CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown



    แนวตบจูบ-เจ้าสาวเบอร์สอง

    นวนิยายขนาดสั้น 12 ตอนจบ
    เจ้าสาวเบอร์สอง / นิรา เขียน
    ........................................................................................................
    ตอนที่ 1
    รถแท็กซี่ป้ายแดงที่แล่นมาด้วยความเร็วสูงอันเกิดจากคำร้องขอของผู้โดยสารให้เร่งความเร็วนับแต่ขึ้นรถ เนื่องจากกลัวว่าหากขืนชักช้า อาจทำให้ไม่ทันการนั้น เริ่มชะลอความเร็วเมื่อใกล้ถึงโรงแรมใหญ่ใจกลางเมือง

    ผู้โดยสารซึ่งเป็นหญิงสาวที่เรียกได้ว่า “สวยจัด” ด้วยมีรูปร่างสมส่วนและใบหน้าที่ราวกับออกมาจากฝีมือของจิตรกรสวรรค์ตัดสินใจหยิบสิ่งที่อยู่ในกระเป๋าสะพายใบเล็กออกมาถือด้วยสีหน้าบ่งบอกถึงการครุ่นคิดอะไรบางอย่าง

    ซึ่งทำเอาคนที่ขับรถอยู่ตอนหน้าถึงกับสะดุ้งโหยง เหงื่อทะลักออกมาบนใบหน้าจนเจ้าตัวต้องเลื่อนมือข้างหนึ่งขึ้นไปปาดไปมาจนแห้งหาย เมื่อสายตาของเขามองผ่านกระจกบริเวณที่ติดอยู่ตรงกลางแล้วพบว่าผู้โดยสารหยิบปืนออกถือเอาไว้ด้วยแววตามุ่งที่ชวนให้ขนหัวลุก

    จนกระทั่งได้ยินเสียงบอกเล่าว่า “ไม่ต้องกลัวหรอกค่ะ ปืนปลอม” นั่นแหละทำให้ชายวัยกลางคนรูปร่างอ้วนใหญ่ถึงเบาใจลงมาได้

    “คุณเล่นเอาผมตกใจหมดเลย”

    คนฟังหัวเราะคิกด้วยความชอบใจ ก่อนจะหยุดเงียบไปในที่สุด

    หล่อนเงยหน้ามองป้ายชื่อโรงแรมที่อยู่ด้านใกล้เข้ามาทุกขณะ แล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่

    ...ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง นาง... ฉันจะไม่ยอมเสียเธอไปฟรีๆ แน่ ใครมันทำอะไรไม่ดีกับเธอไว้ มันต้องรับผิดชอบสิ่งที่มันทำ…

    จอมแก้วบอกตนเองอย่างมุ่งมั่น

    “คุณ ๆ ถึงแล้วครับ
    เสียงคนขับรถที่ดังขึ้น ทำให้ความคิดของจอมแก้วสะดุดลง หล่อนตัดสินใจสอดปืนสีดำที่มันดูเหมือนของจริงมากลงในกระเป๋าถือ แล้วหยิบธนบัตรสีม่วงส่งให้คนข้างหน้า

    “ไม่ต้องทอน”

    จอมแก้วบอก และนั่นทำให้คนฟังถึงกับยิ้มแก้มปริ ด้วยว่าตัวเลขบนมิเตอร์นั้นมันเดินไปไม่ถึงสองร้อยบาทด้วยซ้ำไป

    “ขอบคุณครับ ขอบคุณ…ผมขอให้”

    เขาร้องบอกเสียงระล่ำระลัก หากต้องหยุดคำขอบคุณที่เหลือกลืนหายลงไปในลำคอ เมื่อผู้โดยสารเปิดประตูรถแล้วก้าวออกไปอย่างรวดเร็ว

    ชายวัยกลางคนมองตามร่างที่เดินตรงเข้าไปในโรงแรมด้วยความแปลกใจ เพราะจะว่าไปแล้วเขาไม่เคยเห็นเจ้าสาวคนไหนมาก่อน ที่จะต้องมางานของตนเองเพียงลำพัง ปราศจากคนดูแล และ มิหนำซ้ำเจ้าหล่อนยังจะพกปืนเด็กเล่นมาอีกด้วย

    “ถ้าจะยุ่งแล้วมั่งงานนี้”

    ..........................................................

