดใหญ่ ที่สามารถเอาสถานีไซมาความเร็วสูงมาตั้งรวมกันได้ถึงสี่สถานีแล้วซ้อนทับกันไปข้างบนได้อีกสองสถานี
รถยนต์แต่ละคันค่อย ๆ ขับเคลื่อนไปจอดตามจุดอย่างมีระเบียบ
"แหม.. ดีจังเลยนะ.. ไม่ต้องว่ายน้ำเข้ามาให้เหนื่อย.." กฤษณาพูดแบบนี้เป็นครั้งที่เจ็ดแล้วในชีวิต.. หรือถ้าจะบอกให้ถูก เธอพูดแบบนี้ทุกครั้งเมื่อมีโอกาสมาเยือนแคริบเบียนนั่นเอง
"เนี่ยล่ะ.. ที่เรียกว่าความแตกต่าง.." มาลาตีเอ่ย "สาเหตุหนึ่งที่จ้าวสมุทรเฮนรี่ ได้รับเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรี ค.ส.ร. ก็เพราะว่าศูนย์การปกครองแคริบเบียน เหมาะสมแก่การใช้เป็นที่ตั้งของ ค.ส.ร. พอดี.."
"แหงล่ะ.. ไฮเทคออกขนาดนี้.." นาคินว่า
"ไม่ใช่แค่นั้นนะ.." มาลาตีกระซิบ "ยังมีข่าวลือออกมาอีกว่า.. แคริบเบียนยังซ่อนอาวุธร้ายแรงเอาไว้อีกด้วย.."
"หา.. อาวุธร้ายแรงเหรอ.." อูวดลตะโกนออกมาอย่างตกใจ จนมาลาตีแทบกระโดดเอามือของเธอมาปิดปาก กฤษณากับนาคินหน้าเสียเล็กน้อย กวาดสายตามองไปรอบ ๆ อย่างหวาดหวั่นว่ามีคนได้ยินที่อูวดลตะโกนหรือเปล่า
โชคดีที่ไม่มีใครที่แสดงอาการว่าได้ยิน มาลาตีถอนใจอย่างโล่งอก แล้วหันมาเอ็ดอูวดล
"บ้าจริงเลย.. จะตะโกนออกมาหาพระแสงของ้าวหรือไง มันยังเป็นแค่ข่าวลือ.. เอามาพูดสุ่มสี่สุ่มห้าได้ยังไงเล่า.."
อูวดลเถียงไม่ออก ได้แต่เดินตามมาลาตีไปสมทบกับลีออน เฟเดอลา โอแลมป์และเออัวลิสที่ยืนอยู่ด้านหน้า กฤษณาเดินมาเกาะแขนอูวดลอีกครั้ง
"อืม.. สงสัยจะเป็นส่วนหนึ่งของระบบความปลอดภัยอีกล่ะสินะ.." โอแลมป์พูดพลางกวาดตาสำรวจรอบ ๆ ลานจอดซึ่งมีหน่วยรบแห่งท้องทะเล ยืนคุมอยู่นับได้เกือบร้อยคน
"งานรื่นเริงแท้ ๆ กลับจะต้องมามีเรื่องอีก.. หมดสนุกแน่ ๆ เลย.." กฤษณาบ่น
"นั่นน่ะสิ." ลีออนสมทบ
"ไปกันเถอะ.. ท่านจ้าวสมุทรและราชเทวีรอเราอยู่ด้านในแล้ว.."