    “งานคุณธวัชห้องไหนค่ะ”

    พนักงานต้อนรับสาวกวาดตามองเจ้าของคำถามด้วยความงุนงง ด้วยไม่คิดว่าคำถามนี้จะดังออกมาจากคนตรงหน้า เพราะน่าจะเป็นผู้ที่รู้ดีกว่าใครอื่น หากจำต้องตอบออกมาว่า “ห้องทับทิมสยาม ชั้นสิบห้าค่ะ”

    คนฟังพยักหน้า แล้วเคลื่อนกายตรงไปที่นั่นอย่างรวดเร็ว ไม่สนใจท่าทีของใครที่จ้องมองด้วยความสนใจทั้งสิ้น

    จนกระทั่งเข้าไปหยุดยืนอยู่ในลิฟท์แล้ว หล่อนจึงถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง ด้วยหัวใจที่เต้นระรัวกว่าทุกครั้งที่ผ่านมาในชีวิต เพราะหล่อนรู้ดีว่าเหตุการณ์อีกไม่กี่นาทีข้างหน้า มันต้อง “ยุ่ง” เสียจนน่าขยาดมากจนถึงมากที่สุด
    ..ชีวิตต้องสังเวยด้วยชีวิต

    จอมแก้วพึมพำ

    และเมื่อลิฟท์เปิดกว้างในชั้นที่ปรากฏตัวเลขสิบสี่ หญิงสาวจึงก้าวออกลิฟท์อย่างมุ่งมาด พลางก้าวตรงยังห้องทับทิมสยาม ซึ่งมีป้ายเล็กๆ แจ้งบอกไว้ให้เห็น ก่อนจะหยุดสองนิ่งเมื่อสองหูแว่วยินเสียงเพลง “จงรัก” ดังขึ้น

    ...โปรดอย่าถามว่าฉันเป็นใครเมื่อในอดีต และโปรดอย่าถามว่าอดีตฉันเคยรักใคร รู้ไว้อย่างเดียว เดี๋ยวนี้รักเธอและรักหมดใจ รักมากเพียงไหน กำหนดวัดได้เท่าดวงใจฉัน...

    จอมแก้วหัวเราะหึในลำคอ ก่อนจะพูดเปรยว่า “ดัดจริต ช่างเลือกเพลง” จากนั้นจึงก้าวต่อไปข้างหน้าอีกครั้ง

    และเมื่อหล่อนเดินไปหยุดด้านหน้าห้องมรกต เสียงต่างๆ ก็ดังเข้ามาแทนที

    เสียงเหล่านั้นล้วนแสดงออกถึงความประหลาดใจทั้งสิ้น เมื่อจู่ ๆ ก็มีหญิงสาวสวย มาดดีดุจนางพญา สวมชุดเจ้าสาวสีขาวเข้ามาในงานอีกคนด้วยสีหน้าแววตาระรื่น แถมยังโบกมือทักทายใครต่อใครราวกับรู้จักมักจี่เป็นอย่างดีนั่นก็ยิ่งทำให้แขกในงานสนเท่ห์ขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว

    “คุณมาผิดงานหรือเปล่าครับ”

    เสียงกระซิบที่ดังเข้าหู ทำให้จอมแก้วต้องหันไปมองทางด้านหลัง อันเป็นที่มาของเสียง ด้วยความเสียดายกับท่วงท่านางงามโบกมือทักทายผู้ชมที่หล่อนกำลังรู้สึกสนุกสนาน

    ซึงนั่นเองทำให้หล่อนได้รู้ว่าเจ้าของเสียงนั้นมาจากชายหนุ่มร่างสูง หล่อเหลาราวกับเทพบุตรกรีก ซึ่งสวมชุดสูทสีน้ำตาลไหม้

    “นี่งานแต่งงานของคุณชมธวัชหรือเปล่าค่ะ”

    จอมแก้วถามด้วยประกายยั่วยวนคนตรงหน้า อย่างนึกสนุก เพราะลางสังหรณ์บางอย่างบบอกหล่อนว่าชายผู้นี้จะต้องเป็นผู้มีส่วนร่วมสำคัญในการจัดงานนี้อย่างแน่นอน

    “ใช่ครับ”

    ชายหน้าหล่อตอบรับคำ ด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

    จอมแก้วมองหน้าอีกฝ่ายอย่างประเมิน ก่อนตอบว่า “งั้นฉันมาไม่ผิด” แล้วผละหนี แล้วไปหยุดยังด้านหน้าผู้เป็นเจ้าบ่าวของงานที่ยืนหน้าแดงก่ำ ใกล้ๆสตรีผู้สวมชุดเจ้าสาวอีกคนที่กำลังกลอกตาไปมาอย่างงุนงง

    “คุณมาที่นี่ทำไม”

    ชมธวัชเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียม

    จอมแก้วแสยะยิ้ม ก่อนจะเค้นเสียงออกมาว่า “ฉันต้องมา”

    “แต่”

    “ไม่มีแต่ค่ะชมธวัช งานนี้มันเป็นงานสำคัญของฉัน”

    “คุณกลับไปยังที่ที่คุณควรอยู่เดี๋ยวนี้ ไม่งั้นจะหาว่าผมใจร้ายไม่
    ไม่ได้เด็ดขาด”

    แต่แล้วชมธวัชก็ต้องแปลกใจ ด้วยว่าคนตรงหน้ากลับยิ้มหวานยั่วมาให้ ผิดกับวันวานที่แค่เขาขึ้นเสียงนิดหน่อย หญิงสาวตรงก็น้ำตาร่วงพรูแล้ว

    “คุณขู่ฉันหรือชมธวัช”

    แถมยังย้อมถามเขากลับมาด้วยน้ำเสียงดุดัน แววตาแข้งกร้าวอีกด้วย

    ชายหนุ่มโคลงศีรษะ ก่อนจะหันไปกระซิบบอกเจ้าสาวอีกคนที่ยืนหน้าซีดเผือดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล อ่อนโยนว่า “ผมจัดการได้”

    แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้จัดการ หญิงสาวในชุดสีขาวก็ผละหนีไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะไปหยุดยืนอยู่ข้างแท่นรับน้ำสังข์ซึ่งอยู่มุมหนึ่งของห้อง

    ธมธวัชสะดุ้งโหยง เมื่อสมองของเขาคาดเดาอะไรบางอย่างขึ้นมาได้แต่ก็สายเกินไปที่จะเข้าไปขัดขวาง

    เพราะทันทีที่เขาก้าวไปถึงจุดรับน้ำสังข์ ร่างในชุดสีขาวก็ทรุดตัวลงนั่งลงบนเก้าอี้สำคัญหนึ่งในสองนั้นเสียแล้ว

    ชมธวัชกวาดตามองแขกเหรื่อในงานด้วยความหงุดหงิดใจ เมื่อเห็นว่าหลายคน เริ่มจับกลุ่มกระซิบกระซาบ แถมยังจะหรี่ตามองมายังเขาเป็นระยะๆ อีกด้วย

    ดังนั้นแววตาของเขาที่มองกลับไปยังร่างบอบบาง ที่นั่งยิ้มระรื่นนั้นจึงไม่ต่างกับไฟร้อนแรงที่พร้อมจะแผดเผาร่างในให้มอดไหม้เป็นจุณ

    “ผู้หญิงคนนั้น เป็นใคร ชมธวัช”

    ชมธวัชละสายตาหันไปมองผู้ที่ก้าวเข้ามาหาด้วยแววตาเคร่งครึม
    ชายผู้ที่กำลังจะกลายเป็น “พ่อตา” ของเขานั่นเอง