เฟเดอลาบอกพร้อมกับนำทุกคนเดินผ่านยานพาหนะไม่มีชื่อเรียกที่จอดเรียงไว้หลายคันไปจนถึงประตูทางด้านซ้ายที่พาเข้าสู่ทางเดินที่ปูพรมสีแดง เป็นที่แน่นอนว่า 'ระบบรักษาความปลอดภัย' ของจ้าวสมุทรเฮนรี่คือการให้หน่วยรบแห่งท้องทะเลมายืนคุมเป็นหุ่นไว้ริมทางเดินทุก ๆ ครึ่งเมตร ไปจนถึงห้องโถงเล็ก ๆ ที่มีจ้าวสมุทรและราชเทวียืนคุยอยู่หลายคน รวมทั้งจ้าวสมุทรและราชเทวีจากอ่าวไทย เมดิเตอร์เรเนียน และโซมาลีด้วย
"เอาล่ะ.. ดูตัวเองว่าพร้อมหรือยัง.." ราชเทวีดาหวันพูดพลางจัดคอเสื้อที่บิดเบี้ยวของอูวดลให้กลับมาเข้าที่เข้าทาง "พวกเธอทุกคนต้องรักษาเกียรติของนักรบรัชทายาทและองค์หญิงให้เต็มความสามารถ.. แม้จะเป็นเรื่องเพียงน้อยนิดก็ตาม.."
"เอาล่ะ.. ฉันว่าพวกเราควรจะเข้าไปในงานกันได้แล้ว.." จ้าวสมุทรวาสุกรีเอ่ย "เพราะฉันเห็นพวกเบริงชัวเซนเพิ่งจะเข้าไปเมื่อสักครู่.. ตอนนี้ก็คงเหลือเพียงแค่อ่าวไทย เมดิเตอร์เรเนียนและโซมาลี สามดินแดนเท่านั้นกระมัง.. ที่ยังไม่ได้เข้าไปในงาน.."
เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างเข้าที่ 'คณะ' ของอ่าวไทยก็เดินล่วงหน้าไปก่อน ตามด้วยคณะของเมดิเตอร์เรเนียน และโซมาลี
จ้าวสมุทรวาสุกรีเดินนำไป สู่ห้องโถงเล็ก ๆ อีกห้องหนึ่ง มีทางแยกซ้ายขวา เบื้องหน้าเป็นประตูบานใหญ่ที่เปิดค้างเอาไว้อยู่แล้ว หน่วยรบแห่งท้องทะเลที่ยืนคุมอยู่หน้าประตูอีกสองคน โค้งตัวลงทำความเคารพจ้าวสมุทรวาสุกรีและราชเทวีดาหวันที่เดินผ่านประตูเข้าไป
มีคนสามคนยืนให้การต้อนรับอยู่บริเวณหน้างาน เป็นชายสองหญิงหนึ่ง.. ผู้ชายและผู้หญิงที่ยืนคู่กันด้านหน้า อูวดลเคยเห็นหน้าแล้ว เขาทั้งสองคือ จ้าวสมุทรเฮนรี่และราชเทวีซูซานแห่งทะเลแคริบเบียน ส่วนผู้ชายที่ยืนอยู่ถัดไปนั้น อูวดลไม่รู้จักและไม่เคยเห็นหน้าเลยสักครั้ง
"เป็นที่แน่นอนว่า สามดินแดนสุดท้ายที่จะเข้ามาในงานยังคงเป็นเช่นเดิม แม้เวลาจะผ่านมาสักกี่ปี.." จ้าวสมุทรเฮนรี่ยิ้มทักทาย ทำให้หนวดดกดำที่จัดแต่งเอาไว้ขยับเล็กน้อย
"สวัสดีครับ / ค่ะ.. จ้าวสมุทรเฮนรี่ ราชเทวีซูซาน.." นาคิน กฤษณาและมาลาตีกล่าวทักทายพร้อมกันพร้อมโค้งศีรษะเล็กน้อยเพื่อทำความเคารพ
จ้าวสุทรเฮนรี่ และราชเทวีซูซานยิ้มรับ.. แต่ดูเหมือนเป็นรอยยิ้มที่ฝืน ๆ พิกล
จ้าวสมุทรวาสุกรียิ้มตอบ "แค่ไม่ต้องการเดินเบียดเสียดกันก็เท่านั้น.. แล้วอีกอย่าง ดินแดนที่มีนักรบรัชทายาทและองค์หญิง ก็ต้องเข้ามาช้ากันอยู่แล้ว เพราะต้องรอพวกเขาซึ่งมากับยานพาหนะไม่มีชื่อเรียกในขบวนหลัง.." จ้าวสมุทรวาสุกรีหยุดพูด หันมาหาอูวดล ดึงเขามาอยู่ด้านหน้าแล้วจึงหันไปพูดกับจ้าวสมุทรเฮนรี่ต่อ "มีคนหนึ่งที่ข้าต้องการแนะนำให้ท่านรู้จัก.."