    “คือ... คือว่า”

    ดังนั้นเสียงของเขาเวลาเอ่ยออกมาจึงตะกุกตะกักอย่างช่วยไม่ได้

    “คือว่า ..เธอเคย...แค่แคย เป็นผู้หญิงคนหนึ่งในอดีตของผมน่ะครับ”

    “แล้วทำไมไม่จัดการให้เรียบร้อยก่อน”

    คำถามนั้นทำให้เขาน้ำลายติดคออย่างช่วยไม่ได้ ก่อนจะอ้อมแอ้มออกมาว่า “ ไม่เป็นไรครับ คุณพ่อ ผมจัดการได้ เธอไม่ใช่คนที่มีพิษสงอะไรบางหรอกครับ”

    ชมธวัชพูดความจริง ผู้หญิงคนนี้ไม่เคยมีพิษสงมาก่อนสำหรับเขา เธออ่อนแอเสียด้วยซ้ำ เพียงแต่ว่าวันนี้เจ้าหล่อนไปโด๊ปยาอะไรมาสักอย่างเท่านั้น จึงทำให้ลุกขึ้นมาทำเรื่องบ้า ๆ อย่างที่เป็นอยู่ในตอนนี้

    เสียงหัวเราะหึ หึ หลุดออกมาจากปากผู้สูงวัย ขณะที่แววตาสื่อออกมาว่าดูถูกอย่างแจ่มชัด ก่อนจะเดินเข้าไปกระซิบที่ว่าลูกเคยเบา ๆ ทีข้างหูพอให้ได้ยินเพียงสองคนว่า

    “ขนาดไม่มีพิษน่ะนี่ หล่อนยังทำได้ถึงขนาดนี้...ถ้ามีพิษเจ้าหล่อนคงปาดคอแกไปเสียบประจานหน้าศาลากลางเมืองแล้วกระมัง อ้อ...หรือว่าเป็นนางงูเหลือมปลอมตัวมา ไม่มีพิษแต่กลืนควายได้ทั้งตัว”

    ชมธวัชร้อนผ่าวไปทั้งร่างกาย กับคำพูดแดกดันที่เข้าหู แต่สิ่งเดียวที่เขาทำได้ก็คือก้มหน้านิ่ง

    เพราะว่าที่พ่อตาของเขานั้นไม่ใช่ใครที่จะมาเล่นด้วยได้ง่าย ๆ

    ผู้สูงวัยเหลือบตาไปมองบุตรสาวที่ยืนหน้าซีดเผือดด้วยความสงสาร เพราะรู้ดีว่าคนอย่าง สุมาลี นั้น ไม่เคยต้องพานพบเรื่องเลวร้ายเช่นนี้มากก่อนในชีวิต

    โลกของเธอมีด้านเดียวเท่านั้น คือความสวยงาม

    “ใจเย็น ๆ น่ะลูก เดี๋ยวพ่อไปจัดการให้”

    สุมาลีพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย
    ขณะที่ผู้ที่ยืนด้านข้างถอนหายใจออกมาอย่างปลอดโปร่งใจ
    เพราะรู้ดีว่าบารมีของ “เจ้าสัวพิชัย” นั้นแผ่กว้างเพียงใด

    ...........................................


    ***รบกวนขอความคิดเห็นจากเพื่อน ๆ ด้วยค่ะ สำหรับเรื่องแนวนี้ ซึ่งไม่ใช่เรื่องแนววัยรุ่นเหมือนเช่นเรื่องอื่น ๆ ที่ลงอยู่ ...เพราะไม่แน่ใจว่าเหมาะสมกับนักอ่านใน pantip หรือไม่ ...หากคิดว่าไม่เหมาะสมบอกได้เลยนะค่ะ เพราะจะได้ไม่ต้องนำมาลงต่ออีก - ขอบพระคุณค่ะ***

    จากคุณ : นิรา - [ 21 พ.ค. 47 08:07:02 A:169.210.18.11 X: ]