จ้าวสมุทรเฮนรี่เลิกคิ้ว แต่เมื่อเห็นเพชรประจำตำแหน่งบนลำคอของอูวดล ก็คงพอที่จะทำให้เขาหายสงสัย
"นักรบรัชทายาทอีกคนรายงานตัวแล้วหรือ.."
"ท่านเดาถูกแล้ว.." ราชเทวีดาหวันพูด
"เอาล่ะ.. ยินดีที่ได้รู้จัก.. อูวดล.." จ้าวสมุทรเฮนรี่ยื่นมือหยาบกร้านมาให้อูวดล ซึ่งเขาก็ส่งมือไปสัมผัสอย่างสงสัยเล็กน้อย
"ท่านรู้จักชื่อผมด้วยหรือครับ.."
จ้าวสมุทรเฮนรี่หัวเราะ แล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เยียบเย็น "แน่นอน.. ไม่มีใครที่ไม่รู้จัก นักรบรัชทายาทอูวดล.. ผู้ซึ่งสร้างเรื่องวุ่นวายขึ้นเมื่อสิบสี่ปีก่อน.."
อูวดลชะงัก.. ไม่เพียงแต่อูวดลเท่านั้น มาลาตี กฤษณาและนาคินก็เช่นกัน พวกเขาจ้องมองจ้าวสมุทรเฮนรี่ที่ยังหัวเราะกับราชเทวีซูซานด้วยสายตาที่สื่อถึงหลายอารมณ์.. รำคาญ แปลกใจ สงสัย และ กระหายรู้
ราชเทวีดาหวันและจ้าวสมุทรวาสุกรี ลอบมองซึ่งกันและกันด้วยสายตาที่เข้าใจกันเพียงสองคน
"เรื่องวุ่นวาย.." มีเพียงอูวดลเท่านั้นที่สามารถพูดออกมาได้ แต่ยังพูดไม่ทันจบ จ้าวสมุทรเฮนรี่ก็ชิงพูดขึ้นเสียก่อน
"เอาล่ะ.. ขอให้สนุกกับงานครั้งนี้นะ.. วาสุกรี ดาหวัน และรัชทายาท.."
จ้าวสมุทรวาสุกรีเดินผละจากจ้าวสมุทรเฮนรี่ทันทีทันใด แต่อูวดลยังคงยืนอยู่ที่เดิม
"ไปกันเถอะ.." มาลาตีกระซิบแล้วดึงอูวดลให้เดินตาม สายตาอูวดลยังคงมองจ้าวสมุทรเฮนรี่ที่กำลังกล่าวทักทายกับจ้าวสมุทรมองต์ดิเอร์อย่างไม่วางตา..
'เรื่องวุ่นวาย..' คำนี้สะท้อนก้องอยู่ในจิตใจของอูวดล
จ้าวสมุทรวาสุกรีกับราชเทวีดาหวันแวะพูดคุยกับชายวัยกลางคนรูปร่างล่ำสันที่ยืนอยู่ถัดมา อูวดลรู้จากมาลาตีภายหลังว่า เขาคือ โจเซฟ ผู้บัญชาการหน่วยรบแห่งท้องทะเล เป็นอีกคนหนึ่งที่มีพลังเวท
"ก็คงมิวายพูดเรื่องกลุ่มโจรทะเลเลือดน่ะแหละ.." มาลาตีว่า
จากคุณ :
Waasuthep
- [
19 พ.ค. 47 16:15:15
A:203.172.120.173 X:
]